3.กลืนได้หรือเจ้าคะ
ขณะที่คิดอย่างสับสนและเกิดความครั่นคร้ามใจ ไป๋ลู่เถียนก็มิทันได้รู้ว่าชายหนุ่มจับนางเปลี่ยนท่าทาง และเขายังได้ขี้ผึ้งเนื้อดีมาป้ายบนกลีบงาม ๆ อันอวบอูมไร้แพรไหมสีดำ รวมถึงทาตรงปลายหัวหยักของตนไปด้วย
อึดใจต่อมา ชายหนุ่มใช้แก่นกายฟาดเบา ๆ ที่เนินเนื้อสาว ก่อนจ่อหัวมันที่ปากทางสวาท และไม่ทันที่เขาจะได้เป็นฝ่ายส่งความใหญ่โตไปฉกชิมความหวาน ก็กลายเป็นว่าไป๋ลู่เถียนขยับตัว และแอ่งเนื้องามค่อย ๆ ดูดความแข็งแรงของเขาเข้าไปทีละนิด จนหัวปลายหยักฝังสู่เนื้อนุ่มอันฉ่ำเยิ้ม
“อ๊ะ... นะ นายท่าน!”
ไป๋ลู่เถียนอับอาย แต่นางชอบความรู้สึกนี้ อัดแน่น เสียวสยิว
“เหลวไหล เรียกท่านพี่หรือสามีสิ เด็กน้อย!”
“อี๊...อ๋า...อี๊ ๆ ๆ เหตุใดผู้น้อยถึงได้ร้อนไปทั้งตัว และรู้สึกเหมือนร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ใหญ่เหลือเกิน อี๊ มันใหญ่เกินไป!”
“ใจเย็นสิ...เดี๋ยวข้าจะช่วยเติมลมหายใจแก่เจ้า”
เขาบอกและปลอบนาง จากนั้นความหนุ่มแน่น ที่แข็งขันก็แทรกลึกตลอดทั้งลำ เกินที่ไป๋ลู่เถียนจะปฏิเสธอีกฝ่าย
นางซาบซ่านสยิวทั้งร่างกาย สองมือไขว่คว้ากอดเขาไว้ ส่วนริมฝีปากจูบเขา พร้อมสลับการใช้ลิ้นดูดตวัดรัดกันเป็นพัลวัน
ในยามที่นางปล่อยให้เขาได้มีเวลาหายใจสะดวก เสียงห้าว ๆ ที่ดังอย่างชมเชยนาง ฟังได้ใจความว่า
“แม่นางน้อย กลีบหวานนี้ดูดเก่งเป็นบ้า!”
ยิ่งเขาชมนางเช่นนั้น ไป๋ลู่เถียนก็อยากทำให้ปันเส้าเฟิงหลงนาง รักนางอย่างหัวปักหัวปำ ดังนั้นกลีบหวานล้ำที่ถูกเขากระแทกใส่อยู่ยามนี้ จึงเดี๋ยวบีบรัด เดี๋ยวส่ายสะโพกยั่วเย้าเขาราวกับเป็นสตรีร่านสวาท
กระทั่งเขาจูบนางหนัก ๆ อีกสองครั้ง แล้วส่งเสียงพึงใจให้ได้ยิน นางก็เอ่ยถามอีกฝ่ายว่า
“หากผู้น้อยบังอาจขอเป็นฝ่ายควบขี่ม้าศึกบ้าง ทะ…ท่านจะอนุญาตหรือไม่”
ยามนี้ไป๋ลู่เถียนกล้าหาญและบ้าบิ่น นางเรียกเขาอย่างไม่กลัวหัวจะหลุดจากบ่า มิหนำซ้ำยังขอเป็นฝ่ายควบคุมบทรักครั้งนี้ด้วย
“ได้สิ แต่เจ้าต้องแสดงให้เก่ง อย่าได้พ่ายแพ้ง่าย ๆ หรืองอแงยามที่ข้าเสือกความใหญ่โตอัดใส่กลีบนุ่มนิ่มของเจ้าอย่างถี่ยับ”
“ท่านพี่เจ้าขา แม้ข้ายังเด็กและปัญญาทึบสักหน่อย แต่เรื่องขี่ม้าและควบให้มันไปสู่จุดหมาย คือสิ่งที่ข้าชำนาญ อีกทั้งผู้ใดก็ห้ามดูถูก” เมื่อกล่าวจบนางก็ปรับเปลี่ยนท่าทางตน โดยมีปันเส้าเฟิงคอยช่วยทุกการเคลื่อนไหวนั้นแก่นกายเขายังฝังอยู่ในแอ่งเนื้อนุ่มนิ่ม ทั้งคู่ครางผสานกัน เดี๋ยวจูบ เดี๋ยวซุกไซ้เรือนกายอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครยอมแพ้
กระทั่งไป๋ลู่เถียนนั่งทับบนตัวของปันเส้าเฟิง นางจึงค่อย ๆ ยกบั้นท้ายขึ้น สลับการบดเบียดและส่ายเย้ายั่วยวนเขา
หัวคิ้วเข้ม ๆ ของปันเส้าเฟิงขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย ยามนี้เขาคลั่งไคล้นางและคงพร้อมสาดความรักอันขุ่นข้นออกมาแล้ว
“ท่านพี่มั่นใจต่อผู้น้อยหรือไม่”
“เอ เจ้าหมายถึง?”
“ก็ทุกหยาดหยดของท่านพี่ นับแต่นี้จะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
“เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา คืนนี้มากกว่าสามรอบ ข้าก็ปล่อยออกมาให้เจ้ากลืนกินได้ไม่มีวันหมด”
“อ๊ะ...ท่านพี่ล้อข้าเล่นแล้ว”
“เรื่องจริง ปากล่างของเจ้าจะหยาดเยิ้มจนล้นทะลัก และข้าจะกระแทกใส่จนเจ้าไม่อาจร้องขอให้ผู้ใดทำเช่นนี้ได้อีก”
ไป๋ลู่เถียนสยิวใจ มือข้างหนึ่งบีบนวดเฟ้นหน้าอกตน ก่อนบดบี้ยอดถันที่กลายเป็นสีแดงเข้มและแข็งเป็นไต
ส่วนมืออีกยื่นไปเขี่ยริมฝีปากล่างของปันเส้าเฟิงอย่างหยอกเย้า และเขาแกล้งไล่งับนิ้วเรียวสวย
อึดใจต่อมา ไป๋ลู่เถียนถามเขาเสียงสดใส หากเจือด้วยไฟราคะร้อนแรง “เมื่อปากล่างอูม ๆ ของผู้น้อย เต็มอิ่มกับความหวานของท่านพี่แล้ว ส่วนปากบนนี้เล่า ท่านพี่จะทำสิ่งใดกับสตรีโง่เขลา”
ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ แล้วตอบนางว่า
“เมื่อข้าเสร็จในน้ำที่สี่ ข้าจะป้อนมันใส่ปากเจ้า”
“อ๊ะ น้ำวิสุทธิ์ของบุรุษนั้น สตรีกลืนลงท้องได้หรือเจ้าคะ”
นางถามเขาด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ ทั้งออดอ้อน
“เด็กน้อย เชื่อข้าเถิด ทั้งปากล่างและปากบนของเข้า ล้วนกลืนกินน้ำหวานของข้าได้ทั้งสิ้น”