บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เด็กหลงทาง

ช่วงบ่ายพนักงานรุ่นจิ๋วออกอาการงอแงร้องหาแม่ ในขณะที่แม่ยังติดงานจัดอาหารว่างให้กับแขก ป้ากิ้มจัดที่นอนให้อย่างเรียบร้อย คนตัวป้อมขึ้นไปนั่งขัดสมาธิอยู่กลางเบาะนอน แต่กลับไม่ยอมนอน

“แปลกที่เหรอเบนเบน รอแม่กลับมาก่อนนะ แต่ถ้าง่วงจนทนไม่ไหวก็นอนได้เลย ยายอยู่กับเบนเบนตรงนี้แหละ”

“หาเปมจ๋า...”

“เดี๋ยวแม่ก็มา นอนรอแม่ไปก่อนนะ”

ป้ากิ้มหยิบตุ๊กตาที่เคยได้จากการจับสลากของขวัญปีใหม่เมื่อคราวก่อนออกมา นางเก็บไว้ในตู้เป็นอย่างดี วันนี้คงได้ฤกษ์หยิบมันมาใช้งาน

ตุ๊กตาหมีขนนุ่มดึงความสนใจของเด็กชายได้ดี หญิงวัยกลางคนจัดท่านอนให้เด็กชาย เจ้าตัวไม่ขืนแรง อาจเป็นเพราะง่วงเต็มทนแล้ว ซึ่งไม่กี่นาทีเด็กชายก็หลับผล็อย

ป้ากิ้มถอยห่างออกมา พินิจคนร่างเล็กป้อมที่นอนหลับสนิทแล้ว

เจ้าเด็กหลงทางเอ๊ย! เจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันนะ มาโตอยู่ในรีสอร์ต ญาติมิตรก็ไม่มี หน้าตาหล่อเหลาเอาการเชียว แม่ของเจ้าก็สวยอยู่หรอกนะ แต่หน้าตาของเจ้าไม่คล้ายแม่ พ่อของเจ้าเป็นใครกัน

ประตูลิฟต์ของอาคารสำนักงานในทำเลรองของกรุงเทพฯ เปิดออกสู่ชั้นสิบแปด ชายหนุ่มวัยสามสิบกลางมาดนักธุรกิจเดินเข้าไปในบริษัทพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ซึ่งเช่าพื้นที่ทำสำนักงานทั้งชั้น เขาเดินผ่านเจ้าหน้าที่บริการส่วนหน้าอย่างคุ้นเคย ก่อนจะไปหยุดอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเลขาฯ ของคนเป้าหมาย

“บอสของคุณอยู่หรือเปล่าครับ ผมมาหาเขา แต่ไม่ได้นัดกันไว้”

“บอสอยู่ค่ะ แต่ท่าทางยุ่งๆ หน่อยนะคะ กุ๊กจะไปแจ้งให้บอสทราบก่อนว่าคุณโค้ดมา เชิญคุณโค้ดนั่งรอก่อนค่ะ”

เลขาฯ ท่าทางปราดเปรียว ลุกสาวเปรี้ยวไม่หยอก แถมท่วงท่าก็ยังสมาร์ต เดินไปทำหน้าที่ของเธอ...

แวบหนึ่งนั้นมันอดไม่ได้ที่ทำให้เขานึกถึงเลขาฯ คนเก่าของเพื่อน ฝ่ายนั้นเป็นเด็กใหม่หน้าใส ท่าทางอ่อนน้อม แม้จะเอางานเอาการ แต่ไม่คล่องแคล่วนัก จนคล้ายกับเลขาฯ ฝึกหัดที่เจ้านายต้องคอยเทกแคร์เสียมากกว่า ด้วยสายตาของผู้ชายที่ผ่านโลกมามากพอ เขาก็ดูออกว่าเจ้าหล่อนเป็นมากกว่าเลขาฯ ของเพื่อน ซึ่งนั่นแหละ...เขามองไม่พลาด

“บอสให้เชิญคุณโค้ดเข้าไปในห้องทำงานค่ะ”

เลขาฯ คนปัจจุบันเดินกลับออกมาเชิญเขา ภากรตอบรับอย่างสุภาพ แล้วตรงไปผลักประตูห้องทำงานของเพื่อน

“ทำไมไม่เข้ามาเลยวะ ทำให้มันยุ่งยากมากขั้นตอนทำไม”

“ไม่อยากถืออภิสิทธิ์ว่าเป็นเพื่อนของมึง เดี๋ยวบริษัทของมึงจะเสียระบบ”

ภากรบอกพลางดึงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเพื่อนมาหย่อนกายนั่งลงโดยไม่รอคำเชื้อเชิญ

“คิดดี งั้นทีหลังมึงก็ขออนุญาตผ่านเลขาฯ กูทุกรอบ”

“ไม่รับปาก คงต้องแล้วแต่อารมณ์ของกูด้วย”

“เวร” ดนตร์สบถขำๆ ขณะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขาถือโอกาสพักไปในตัว “มาหากู...มีธุระอะไรหรือเปล่า”

“ตอนเที่ยงกูไปส่งไอ้คุ้งที่งานแสดงการท่องเที่ยว กูเจอไอ้หม่อนด้วย”

“คนเป็นล้าน พวกมึงเจอกันได้ไง”

“ไม่รู้ว่ะ ก็มันเจอไปแล้ว เจอกันตรงลานจอดรถ ได้คุยกันนิดหน่อย เพราะพวกนั้นต้องเข้าไปในงาน ส่วนกูก็เลยมาหามึงนี่แหละ”

“ทำตัวเป็นพวกว่างงานไปได้”

“เมียไม่ให้โหมงานหนัก กูแค่เชื่อฟังเมีย”

“เออ! ดีจริง ว่าแต่นิดหน่อยท้องอยู่ใช่ไหม รอบนี้ได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”

“ท้องไม่กี่เดือน ยังไม่รู้เพศ แต่กูมั่นใจว่าท้องนี้กูได้ลูกชายแน่นอน”

ไม่ถามเพื่อนหรอกว่ารู้ได้อย่างไรว่าตัวเองจะได้ลูกชาย เพราะเกรงจะเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโอ้อวดสรรพคุณกลับมา มันจะทำให้เขาหมั่นไส้เสียเปล่าๆ ดนตร์จึงตัดจบเรื่องนี้ไปเสีย

“เมื่อคืนไอ้หม่อนโทร.มาชวนกูออกไปกินเหล้า กูเลยบอกให้มันชวนมึง”

“กูรู้แล้ว แต่มันไม่ได้โทร.มาชวนกูหรอกนะ มันเพิ่งบอกกูเมื่อกี้เอง มันบอกด้วยว่าเมื่อคืนมึงเมา กูเลยแวะมาดูมึงนี่แหละว่ายังอยู่สบายดีหรือเปล่า”

“กูไม่ได้เป็นอะไร”

“แค่ครึ้มอกครึ้มใจเอาเหล้ามากิน?”

“ไม่ได้หรือวะ”

“ได้! ได้สิ”

ภากรย้ำคำหนักๆ แต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนเจ้าตัวไม่ได้เชื่อในคำพูดเขา เขาเลยหันความสนใจไปยังหน้าจอโน้ตบุ๊กเพื่อตรวจสอบงานจากลูกน้องเสีย...ทว่าอีกฝ่ายก็รั้งเขากลับมาด้วยบทสนทนาที่ว่าด้วยเรื่องของตัวเองล้วนๆ

“กูตั้งใจจะหยุดพักร้อนเพื่อพาลูกกับเมียไปพักผ่อนสักหน่อย คิดเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เมื่อกี้พอเจอไอ้หม่อน กูก็เลยนึกได้ว่าลูกพีชไม่เคยไปเที่ยวทะเล”

“รีสอร์ตของไอ้หม่อนไม่ติดทะเล”

“เอาน่า...ไปถึงระนองแล้ว เดี๋ยวก็เจอทะเลเอง ใกล้ๆ รีสอร์ตของมันก็มีเกาะเล็กเกาะน้อยตั้งหลายแห่ง มีหาดทรายสวยๆ ให้เที่ยวพักผ่อนหลายที่”

“อืม...ก็ดี”

น้ำเสียงเนิบ หากในใจก็อดอิจฉาเพื่อนที่มีลูกและเมียอยู่ข้างกายไม่ได้...ทำไมในสมองของเขาต้องวุ่นวายอยู่แต่นางโจรคนนั้น มันทำให้เขาเดินไปข้างหน้าไม่ได้สักที

“เนี่ย! มึงดูสิ เว็บไซต์กับเพจรีสอร์ต ถ้าไม่เจอมัน กูก็ไม่รู้หรอกว่ากิจการของมันก้าวหน้าดีมาก ตั้งแต่มันไปบุกเบิกที่ดินของพ่อให้เป็นรีสอร์ตเมื่อหลายปีก่อน จนถึงตอนนี้กูก็ไม่เคยไปที่นั่นสักที”

เมื่อภากรเลื่อนโทรศัพท์มือถือไปให้ดู ดนตร์ก็อดที่จะหยิบมามองใกล้ๆ ไม่ได้ เขาเลื่อนไปมองภาพอื่นๆ ที่แสดงอยู่บนเว็บไซต์ ภาพและองค์ประกอบล้วนดึงดูดความสนใจ เชิญชวนคนที่อยากพักให้ไปพัก...เสียแต่ว่าเขาไม่คิดอยากจะไปพักผ่อนในเวลานี้

“มันเลี้ยงลูกเทพด้วยหรือวะ”

ดนตร์ทักขึ้น เมื่อสังเกตว่าแทบทุกรูปบนเว็บไซต์มีเจ้าเด็กตัวอวบที่กำลังยิ้มแป้นแล้นแทรกอยู่ด้วย

“หืม? อะไรเหรอ”

“เด็กอ้วนคนนี้ไง เข้าใจทำ...เอาเด็กมามาล่อแขกให้ไปเที่ยว เด็กมันไร้เดียงสา ดูแล้วผ่อนคลายดี”

“อ๋อ! เด็กคนนี้เอง ไอ้หม่อนบอกว่าเด็กเป็นลูกของคนงานในรีสอร์ต มันจับมาถ่ายรูปคู่กับรีสอร์ตตั้งแต่เด็กอายุหกเดือน จนตอนนี้อายุหนึ่งขวบกับแปดเดือนแล้ว เดี๋ยวคงได้กลายเป็นแบรนด์ประจำรีสอร์ตของมัน”

การบอกอายุของเด็กเป็นหลักเดือนได้อย่างแม่นยำและคล่องปากของภากรทำให้คนไม่มีลูกถึงกับเหล่ตามอง

แวบแรกนั้นดนตร์ก็นึกประหลาดใจว่าคนบ้าอะไรถึงไปจดจำรายละเอียดของพวกนี้ได้ แต่พอนึกว่าเพื่อนของตนกำลังจะเป็นคุณพ่อลูกสอง เขาก็เข้าใจได้ในทันที มันคงเป็นเรื่องธรรมดาของพวกบรรดาพ่อๆ...เพียงแต่เป็นตัวเขาเองที่ไม่อาจเข้าถึง

“มึงก็ควรพักบ้าง”

ไม่รู้ว่าคนพูดเห็นอะไรในตัวเขาถึงได้บอกให้เขาพัก แต่ดนตร์ก็ไม่คิดจะฟัง ทำไมเขาต้องทิ้งงานที่กำลังไปได้สวยแล้วไปพักผ่อนด้วยล่ะ ถ้าอยากจะพักเมื่อไร เขาก็พักของเขาเอง...

พวกเมียบอกให้พักแล้วพักตามใจเมีย ไปไกลๆ เลย

การไปกรุงเทพฯ ของมัฆวานในคราวนี้นับว่าเป็นการทิ้งรีสอร์ตไปนานที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งรีสอร์ตมา ถึงวันนี้ก็ครบหนึ่งสัปดาห์พอดีที่เขาไม่อยู่

น้ำรินดึงโทรศัพท์มือถือออกมา เมื่อคนปลายสายตัดสายสนทนาจากเธอแล้ว

“มีอะไรหรือริน คุณหม่อนโทร.มาหาแกทำไม”

พี่สาวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คนเป็นน้องสาวถึงกับผงะหนี เธอตกใจเพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆ

“คุณหม่อนยังไม่กลับรีสอร์ต เขาจะไปเชียงรายห้าวัน เขาบอกว่าฝากรีสอร์ตด้วย”

“เขาฝากรีสอร์ตไว้กับแกเนี่ยนะ...แกเกี่ยวอะไรกับเขา”

นั่นนะสิ น้ำรินถึงยังรู้สึกงงๆ อยู่นี่อย่างไรล่ะ เธองงตั้งแต่ได้รับสายของมัฆวานแล้ว ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยโทร.มาที่เบอร์ส่วนตัวของเธอ ส่วนเธอเองก็บันทึกเบอร์ของเขาไว้ในฐานะที่เขาเป็นเจ้านาย แต่ไม่เคยกล้าโทร.ไปรบกวนเขาสักที...หรือจะเรียกให้ถูกก็คือเธอไม่มีเหตุต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวนั่นเอง

“คุณหม่อนไปเชียงรายทำไม เขาไปเที่ยวเหรอ”

“เขาเจอคนรู้จักที่ทำรีสอร์ตอยู่ที่เชียงราย เขาก็เลยจะไปเที่ยวที่นั่น”

“อ๋อ! เขาคงไปเปิดหูเปิดตาและสร้างคอนเน็กชันตามประสาผู้ประกอบการธุรกิจเดียวกันน่ะ”

นุดีพยักหน้าเออออ เธอเข้าใจเจ้านายดี แต่มันรู้สึกคาใจตรงที่เจ้านายโทร.มาหาน้องสาวนี่แหละ

น้ำรินเป็นพนักงานที่ยังอ่อนอาวุโสหากเทียบกับพนักงานคนอื่น คนที่ทำงานใกล้ชิดกับมัฆวานก็มีอีกหลายคน ทำไมเขาไม่โทร.ไปบอกธุระปะปังกับคนเหล่านั้น

“แกไม่มีอะไรกับคุณหม่อนแน่ใช่ไหม”

“พี่นกหมายถึงอะไร”

น้ำรินกะพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าพี่สาวหมายถึงเรื่องอะไร หากอีกฝ่ายก็ไม่ให้ความกระจ่าง นอกจากโบกมือตัดบท

“เปล่า ถ้าแกยืนยันว่าไม่มี มันก็แล้วไป”

นุดีเดินจากไปแล้ว น้ำรินก็ตัดเรื่องนี้ออกไปจากใจ เธอเดินไปตรวจสอบรายชื่อแขกที่เช็กอินในวันนี้ตามหน้าที่ของตัวเอง

ทว่าการสนทนาของสองพี่น้องทำให้คนที่กำลังลิดก้านดอกไม้เพื่อจัดลงในแจกันเกิดความกังวลใจขึ้นมาแทน

เปรมปรีดาอยู่ในรีสอร์ตกลางหุบเขานี้มานาน จนลืมไปว่าแท้ที่จริงที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ห่างไกลจากสังคม ทุกคนยังติดต่อกับผู้คนภายนอก คงมีเพียงเธอกับลูกเท่านั้นที่ตัดขาดจากทุกสิ่งและเลือกที่จะหมกตัวอยู่ในนี้แทน

คุณหม่อนเป็นเจ้าของรีสอร์ต เขาต้องรู้จักคนมากมายเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่คงไม่มีใครที่รู้จักเราบังเอิญมาพักที่นี่หรอก...อย่าคิดมากไปเลยเปรม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel