บทที่ 3 นางโจร
หลังจากนั่งจิบเหล้าเคล้าพูดคุยกันตามประสาเพื่อนนานนับชั่วโมง มัฆวานก็ขอตัวกลับไปยังโรงแรมที่พักซึ่งจองไว้ใกล้กับสถานที่จัดงานแสดงการท่องเที่ยว เจ้าของบ้านหนุ่มฉวยขวดเหล้าที่ยังเหลืออีกครึ่งขวดนำไปเก็บไว้ตรงบาร์เครื่องดื่ม ก่อนจะเดินออกไปยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้าบ้าน
สายตาของดนตร์ทอดมองไปยังอาคารสูงสามสิบหกชั้นที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านทาวน์โฮมของตนประมาณสองร้อยเมตร ทั้งบ้านทั้งคอนโดมิเนียมพัฒนาโดยผู้ประกอบการเดียวกัน ในเวลานั้นเขาได้ตัดสินใจซื้อไว้ทั้งสองแห่ง...บ้านหลังนี้สำหรับเป็นที่พักของตน ส่วนห้องชุดนั้นเขาตั้งใจซื้อให้เธอ เพราะอยากจะให้เธอได้อยู่อย่างสุขสบายในสิ่งแวดล้อมที่ดี
‘คุณดนตร์จะสิ้นเปลืองเปล่าๆ ค่ะ เปรมอยู่หอพักเดิมได้ มันไม่ได้ลำบากอะไร หอพักก็อยู่ไม่ไกลจากบริษัทด้วย’
‘คอนโดฯ ก็อยู่ไม่ไกลจากบริษัทเหมือนกัน ถ้าเปรมย้ายมาอยู่ที่นี่ เราก็จะได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น ผมตั้งใจจะซื้อบ้านอยู่แล้ว พอเขาทำคอนโดฯ ขาย ผมก็เลยอยากซื้อเก็บไว้ทั้งสองแห่ง’
‘เปรมเป็นห่วงเรื่องการเงินของคุณดนตร์ บริษัทเพิ่งก่อตั้งเองค่ะ เปรมกลัวว่าถ้าคุณดนตร์ผ่อนทั้งบ้านทั้งคอนโดฯ พร้อมกัน มันจะเป็นภาระที่หนักเกินไป’
‘ไม่เป็นไร ผมมีเงินทุนสำหรับจ่ายค่าคอนโดฯ แล้ว’
แบล็กโอปอลที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนน้ำหนักเก้ากิโลกรัมนอนนิ่งๆ อยู่ในตู้เซฟในบ้านของเขา หินเลอค่าก้อนนี้ได้รับการการันตีจากสถาบันอัญมณีที่มีชื่อเสียงในประเทศจีนว่ามันเป็นโอปอลเนื้อดี มันถูกประเมินราคาไว้ที่เจ็ดล้านบาท ซึ่งเขาได้ตกลงขายให้กับนักธุรกิจชาวออสเตรเลียไว้เรียบร้อยแล้ว...
ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้น
ห้องชุดห้องนั้นเขาตั้งใจมอบให้เปรมปรีดา เขารอจังหวะไถ่ถอนโฉนดห้องชุดคืนมาจากธนาคารด้วยเงินก้อนใหญ่ที่หวังจะได้จากการขายแบล็กโอปอล จากนั้นก็จะโอนกรรมสิทธิ์ให้เธอ...แต่มันกลับไม่มีวันนั้น เพราะเธอตลบหลังเขาอย่างเจ็บแสบไปเสียก่อน
เปรมปรีดา...ผู้หญิงหน้าซื่อแต่ใจคด
เลี้ยงไม่เชื่อง! โลภ! เห็นแก่ได้!...คงมีแต่คำพวกนี้ที่เขามีให้ผู้หญิงอย่างเธอ
“หายหัวไปอยู่ที่ไหนของเธอนะ”
ดนตร์หลุดคำรำพึงถาม จู่ๆ เปรมปรีดาก็หายไป เธอไม่ทิ้งหลักฐานใดให้เขาตามตัวได้เลย บ่อยครั้งที่หัวใจของเขากระตุกเมื่อนึกว่าอาจเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หรือเธออาจไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
ชายหนุ่มสลัดศีรษะแรงๆ เพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไป เขาบอกตัวเองว่าไม่มีทางหรอก ผู้หญิงอย่างนั้นไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆ เพราะเธอแข็งแกร่งพอตัว เธอไม่ใช่ผู้หญิงใสซื่อและบอบบางอย่างภาพลวงตาที่เห็น
“เหลี่ยมจัดขนาดนี้ ต่อให้ไปโผล่ในดงสงคราม เธอก็ยังไม่ตาย... กลัวแต่จะกลายเป็นโจรเต็มขั้นไปซะก่อน”
ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้ม เมื่อนึกถึงเธอทีไร หัวใจของเขาก็ร้อนรุ่ม...มันทั้งเจ็บใจทั้งแค้นใจเหมือนหัวใจถูกบีบอัดจนร้าวไปทั้งอก
เปรมปรีดาจัดเป้สะพายหลังให้ลูกชาย หลังจากใส่เสื้อผ้าและรองเท้าผ้าใบให้เจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว เบนเบนออกอาการกระดี๊กระด๊า เพราะรู้ว่าเมื่อไรที่แม่แต่งตัวให้เขาอย่างเต็มสูตรเช่นนี้ เขาก็จะได้ออกไปทำงานกับแม่
“วันนี้เราจะไปอยู่ที่บ้านป้ากิ้มทั้งวันเลยนะคะ”
เด็กชายยิ้มกว้างจนเกือบจะเห็นฟันซี่เล็กขาวสะอาดครบทุกซี่ เปรมปรีดาบีบแก้มกลมๆ ของลูกเป็นเชิงเย้า เธอชอบมองดวงหน้าเล็กกลมยามดีใจ ประกายตาของเบนเบนทอประกายความสุขอย่างชัดเจน แต่หากยามใดที่เจ้าตัวเศร้าหรืองอแง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นี้ก็มักแสดงอารมณ์ตัดพ้อเจือเข้ามาด้วย มันทำให้เปรมปรีดารู้สึกว่าหัวใจหน่วงตามไปด้วย
“ไป...ไป...”
เปรมปรีดาคงจมกับความคิดนานเกินไป จึงไม่ทันใจคนพร้อมจะออกจากบ้าน มือป้อมๆ ตบบนไหล่ของเธออย่างเร่งเร้า
หญิงสาวเดินจูงมือลูกน้อยออกจากเรือนพัก ซึ่งเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียวที่มีเพียงหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ และหนึ่งห้องครัว หากมันพอดีสำหรับการพักอาศัยของสองชีวิต
ทางเดินที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนทอดยาวไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร แต่ทั้งสองคนใช้เวลาเดินนานกว่ายี่สิบนาที เพราะคนหนึ่งคอยแต่จะหยุดสำรวจใบไม้และยอดหญ้าที่พบเจอเกือบทุกย่างก้าว
คนเป็นแม่ไม่อยากเร่งเร้าลูก เพราะโลกกว้างของเด็กชายมีเพียงแค่นี้ การถูกเธอจำกัดบริเวณเพื่อป้องกันปัญหาใดๆ ที่อาจจะตามมา บ่อยครั้งที่ทำให้เธอรู้สึกสงสารลูกชาย...สงสาร แต่ไม่อาจตามใจเจ้าตัว
เหลือเวลาอีกเจ็ดนาทีกว่าจะถึงเวลาเข้างาน ทั้งสองแม่ลูกก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าเรือนซักรีดที่ป้ากิ้มใช้เป็นที่พักอาศัยไปในตัว เบนเบนคุ้นเคยกับหญิงวัยกลางคนแล้ว เจ้าตัวยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะยกมือป้อมขึ้นมาไหว้ทักทายเมื่อแม่บอกเตือน
“แต่งตัวหล่อเชียวนะ ไหนมาให้ยายดูสิ เสื้อตัวนี้ยายตัดเผื่อไซซ์ให้ใส่ในอีกสามสี่เดือนข้างหน้า ทำไมวันนี้เบนเบนถึงใส่ได้พอดีแล้วล่ะ”
เบนเบนไม่หวงตัวกับยายกิ้ม ไม่ว่ายายกิ้มจะจับส่วนไหนของร่างกาย เจ้าตัวก็จะโอนอ่อนตาม เพราะเด็กชายสัมผัสได้ถึงความใจดีของหญิงวัยกลางคน...ซึ่งมีไม่กี่คนหรอกที่เบนเบนจะมอบความรู้สึกนี้ไปให้
“ยังดีนะ ถึงจะไม่ค่อยพูด แต่ก็ยิ้มแย้ม เรียกชื่อทีไรก็หันไว บอกให้ทำอะไรก็ทำตาม ไม่งั้นป้าคงห่วงว่าเจ้าเบนเบนจะมีพัฒนาการช้า เปรมต้องพาลูกออกมานอกบ้านให้มากขึ้น กระเตงมาทำงานทุกวันก็ได้”
“เปรมเกรงใจพนักงานคนอื่นค่ะ ถ้าเบนเบนมาด้วย เปรมจะทำงานได้ไม่เต็มที่ มันจะเป็นการเอาเปรียบพวกเขา”
ป้ากิ้มถอนหายใจ แรกทีเดียวที่เปรมปรีดาเข้ามาเป็นพนักงานใหม่ พนักงานคนอื่นแทบจะแท็กทีมกันต่อต้าน เหตุผลนั้นหรือ...นางไม่อยากนึกถึงแล้ว เพราะนึกทีไรก็ปวดหัวทุกที ยังดีที่ตอนนี้พนักงานหลายคนอ่อนลงมาก...อ่อนลงตั้งแต่คนต้นเหตุไม่อยู่ที่รีสอร์ตนั่นแหละ
“เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้พวกสาวๆ พากันหลงเจ้าเบนเบนยังกับอะไรดี อยากจะเล่นด้วย แต่อิหลักอิเหลื่อตรงที่เคยหมางเมินกับแม่ของเจ้าเบนเบนมาก่อน”
“เปรมไม่ได้คิดอะไรกับใครเลยนะคะ”
เปรมปรีดารีบออกตัว ใครจะว่าเธอเป็นคนยอมคนหรือเป็นคนหัวอ่อนก็ช่างเถอะ ถ้ามันทำให้เธออยู่รอดต่อไปได้ เธออยากอยู่ที่รีสอร์ตดาวเต็มฟ้าไปนานๆ เพราะที่นี่ให้ความปลอดภัยกับเธอและลูกได้...อย่างน้อยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ อดีตที่เธอไม่อยากจดจำก็ไม่เคยกล้ำกรายเข้ามาใกล้เลย
มัฆวานโทร.กลับไปหาดนตร์ในเวลาเกือบสองทุ่ม เขารออยู่ครู่หนึ่งกว่าฝ่ายนั้นจะรับสาย
“มีอะไร”
เสียงยานคางของคนปลายสายทำให้มัฆวานกระตุกยิ้มขำ
“ตอนแรกกูว่าจะชวนมึงออกไปดื่มข้างนอก แต่ฟังเสียงของมึงแล้ว กูไม่ชวนดีกว่า กูไปเองก็ได้”
“เออ! กูไม่ออกไปไหนแล้ว มึงไปชวนไอ้โค้ดสิ”
“กูไม่ยุ่งกับมันหรอก เกรงใจเมียของมัน ลูกสาวก็ติดมันหนึบอย่างกับอะไรดี ปล่อยให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกไปนั่นแหละ ได้ข่าวว่าเมียท้องลูกอีกคนแล้วนี่นา…ส่วนมึงก็เมาอยู่บ้านต่อไป กินไปกี่ขวดแล้ววะเนี่ย ถึงได้ลิ้นแข็งขนาดนี้ ถ้าเมามากก็เข้านอนซะเถอะ”
มัฆวานตัดสายโดยไม่รอฟังคำตอบจากคนเมา เขาไม่คิดจะโทร.ไปชวนภากรเช่นกัน เพราะฝ่ายนั้นถือเป็นเพื่อนของดนตร์อีกที เขารู้จักภากรผ่านดนตร์ ความสนิทสนมจึงมีน้อยกว่าดนตร์อยู่มาก อีกทั้งยังเกรงใจที่ภากรมีครอบครัวแล้ว ครั้นเขาจะชวนไปสำมะเลเทเมากลางค่ำกลางคืน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ