บท
ตั้งค่า

[5/1]

[5/1]

ภายในห้องพักสุดหรูราคาหลายร้อยล้านที่ถูกดีไซน์ด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งทั้งหมดให้สมฐานะเจ้าของห้อง ถัดไปจากห้องโถงใหญ่จะเห็นร่างบอบบางที่กำลังขลุกตัวอยู่ในครัวขนาดกว้าง เพื่อจัดเตรียมของที่จะทำอาหารมื้อเที่ยงสำหรับทานคนเดียว แต่กว่าจะได้กินข้าวเที่ยงก็เลยมาบ่ายสองโมงแล้ว

กว่าคนที่เป็นเจ้าของห้องจะออกไปก็เกือบบ่ายพอดี ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะในครัวก็ดังขึ้น ปิ่นหยกชะเง้อหน้ามองหน้าจอที่แสดงชื่อของเพื่อนสนิทแทบจะเป็นสายประจำที่โทรเข้าหาเธอบ่อยที่สุดแล้ว

(ฮัลโหลหยก ตอนนี้แกอยู่ที่ไหนพอดีเราพักเที่ยงเลยแวะเข้ามาคอนโดแกก่อน เคาะห้องตั้งนานแล้วทำไมยังไม่มาเปิด)

“ห้ะ? กะ แกอยู่ที่คอนโดเราตอนนี้หรอ” ตั้งแต่โดนลากตัวมาถึงกรุงเทพฯ หญิงสาวก็ยังไม่มีเวลาได้ตั้งสติอะไรเลย ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาอธิบายให้เจ้านายของเธอได้ฟัง

(อืมม ก็ใช่ดิ่ มาเปิดเลยเร็วๆ ร้อน)

“ดะ เดี๋ยวนะ! คือ ...คือว่าตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่คอนโดอ่ะวิน เราไม่สบายเลยให้ย้งมารับกลับจันท์ฯ” เอาแบบนี้ก็แล้วกันล่ะ โกหกเนียนๆ ไปก่อน ถ้าขืนบอกไปว่าอยู่กับใครตอนนี้รับรองว่าเพื่อนของเธอคงจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ

(อ้าว ตอนนี้แกอยู่บ้านงั้นหรอ?)

“ชะ ใช่! เราขอโทษนะที่ไม่ได้บอกแกก่อน”

(อ่อๆ ไม่เป็นไรๆ ดีซะอีกที่แกกลับบ้านน่ะจะได้มีคนคอยดูแลไง งั้นเรากลับเข้าออฟฟิศก่อนนะ ถ้าหายดีแล้วค่อยกลับมาทำงานเข้าใจไหมแกไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก อย่าลืมกินข้าวให้ตรงเวลาอย่าลืมกินยาด้วยล่ะ)

“อื้มๆ ขอบคุณนะวิน แกก็ขับรถกลับดีๆ ล่ะ เดี๋ยวขากลับจะเอาผลไม้ที่สวนไปฝาก”

(โอเคค้าบ ฝากความคิดถึงน้าจันทร์กับน้าชาติด้วยนะ)

“จ้า ไม่ลืมหรอกน่า เป็นลูกรักพ่อกับแม่เราอยู่แล้วนี่ ชิ!”

มาร์วินเข้านอกอออกในบ้านที่จันทบุรีซึ่งเป็นบ้านเกิดของหญิงสาวมาตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่งด้วยกันถ้าเสาร์อาทิตย์ไหนที่ปิ่นหยกจะกลับบ้านเธอ

แล้วที่บ้านไม่ว่างมารับเพื่อนที่แสนดีอย่างมาร์วินจะอาสาไปส่งถึงที่เสมอ จนกลายเป็นว่ามาร์วินสนิทสนมกับครอบครัวของปิ่นหยกมานานมากแล้ว

@ The Willington N Group

“เฮียว่าสิ่งที่พ่อทำวันนี้มันจะไม่เกินหน่อยหรอ?” ณัฐกานต์เดินตามพี่ชายเข้ามาด้านในห้องของตำแหน่งประธานบริษัทคนล่าสุด

หลังจากประชุมเสร็จบิดาของทั้งสองก็เดินทางกลับบ้านเลยทันที ทิ้งให้สองพี่น้องยังคงมึนงงกับบทบาทใหม่ที่ตัวเองได้รับอยู่

ภัทรกาฬพูดพลางก้มหน้ามองแฟ้มเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะหลายเล่ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองน้องชายของตนที่กำลังทำสีหน้าไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

“แล้วยังไง?”

“พ่อก็รู้ว่าผมไม่อยากได้ตำแหน่งอะไรเลยในบริษัท และผมก็ไม่อยากทำงานที่นี่ด้วย” จะบอกว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นที่เพิ่งเรียนจบใหม่แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมางอแงหาเรื่องเกาะที่บ้านกินไปวันๆ จนกว่าจะพร้อมทำงาน

“แกน่ะควรโตได้แล้วนะ แล้วสิ่งที่พ่อทำก็หวังดีกับแกทั้งนั้น” จริงอยู่ที่บิดาทั้งสองของพวกเขาจริงจังกับชีวิตมากเกินไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้ลูกๆ ก็เป็นเรื่องที่หวังดีทั้งนั้น

“แต่ผมไม่ชอบ! เฮียก็รู้ ช่วยพูดกับพ่อให้หน่อยนะๆๆๆๆ นะเฮีย”

“ให้บอกพ่อว่าแกไม่เอาอะไรทั้งนั้น อยากแข่งรถเล่นไปวันๆ กับเปิดร้านเหล้าไปจนตายที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้ามันจะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่อยู่แบบนี้เนี่ยนะ? ....แกหัดโตได้แล้วไอ้ณัฐพ่อจะได้สบายใจ”

ตั้งแต่เกิดมาเขากับน้องชายนิสัยต่างกันสุดขั่ว ณัฐกานต์จะออกแนวเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูงไม่ยอมฟังใคร

รู้ว่าเกิดมาบนกองเงินกองทองก็คิดว่าคงจะใช้ไม่หมดทั้งชาติ เลยคิดเร็วทำเร็วโดยขาดการวางแผนและแม่ก็สปอยล์ลูกชายคนเล็กจนได้ใจมากเกินไป

ส่วนเขาโตมากับความกดดัน ความคาดหวังของคนเป็นพ่อทุกอย่าง การเรียนก็ต้องเรียนแบบหลักสูตรเข้มข้นทุกสิ่งอย่าง ลูกบ้านอื่นได้ปริญญามาใบเดียวแต่ลูกของพ่อคนนี้ต้องได้มาให้มากกว่า

ทุกสิ่งอย่างพ่อเขาจะจัดการให้หมดเหมือนทดแทนความคาดหวังที่ขาดหายไปจากลูกคนเล็กที่ทำตัวเล่นๆ ไปวันๆ อย่างณัฐกานต์

“แล้วเฮียล่ะโตแล้วจริงๆ หรอ ถ้าโตจริงก็ควรชัดเจนกับหยกได้แล้วป้ะวะ? อย่านึกว่าผมไม่รู้”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ร่างสูงที่นั่งเพ่งมองเอกสารไปเรื่อยๆ กลับหยุดชะงักเมื่อสิ่งที่น้องชายตัวแสบของเขากำลังพูดถึงผู้หญิงอีกคนที่โดนเขาลากมากรุงเทพฯ ด้วยเมื่อเช้านี้

“ตอนไหนไม่สำคัญหรอก แล้วถ้าพ่อรู้เฮียคิดว่าจะรอดไหม? อย่าลืมนะว่าเค้าคาดหวังเรื่องเฮียกับดารันมากขนาดไหน แล้วเฮียว่าเขาจะยอมไหมถ้าเกิดว่า....”

ดา หรือ ดารัน เป็นชื่อของผู้หญิงที่พ่อของเขาจัดหาให้คนเป็นพี่ ซึ่งมันเป็นความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจของสองตระกูลอย่างงั้นก็ไม่ใช่

เพราะตระกูลเขานั้นรวยแทบจะไม่ต้องเพิ่งใครแล้วด้วยซ้ำ ทว่ามันคือสัญญาจากเพื่อนรักของพ่อต่างหากที่ทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้ลง

“พอ!! จะยอมหรือไม่ยอมฉันจะแก้ปัญหาเอง ส่วนแกไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาต่อรองกับฉัน ทำหน้าที่ของแกให้ดีที่สุดเถอะ”

ร่างสูงในชุดสูทสีดำราคาแพงถึงกับปลดกระดุมเสื้อลง ทั้งที่แอร์ในห้องนี้หนาวแทบจะห่มผ้าได้แล้ว ทว่าพอได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากน้องชายภัทรกาฬรู้สึกว่าภายในห้องกลับมีไอร้อนผุดขึ้นมาเลยทันที

“เหอะ! ....เย็นนี้มีปาร์ตี้ที่ร้านผมนะ เฮียบอมเพิ่งกลับไทยเหมือนกัน บ่นอยากเจอเฮีย” คนเป็นน้องรู้สึกชอบใจจริงๆ ที่ทำให้พี่ชายของเขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาได้

เขารู้ตั้งนานแล้วสำหรับเรื่องของหยกน่ะ ยังคิดอยู่เลยว่าเธอจะทนกับความสัมพันธ์แบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหนกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel