[4/2]
[4/2]
สี่ล้อรถยนต์ยูเอสวีออรอชส์สีดำหรูคู่ใจ ที่ณัฐกานต์ทิ้งไว้ให้พี่ชายใช้เมื่อตอนที่มาส่งเข้าคอนโดปิ่นหยกวันก่อน ขับเคลื่อนเข้าเทียบจุดดรอปออฟภายใต้โครงการหรูย่านทองหล่อ หนึ่งในธุรกิจของครอบครัวชายหนุ่ม ก่อนจะมีพนักงานที่คอยบริการนำรถราคาแพงขึ้นไปเก็บชั้นด้านบนให้โดยที่เขาไม่ต้องเหนื่อยอะไรอีก
คีย์การ์ดสีทองเขียนสลักชื่อโครงการ ‘The Willington N Penthouse Thonglor’
มือหนาแตะคีย์การ์ดเข้าประจำจุดสแกนพร้อมกับบิดลูกบิดประตูให้เปิดออก ทั้งสองร่างเดินเข้าไปภายในห้องขนาด 275 ตารางเมตร
การบิ้วอินสไตล์แบบ Versace Penthouse เป็น Luxury Penthouse หนึ่งเดียวในเอเชียที่ถูกตกแต่งด้วย Versace ทั้งหมด บ่งบอกได้ถึงรสนิยมของเจ้าของห้องที่เป็นถึงเจ้าของโครงการแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
“0_0 นี่ถ้าเทียบกับคอนโดของหนูมันดูเล็กกว่าที่นี่ไปเลยสิบๆ เท่าอ่ะ” ปิ่นหยกถึงกับอึ้งในความอลังการ ราวกับได้สถาปัตยกรรมมือดีมาดีไซน์เอง
รวมทั้งขนาดของห้องที่ใหญ่โตกินพื้นที่เกือบทั้งชั้นบนสุดของตึกนี้และเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งภายในห้องบอกเลยให้เธอหาเงินซื้อแบบนี้ทั้งชาติก็ไม่ได้หรอก มันสมแล้วที่เป็นเขา
“ชอบไหมคะ ที่สั่งบิ้วอินเองทุกขั้นตอนเลยนะ”
3 เดือนก่อนจะกลับไทยภัทรกาฬได้จองซื้อโครงการนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรวมถึงดำเนินการตกแต่งภายใน โดยที่มีณัฐกานต์เป็นคนดูแลให้ระหว่างที่เขายังอยู่ที่นั่น
ถึงแม้จะเป็นธุรกิจของครอบครัวแต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถเข้าอยู่ได้เลย เขาก็ยังคงต้องทำตามขั้นตอนเหมือนลูกค้าคนหนึ่งเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่ว่ายังไงเงินที่ซื้อเพ้นเฮาส์นี้ไปก็ต้องกลับเข้ามาที่บริษัทของเขาอยู่ดี
แต่จะให้น่าอยู่ขนาดไหน หรูหราขนาดไหนก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวที่ถูกบังคับมาด้วยเผลอคล้อยตามไปด้วยได้เลย
“หนูไม่ชอบ หนูจะกลับคอนโดพรุ่งนี้หนูต้องไปทำงานนะ”
“วันนี้พี่มีเข้าประชุมที่บริษัทตอนบ่าย หนูลางานไปแล้วนี่ ไหนๆ ก็ลางานแล้วก็ขอไอ้หน้าตี๋มันลาพักร้อนไปเลยสิ ผัวเพิ่งกลับไทยมาทั้งทีนะ จะไม่อยู่ดูแลซักหน่อยหรอ?”
ภัทรกาฬจัดการเปิดตู้เสื้อผ้าที่ก่อนหน้านี้สั่งคนของเขาจัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการประชุมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหยิบออกมาใส่โดยที่แก้ผ้าต่อหน้าหญิงสาวไปเลย เพราะไม่มีเวลามาเข้าห้องน้ำแล้ว
“เอาแต่ใจที่สุด คนบ้า!” ใบหน้าหมวยหวานที่ตอนนี้ปนเลือดฝาดบางๆ บนสองแก้ม เห็นเรือนร่างสูงเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดทำงาน
รอนซิกแพ็คบนหน้าท้องแกร่ง บวกกับไรขนหนาตั้งแต่หน้าอกลามไปจนถึงจุดเร้นลับนั้นทำให้ร่างบางที่มองอยู่ถึงกับแอบลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะแสร้งหันหน้าไปทางอื่น
“หรือถ้าไม่พอใจก็ลาออกกับมันไปเลยยิ่งดีนะ”
“จะเกลียดขี้หน้าอะไรเขานักหนา” ปิ่นหยกเริ่มเบื่อกับความเอาแต่ใจของคนตัวสูงแล้ว
“ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ถ้าหิวของกินอยู่ในตู้เย็นทำกินได้เลยพี่ให้ไอ้ณัฐซื้อมาไว้แล้ว หรือถ้าไม่อยากทำก็สั่งรีเซ็ปชั่นข้างล่างได้เลยเข้าใจไหม ฟอดดด~~”
คนตัวสูงที่ตอนนี้เปลี่ยนใส่ชุดทำงานพร้อมเตรียมจะออกไปที่บริษัทแล้ว แต่ไม่ลืมจะขโมยหอมแก้มนุ่มของหญิงสาวให้ชื่นใจก่อนออกไป
“อื้อออ ไปได้แล้วค่ะพี่นาฟ เดี๋ยวก็ประชุมไม่ทันหรอกค่ะ”
@บริษัท Willington N Group
ภายในห้องประชุมชั้นบนสุดของผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Willington N Group บริษัทสัญชาติไทย-อิตาลี โดยมีบริษัทสาขาย่อยอีกหนึ่งสาขาอยู่ที่อิตาลี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของประธานบริษัทซึ่งก็คือบิดาของชายหนุ่มมาดเข้มมาในชุดภูมิฐานพร้อมเปิดตัวเป็นรองประธานบริษัทแห่งนี้
“อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีนะครับว่า หลังจากนี้ลูกชายคนโตของผมจะกลับเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการที่นี่แล้ว ผมหวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมือกับลูกชายของผมนะครับ"
"....ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าบริษัทลูกของเราที่อิตาลีก็เริ่มจะมีบทบาทมากขึ้นแล้วในที่นั่น อย่างไตรมาสที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่ากิจการของเราที่นั่นเริ่มจะขยายตัวขึ้นแล้ว"
"ผมคิดว่าผมคงต้องไปดูแลที่นั่นเอง และผมอยากจะขอโอนย้ายตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้กับลูกชายของผมคนนี้ครับ”
แปะๆๆๆๆ~ (เสียงปรบมือ)
“พ่อ! นี่มันอะไรกันครับ” จู่ๆ จากจะมารับตำแหน่งรองประธานบริษัท กลับได้เลื่อนตำแหน่งไวซะงั้น พ่อของเขาชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์กันอยู่เรื่อยๆ
“ส่วนลูกชายคนเล็กของผมก็คงจะมาช่วยรับช่วงต่อจากพี่ชายเขาครับ ต่อไปนี้คุณณัฐกานต์จะมารับตำแหน่งรองประธาน Willington N Group ของเราด้วยครับ”
ณัฐกานต์ที่นั่งเงียบเหมือนธาตุอากาศในห้องนี้มานาน กำลังมีชื่อในบทสนทนาในห้องประชุมกับเขาด้วย
ซึ่งโดยปกติลูกชายคนเล็กอย่างเขาไม่ค่อยจะมีบทบาทอะไรมากมายในบริษัทนี้ด้วยซ้ำนอกจากผู้ถือหุ้นที่รอใช้เงินปันผลเล่นๆ ไปวันๆ ต่อให้มัสซิโม่ชายแก่สัญชาติ ไทย-อิตาลี พ่อของเขาคนนี้ จะพยายามคะยั้นคะยออยากให้เขาเป็นผู้เป็นคนมากมายขนาดไหน
แต่สำหรับเขาแค่รวยไปวันๆ รอส่วนแบ่งจากธุรกิจครอบครัวใช้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมต้องมาทำอะไรให้เหนื่อยด้วย
“อะไรของเขาวะ ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ” ณัฐกานต์แอบบ่นกระซิบอยู่ข้างๆ พี่ชายของเขา ก่อนจะเหลือบมองเห็นสายตาคมคู่ดุของผู้เป็นพ่อ แต่มีหรือที่เขาจะกลัวคนอย่างเขามันไม่เคยเป็นลูกรักของพ่อเหมือนพี่ชายคนนี้อยู่แล้ว
ปล่อยให้เขาเป็นอิสระไปสักคนจะเป็นไรไปในเมื่อภัทรกาฬก็ทำตามความต้องการของพ่อให้ทุกอย่างแล้ว
แต่ลึกๆ ณัฐกานต์ก็แอบสงสารพี่ชายไม่ได้ ที่ต้องเติบโตมาด้วยแรงกดดันจากพ่อขนาดนี้ จนแทบจะสูญเสียความคิดของตัวเองไปและสูญเสียการใช้ชีวิตในรูปแบบที่ตัวเองต้องการด้วย