[2/2]
[2/2]
“งั้นเราเข้าข้างในกันเถอะจ้ะหยก เกรงว่าคนแถวนี้เขาจะเริ่มหงุดหงิดเอาได้”
“ค่ะ พี่ธาดาเรารีบเข้าไปกันดีกว่าค่ะ หนูเองก็เริ่มหนาวๆ แล้วเหมือน ป่ะ!” เพราะอากาศที่ติดกับทะเล ทำให้ตอนกลางคืนเริ่มหนาวเย็นบ้างแล้ว
หญิงสาวร่างบางหันหน้ามาพร้อมยื่นมือไปควงแขนชายหนุ่มรุ่นพี่เข้าไปในร้านพร้อมกัน
ปิ่นหยกไม่รู้ว่าเขามีเรื่องไม่พอใจอะไรตั้งแต่เธอคุยกับเพื่อนสนิทของเขา ชายหนุ่มก็เอาแต่ทำหน้าบึ่งตึงใส่พนักงานต้อนรับหลายคนจนกระทั่งเดินมานั่งที่โต๊ะโซนห้องวีไอพีด้านบน
“รับเครื่องดื่มอะไรคะหนูจะได้สั่งให้”
“หนูยังทำงานกับไอ้หน้าตี๋นั่นอยู่อีกหรอ? นึกว่าธุรกิจของมันจะเจ๊งไปแล้วซะอีก” ภัทรกาฬยื่นรับเมนูเครื่องดื่มจากพนักงานมาแล้วและยังไม่ได้เปิดดู คนตัวโตไม่ได้ตอบคำถามอะไรของปิ่นหยกแต่ถามหญิงสาวกลับด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
“เขาชื่อมาร์วินไม่ใช่ไอ้หน้าตี๋” คือจะจะชวนทะเลาะกันให้ได้ว่างั้น บรรยากาศร้านออกจะดูผ่อนคลายแต่ทำไมมันเริ่มอึดอัดขึ้นมาแล้วก็ไม่รู้
ปิ่นหยกรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเธอกับคนที่นั่งกอดอกทำหน้าๆ มีพอใจตรงหน้าเคยมีเรื่องในอดีตที่บาดหมางกันมาก่อนถึงขั้นต้องขึ้นโรงพักกันมาแล้ว ก็จะเป็นเรื่องอะไรได้อีกล่ะถ้าไม่ใช่เป็นเพราะแฟนเก่าของเขาคนนี้ยังไงล่ะ
“แล้วก็เผื่อไม่รู้อีกนะ ว่าวันนั้นวินไม่ได้ทำอะไรพี่พลอยเลย”
“หึ! เข้าข้างมันจังเลยนะ หรือว่าเกิดอยากจะเปลี่ยนใจจากพี่แล้วไปคบกับมันเหมือนอย่างที่ไอ้ธาดาพูด” มันก็ใช่ที่เขากับไอ้หน้าตี๋นั่นไม่ลงรอยกัน
เพราะว่าตอนนั้นเป็นงานวันเกิดของพลอยแฟนเก่าเขาเอง แล้วเรื่องมันก็เกิดขึ้นไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรืออะไรที่ทำให้แพรพลอยกับไอ้มาร์วินอะไรนั่น นอนกอดนัวเนียกันอยู่ห้องชั้นบนของคลับแห่งหนึ่ง
“แล้วพี่ไม่คิดบ้างหรอ ว่ามันอาจจะเป็นแผนของแฟนเก่าพี่ที่อาจจะอยากได้เพื่อนหนูอยู่ก็ได้นะ”
“ก็ไม่แน่หรอก มันอาจจะเป็นแผนร่วมมือกันของเพื่อนสนิทที่อยากจะแยกแฟนเค้าออกจากกันอยู่ก็ได้”
คนตัวโตเปลี่ยนสีหน้าพูดพร้อมกระตุกรอยยิ้มร้าย ทั้งที่เขาและพลอยก็ยังคบกันอยู่เพียงแต่ตอนนั้นก็ยังระหองระแหงกันอยู่
และวันนั้นเขาเองก็บอกกับเธอว่าจะตามไปฉลองวันเกิดกับเธอทีหลัง ขอเคลียร์งานส่งอาจารย์ก่อนแล้วจะตามไป แต่แล้วพอไปถึงสถานบันเทิงแห่งนั้นก็ใกล้จะปิดแล้ว เขาตามหาแพรพลอยทุกที่ทั่วร้านแต่กลับไปพบเธออยู่ด้านบนของคลับและในห้องนั้นก็ไม่ได้มีเธอเพียงแค่คนเดียว นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของความแตกหัก
“พี่จะคิดยังไงก็ช่างพี่เหอะ ถึงหนูจะชอบพี่มากแต่ก็ไม่ได้แปลว่าตอนนั้นหนูอยากจะให้พี่เลิกกันหรอกนะ หนูรู้สถานะตัวเองดีว่าเป็นยังไง” ใครมันจะอยากทำแบบนั้น ถึงเธอจะชอบเขามากขนาดไหนแต่ก็รู้ถูกรู้ผิดอยู่บ้างไหมล่ะ
“ถ้าหนูรู้แบบนั้นก็ดีแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องย้ำกันให้มากความ”
ภัทรกาฬหันหน้ามาเปิดเมนูเครื่องดื่มบนโต๊ะบ้าง ทั้งที่ก็ไม่ได้สนใจมันเลยสักนิดเพียงแต่ในใจกลับคิดวนๆ อยู่กับเรื่องคืนนั้นที่ทำให้เขาเลิกกันกับแพรพลอยทั้งที่เขาเห็นว่าเธอนอนอยู่กับผู้ชายคนอื่นแท้ๆ
เขาแค่เสียใจแต่ไม่ได้คิดจะบอกเลิกเธอเลย ทว่าเป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาด้วยเหตุผลที่ว่าเธอทำผิดกับเขาเธอนอนกับผู้ชายคนอื่นเธอไม่กล้าสู้หน้าเขาแล้ว
หลังจากเรียนจบและเลิกกันไปชายหนุ่มพยายามติดต่อกับเธอทุกช่องทางแต่แพรพลอยไม่ยอมตอบกลับข้อความของเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเขาควรจะเป็นฝ่ายโกรธเธอไม่ใช่หรอ
“กลับมาไทยคราวนี้ จะมาหลอกอะไรหนูอีกล่ะ หรือโสดอีกแล้ว เหอะ! คราวนี้จะกี่เดือน?”
จบโทรอบที่แล้วก็กลับมาอยู่ไทยได้แค่ปีเดียวแถมยังบอกกับเธอว่าจะเปิดตัวคบกันแบบจริงจัง จะพาไปเปิดตัวให้ทุกคนรู้และจะไม่รอแพรพลอยอีกแล้ว
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนพ่อสั่งกลับไปเรียนต่อเอกที่บอสตันอีกรอบ เขาไม่ติดต่อเธอมาอีกเลยทั้งที่ก็เห็นอัพสตอรี่ไอจีบ่อยครั้งแถมยังมียัยแหม่มอกอึ๋มที่ไหนไม่รู้ในสตอรี่นั่นอีก
“ข่าวไวจังนะ ไอ้ธาราเป็นคนมารายงานล่ะสิ หนูก็รู้ว่าพี่ทนใครได้ไม่นานหรอกถ้าไม่ใช่หนูน่ะ”
อยู่เมืองนอกเขาใช้ชีวิตหลังเลิกเรียนตามประสาผู้ชายที่ยังมีความต้องการอยู่เรื่อยๆ ก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรกับใครหรอก
“แล้วแหม่มคนนั้นไม่เด็ดสู้แฟนเก่าพี่ได้เลยหรอ ถึงต้องกลับมาหาหนูอีก”
“ไม่มีใครสู้พลอยได้หรอก” ว่าพลางนั่งเขี่ยโทรศัพท์อยู่ไปเรื่อยๆ จนเลื่อนมาเจอโพสล่าสุดจากอินสตาแกรมของ Ployly_Ployy ‘อากาศหนาว คนหนาวก็เหงาแย่ ปล.กลับไทยเดือนหน้าแล้วงับ’ พร้อมแนบรูปถ่ายหน้าระเบียงห้องที่มีหิมะตกลงมาปอยๆ… จะกลับไทยงั้นหรอ?
“น้องเดี๋ยวพี่สั่งเครื่องดื่มเลยละกัน พี่เอา Penfolds Grange Hermitage 1951 อันนี้ค่ะ แค่นี้จ้ะ” เออ! ก็ไม่มีใครสู้ได้หรอก ดีไปหมดแหละคนนั้นอ่ะ ขนาดเห็นตำตาว่านัวเนียกันอยู่ในห้องกับคนอื่นยังโทษว่าเพื่อนเขาวางยาได้เลย
อวยยศแฟนเก่าดีนักใช่ไหมเดี๋ยวแม่จะสั่งของมากินให้จ่ายไม่ไหวเลยคอยดู!
“เฮ้ยๆ สั่งอะไรขนาดนั้นรู้ไหมว่าไวน์นั่นมันราคาเท่าไหร่” คนที่เอาแต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์พอได้ยินชื่อยี่ห้อไวน์ยุโรปราคาแพงนั่นถึงกับเงยหน้าขึ้นถาม
“จะเป็นถึงท่านรองประธานบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็ไม่เป็นไรนะคะหนูสั่งไปแล้ว แต่จะโทรให้วินมาเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้ก่อนก็ได้ค่ะ”
ปิ่นหยกพูดแบบนี้เพราะรู้ดีว่ายังไงเขาก็ต้องจ่ายได้อยู่แล้วก็แค่มื้อนี้ราคาแรงไปหน่อยกว่าที่ผ่านๆ มา
โดยเฉพาะการหยิบเอาชื่อคนที่เป็นคู่อริของเขามาพูดนั่นหมายความว่าภัทรกาฬจะยอมน้อยหน้าไม่ได้เด็ดขาด
“หยุดเลยนะ เป็นแค่เพื่อนมันไม่ใช่หรอแล้วทำไมมันต้องมาจ่ายไวน์ขวดละเป็นล้านแบบนั้นให้เธอด้วย แล้วอีกอย่างพี่ก็ยังไม่ได้บอกว่า ‘ไม่มีปัญญาจ่าย’ เลยสักหน่อย ก็แค่ไวน์ไม่กี่ขวดอย่าคิดว่าเจ้านายเธอมันจะเหนือกว่าพี่สิ เป็นแค่เจ้าของรีสอร์ทเล็กแค่ไม่กี่แห่งจะมาสู้เจ้าของโรงแรมห้าดาวได้ยังไง”
คนตัวสูงถึงกับดีดตัวนั่งหลังตรงทันทีหลังจากได้ยินชื่อของไอ้หน้าตี๋นั่นอีกครั้ง คอนเซ็ปของเขาน่ะหรอ เสียเงินไม่ว่าแต่จะเสียหน้าให้ไอ้หน้าตี๋นั่นไม่ได้!