บทที่ 2 แพรววนิด
“ เข้ามาเลยค่ะ พ่อเลี้ยงรออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ คุณ เอ่อ พี่ชื่ออะไรคะ ” แมวถามแล้วกดรีโมทปิดประตูเมื่อแพรววนิดเดินเข้ามาในรั้วบ้านแล้ว
“ พี่ชื่อแพรววนิด เรียกแพรวเฉย ๆ ก็ได้จ้ะ แล้วเธอชื่ออะไรเหรอ ”
“ หนูชื่อแมวจ้ะ มาหนูช่วยถือกระเป๋า มีแค่นี้เหรอพี่ ” แมวคว้ากระเป๋าเป้ที่เธอสะพายไว้มาถือเสียเอง
“ มีแค่นี้แหละ พี่ไม่ชอบหอบข้าวหอบของเยอะน่ะ ”
“ ค่ะ งั้นตามมาเลยพี่แพรว ” แมวเดินสะพายเป้ตัวปลิวนำหน้าเธอไปที่ประตูบ้าน แพรววนิดเดินตามพลางชื่นชมความสวยงามของสวนไปตลอดทาง
แมวเปิดประตูสีขาวบานใหญ่ออกแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในห้องรับแขกที่โอ่โถงกว้างขวาง แพรววนิดรู้สึกตัวลีบลงไปถนัด เมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายวัยกลางคนท่าทางน่าเกรงขาม ที่นั่งรอท่าอยู่บนโซฟาหลุยส์หรูหรา
“ พี่เลี้ยงคนใหม่มาแล้วค่ะพ่อเลี้ยง ” แมววางเป้ลงแล้วยืนสำรวมรายงานผู้เป็นเจ้านาย
“ สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง ” แพรววนิดยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม นึกในใจว่าขนาดแก่แล้วยังดูดีขนาดนี้สมัยหนุ่ม ๆ คงหล่อน่าดู
พ่อเลี้ยงธีระขมวดคิ้วมุ่นแล้วมองกระดาษข้อมูลการสมัครงานที่อยู่ในมือ
“ พิมพ์วดี ในใบสมัครอายุสี่สิบห้าปี ดูเหมือนว่าเธอจะอายุไม่ถึงนะ ” เด็กขนาดนี้มีหวังโดนเจ้าธิปยำเละแน่ คงอยู่ไม่เกินสามวันไม่ได้ก็เสียล่ะงานนี้
“ ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะพ่อเลี้ยง คือว่าคนที่สมัครงานเป็นแม่หนูเองค่ะท่านถูกรถชนจนขาหักเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเลยมาทำงานเองไม่ได้ หนูเลยอาสามาทำงานแทนท่านค่ะ นี่ค่ะบัตรประชาชนหนูเอง ” แพรววนิดหยิบบัตรประชาชนในกระเป๋าเงินยื่นส่งให้พ่อเลี้ยงดู เพื่อยืนยันว่าเธอมีนามสกุลเดียวกับแม่และเป็นลูกจริง ๆ
“ อืม แต่ฉันจะจ้างแม่เธอ ไม่ได้จะจ้างเธอ กลับไปเถอะฉันจะเรียกคนใหม่มาแทน ” พ่อเลี้ยงตอบเสียงเย็นชา เขาไม่ได้ใจดำแต่เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของหญิงสาวคนนี้ต่างหากล่ะ
“ ขอร้องล่ะค่ะพ่อเลี้ยง ให้หนูทำงานเถอะนะคะ ตอนนี้ครอบครัวหนูลำบากมากแม่กับน้ารวมทั้งหนูตกงานไม่มีเงินแถมแม่ยังขาหักอีก หนูสัญญาว่าจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยค่ะ นะคะท่าน ” เธอนั่งพับเพียบลงกับพื้นพนมมือไหว้วิงวอน บีบน้ำตาให้เอ่อคลอดวงตาที่กลมโตอย่างน่าสงสาร จนพ่อเลี้ยงถึงกับใจอ่อนยวบ
“ อืม เอางั้นเรอะ แต่ขอเตือนก่อนนะว่าลูกชายฉันน่ะมันโคตรของโคตรแสบมาก เธอจะอยู่ได้ถึงสามวันรึเปล่าก็ไม่รู้ ” พ่อเลี้ยงทั้งสงสารทั้งหนักใจ ก่อนจะถามเพื่อหยั่งเชิง สายตาคมกร้านโลกกวาดมองเรือนร่างเพรียวระหงอย่างสำรวจ บอบบางแต่สมส่วนหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักแบบนี้คงเป็นเหยื่อเจ้าธิปเสียเปล่า ๆ
“ หนูเอาอยู่ค่ะท่าน ขอแค่มีงานทำยังไงหนูก็สู้ค่ะ ”
“ เธอพูดเองนะ ถ้างั้นมาคุยเรื่องหน้าที่ของเธอกัน เธอมีหน้าที่ต้องดูแลให้ลูกชายฉันตื่นไปเรียนให้ได้ในทุก ๆ วันที่มีเรียน คอยดูไม่ให้เที่ยวเตร่เกเร หรือไปอาละวาดแถวไหน อีกเรื่องที่สำคัญคือเรื่องผู้หญิง ห้ามให้ผู้หญิงมาเกาะแกะเจ้าธิปหรือถ้าห้ามไม่ได้ก็ต้องหาทางให้ป้องกัน ฉันไม่อยากมีหลานโดยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าแม่ของมัน เรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าทำไม่ได้เธอก็ต้องโดนไล่ออกสถานเดียว เข้าใจมั้ย? ”
สิ่งที่พ่อเลี้ยงสาธยายมาทั้งหมดทำเอาแพรววนิดตาโตด้วยความมึนงงสงสัย
“ เดี๋ยวนะคะพ่อเลี้ยง ลูกชายท่านอายุเท่าไหร่คะ ” เด็กอายุไม่เกินสิบขวบที่แม่บอกคงไม่สามารถทำใครท้องได้ล่ะมั้ง
“ อธิป ลูกชายฉันน่ะรึ ปีนี้ก็ยี่สิบสองแล้วล่ะ ทำไมรึหรือเธอมีปัญหาเรื่องอายุของลูกฉัน ก็ไม่เป็นไรนะฉันหาคนใหม่ได้ ” พ่อเลี้ยงดูเหมือนอยากจะให้เธอถอดใจจากงานนี้เหลือเกิน
“ เรื่องอะไรจะถอดใจ มาขนาดนี้แล้วไม่ทำแม่กับน้าก็อดตายน่ะสิ แต่ใครจะไปรู้วะ โตเป็นควายยังต้องจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลอีก รึว่าคนรวยเขาเป็นแบบนี้กันหมดรึไง ” เธอได้แต่พูดกับตัวเองในใจก่อนจะตอบออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ ไม่มีปัญหาค่ะพ่อเลี้ยง หนูจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะไม่ต้องห่วง ”
