บทที่ 1 พี่เลี้ยงคนใหม่
แพรววนิด สุขนิยม
หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีเพิ่งเรียนจบจากวิทยาลัยการอาชีพมาหมาด ๆ แต่ยังว่างงานอยู่ เธอกำพร้าพ่อตั้งแต่เด็กอาศัยอยู่กับแม่และน้าสาวที่เป็นสาวแก่ยังไม่มีสามี
ตอนนี้สภาวะการเงินของครอบครัวเธอกำลังติดขัดอย่างมากเพราะโรงแรมที่แม่กับน้าทำงานอยู่ปิดตัวลงเนื่องจากโดนผลกระทบจากโรคโควิด-19 หนำซ้ำแม่เธอยังถูกรถชนจนขาหักต้องรักษาตัวอีกนานกว่าจะหางานทำได้ เงินเก็บที่มีก็ร่อยหรอลงจวนเจียนจะหมด
แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะไม่ใจดำจนเกินไปเพราะงานพี่เลี้ยงเด็กที่แม่เธอสมัครไปทางอินเทอร์เน็ตได้เรียกตัวให้ไปทำงาน ทว่าแม่ดันมาขาหักไปเสียก่อนนี่สิปัญหา
“ มันจะไปยากอะไรหนูก็ไปทำแทนแม่สิยัยแพรว ” น้าพลอยเสนอขึ้น ทำให้แม่พิมพ์ที่กำลังยกขาที่เข้าเฝือกขึ้นพาดบนหมอนรองหันมามองหน้าลูกสาวแล้วยิ้มขึ้นได้
“ เออจริงสิ หนูก็ยังไม่มีงานทำนี่ ไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปก่อนนะ ไม่เลือกงานไม่ยากจนนะลูก กินอยู่ฟรีเงินเดือนตั้งสองหมื่นเหลือเต็ม ๆ ” แม่เธอคะยั้นคะยออีกคน จนเธอเริ่มเห็นดีเห็นงามไปด้วย มันจะไปยากอะไรแค่เลี้ยงเด็กแต่เอ๊ะ! ทำไมถึงให้เงินเดือนแพงจัง?
“ เด็กผู้หญิงรึผู้ชายอ่ะแม่ ” เธอถามข้อมูลพลางหยิบมะม่วงดิบจิ้มน้ำปลาหวานใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
“ เด็กผู้ชาย แม่ลืมไปแล้วว่าอายุเท่าไหร่แต่คงไม่เกินสิบขวบมั้ง เด็กโตกว่านี้เขาคงไม่จ้างพี่เลี้ยงหรอก แต่ว่าบ้านเขาอยู่แถวนอกเมืองเชียงใหม่โน่น รวยมากเลยนะพ่อเลี้ยงธีระน่ะ เมียเขาตายไปนานแล้ว มีเมียใหม่แต่เข้ากับลูกชายไม่ได้ ท่าทางจะดื้อน่าดูแหละ ” แม่เธอสาธยายยาวเหยียด แพรววนิดนั่งฟังเก็บข้อมูลไปด้วยกินมะม่วงไปด้วยจนหมดจาน
“ เด็กผู้ชายก็ดี หนูจะได้ไม่ต้องไปนั่งถักเปียสอนร้อยมาลัย เพราะหนูทำไม่เป็น ฮ่า ๆ ๆ เอาเป็นว่าหนูจะไปทำงานแทนแม่ก็แล้วกัน อย่างน้อยตอนนี้เราก็ไม่อดตายกันแล้วเนาะ ”
ตกลงกันเรียบร้อย หลังจากนั้นอีกสองวันแพรววนิดก็เดินทางไปที่บ้านพ่อเลี้ยงธีระทันที
แท็กซี่คันเก่าจอดลงหน้าบ้านหลังใหญ่ แพรววนิดอ่านป้ายชื่อที่เขียนติดไว้หน้ากำแพง
“ บ้านนับดาว ใช่ค่ะที่นี่แหละลุง นี่จ้ะค่ารถ ” เธอยื่นเงินค่าแท็กซี่ให้คนขับก่อนจะคว้ากระเป๋าเป้สัมภาระขึ้นมาสะพายแล้วลงจากแท็กซี่ไป
“ หนูมาทำอะไรที่นี่รึ ” ลุงคนขับยื่นหน้าออกมานอกหน้าต่างรถเพื่อถามเธอด้วยความอยากรู้
“ มาทำงานค่ะลุงเป็นพี่เลี้ยงเด็กน่ะ ” เธอตอบพลางยิ้มสวยมือกระชับเป้ที่คล้องไหล่ไว้มั่น
“ เอ ที่บ้านพ่อเลี้ยงมีเด็กด้วยรึ หรือว่า…” ลุงพูดค้างไว้แล้วเลือกที่จะหยุดไว้แค่นั้น
“ หรือว่าอะไรเหรอคะลุง ” เธอเอามือป้องหน้ากันแสงแดดเปรี้ยงตอนเที่ยงวัน
“ เปล่า ๆ ไม่มีอะไร ปรกติลุงเคยมาส่งสาว ๆ ที่นี่ตอนค่ำ ๆ น่ะ เลยแปลกใจว่าทำไมวันนี้มาแต่หัววันจัง ลุงไปก่อนล่ะโชคดีนะหนู ” คนขับแท็กซี่ตัดบทแล้วขับออกไปทิ้งให้แพรววนิดยืนงง มองตามท้ายรถไปด้วยความสงสัย
“ อะไรของเค้านะ ” เธอพึมพำก่อนจะหันไปกดออดที่หน้าประตูรั้วอัลลอยบานใหญ่ ในระหว่างที่รอคนมาเปิดประตู เธอก็มองเข้าไปสำรวจภายในบริเวณบ้าน
มันไม่น่าเรียกว่าบ้านแล้ว ใหญ่ขนาดนี้มันคฤหาสน์ดี ๆ นี่เอง เธอมองบ้านสองชั้นสไตล์ฝรั่งเศษสีขาวเด่นด้วยแววตาตื่นเต้นและชื่นชม มันถูกปลูกอยู่ท่ามกลางสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ถูกจัดสวนไว้อย่างลงตัว มีน้ำพุอยู่ตรงกลางด้านหน้าก่อนถึงประตูบ้าน มีทางเดินที่เรียงด้วยอิฐอย่างสวยงาม สนามหญ้าเขียวขจีไว้สำหรับวิ่งออกกำลังกาย มีสระว่ายน้ำอยู่ด้านข้างแถมมีน้ำตกจำลองอีกด้วย นี่มันสวรรค์ชัด ๆ เธอฝันอยากจะอยู่บ้านสวยแบบนี้มานานแล้ว ได้อาศัยอยู่ในฐานะลูกจ้างก็ยังดีวะ
“ มาหาใครคะ ” เสียงทักของสาวใช้วัยรุ่นดังขึ้น ปลุกแพรววินิดให้ตื่นจากภวังค์เพ้อฝัน
“ ฉันมาหาพ่อเลี้ยงธีระค่ะ จะมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงของลูกชายท่านน่ะ ” เธอส่งยิ้มให้เด็กสาวอย่างผูกมิตร เด็กสาวชื่อแมวยิ้มกว้างขึ้นด้วยความดีใจ รีบเปิดประตูให้เธอ
