ตอนที่ 1
“พี่เขยจอมเถื่อน”
ผู้เขียน
กาสะลอง
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2537
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้น
ขณะที่หญิงสาวนำลังจะหลับตา หลังจากทิ้งร่างบอบบางลงนอนบนเตียงนอนได้เพียงครู่สั้นๆ เสียงคล้ายกระจกแตกกระจายหรือคนกำลังทุบตีขว้างปาข้าวของอะไรสักอย่างก็ดังลั่นออกจากห้องนอนของผู้เป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ทำให้คนเป็นน้องเมียซึ่งกำลังนอนอยู่ในห้องข้างๆ ต้องสะดุ้ง รีบลุกขึ้นจากเตียงตอน แล้วก้าวยาวๆ ออกมาจากห้องด้วยความตกใจ
“พี่มาร์ค”
หญิงสาวเคาะประตู ทว่าเมื่อคนข้างในไม่เปิดรับหล่อนจึงตัดสินใจผลักบานประตูเข้ามาได้ง่ายๆ เพราะว่าเจ้าของห้องไม่ได้ล็อคประตูเอาไว้
สภาพที่เห็นทำให้หล่อนตกใจมาก โลหิตสีแดงฉานอาบอยู่ที่หลังมือของมาร์เซโล่ ร่องรอยแตกร้าวเป็นวงกว้างของบานกระจกข้างผนังใกล้กับตู้เสื้อผ้าเป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดีว่ามาร์เซโล่ใช้กำปั้นชกกระจกจนเลือดแดงอาบหลังมืออย่างที่เห็น
“หยุดนะพี่มาร์ค”
หญิงสาวปรี่เข้าไปรั้งแขนของพี่เขยเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าว่าจะตะบันกำปั้นเข้าใส่กระจกอีกครั้ง ปกติหล่อนและผู้คนในบ้านเรียกชื่อมาเซร์โล่สั้นๆ ว่า ‘มาร์ค’ จนติดปาก
“ปล่อย... อย่ามายุ่งกับพี่”
เจ้าของบ้านพยายามสะบัดแขนข้างที่ถูกมือเรียวกอดเอาไว้แน่น เพื่อจะหยุดเขาน้ำตาลต้องใช้ทั้งตัวกอดแขนของมาร์เซโล่ เขาคงไม่รู้ว่าหล่อนต้องใช้เรี่ยวแรงทั้งตัวเพื่อจะรั้งแขนกำยำของเขาไว้ได้ เพราะว่ามาร์เซโล่เป็นหนุ่มลูกครึ่งที่ตัวใหญ่ยักษ์เหลือเกิน เมื่อเทียบกับสาวไทยรูปร่างบอบบางอย่างหล่อน
“จะทำร้ายตัวเองทำไมคะพี่มาร์ค... หยุดเถอะนะคะน้ำตาลขอร้อง”
น้ำตาลพยายามให้สติพี่เขย หล่อนรู้ว่าตลอดระยะเวลาสามเดียวหลังจากพี่สาวของหล่อนจากเขาไป มาร์เซโล่ก็เอาแต่เศร้าโศกเสียใจ บางวันก็ซึมเศร้าแทบไม่เป็นอันกินอันนอน
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ที่เป็นคนซื้อรถใหม่ให้... พี่สาวเธอก็คงไม่ตาย”
เสียงของมาร์เซโล่ขมขื่นจนคนเป็นน้องเมียรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจเขา
พี่เขยคนนี้เอาแต่ลงโทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้ ‘น้ำผึ้ง’ ซึ่งเป็นภรรยาสุดที่รักของเขาและยังเป็นพี่สาวร่วมสายโลหิตของหล่อนต้องมาจบชีวิตเพราะอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิด
“มันเป็นอุบัติเหตุนะคะพี่มาร์ค”
เมื่อเห็นว่าจะรั้งไม่อยู่ วงแขนน้อยๆ ของน้ำตาลจึงกอดร่างของเขาเอาไว้แน่น
หล่อนร้องไห้ พี่เขยก็ร้องไห้ สุดท้ายมาร์เซโล่ก็กอดร่างของน้ำตาลเอาไว้แน่นไม่ต่างกัน แนบแน่นจนหญิงสาวรับรู้ได้ถึความอบอุ่นที่แผ่ลามออกมาจากเนื้อตัวกำยำของเขา กลิ่นสุราที่คละเคล้ากลิ่นกายของพี่เขยทำให้หัวใจของน้ำตาลเต้นแรง
กระทั่งเมื่อสติคืนกลับมา สำนึกในความเหมาะสมระหว่างความเป็น ‘พี่เขย’ กับ ‘น้องเมีย’ ซึ่งเป็น ‘ผู้หญิง’ กับ ‘ผู้ชาย’ ทำให้น้ำตาลเป็นฝ่ายขืนกายออกมาจากอ้อมอกของพี่เขยด้วยท่าทางเกร็งๆ
“ตาลจะทำแผลให้พี่มาร์คนะคะ”
หล่อนบอกพลางจูงมือพี่เขยให้มาทรุดร่างสูงใหญ่ลงนั่งบนโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง
มาร์เซโล่จ้องมองเรือนร่างบอบบางในชุดนอนผ้าซาตินลายลูกไม้พลิ้วบางที่ก้าวออกไปจากห้องโดยไม่สนใจโลหิตสีแดงที่ยังไหลซึมออกมาจากหลังมือ
เพียงอึดใจสั้นๆ น้ำตาลก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับผ้าพันแผลและยาล้างแผล
“ตาลจะทำแผลให้ค่ะ”
น้องเมียกล่าวพลางทรุดร่างลงนั่งหมิ่นๆ ที่ขอบโซฟา ร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวยื่นแขนออกมาให้หญิงสาวจัดการล้างแผลโดยไม่รู้สึกเจ็บแสบแต่อย่างใด
ท่าทางของมาร์เซโล่ในเวลานี้ดูราวกับคนไร้ความรู้สึก ด้วงตากระด้างไม่ยี่หระต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลที่หลังมือเลยสักนิด เพราะเขารู้ดีว่ามันน้อยนิดเหลือเกิน... เมื่อเทียบกับความ ‘เจ็บในใจ’ ที่ต้องสูญเสียภรรยาสุดที่รักให้กับอุบัติเหตุซึ่งไม่มีใครคาดฝัน
“พี่มาร์คอยู่นิ่งๆ นะคะ”
น้ำตาลเหลือบมองหน้าพี่เขยแวบหนึ่ง หลังจากใส่ยาที่หลังมือแล้วพันด้วยผ้าพันแผล ใบหน้าของมาร์เซโล่ยังนิ่งงันเหมือนคนไร้ความรู้สึก กระทั่งเสียงของน้องเมียดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ดีที่แผลไม่ลึกค่ะ”