โคตรคิดถึงพี่เลย
“ นี่หลอกด่าว่าพี่อ้วนใช่ไหมเนี่ยชิน ปล่อยเลยนะ ” คนถูกกอดพูดกลั้วหัวเราะ
“ จะผอมจะอ้วนก็ดีหมดแหละ ถ้าได้กอดแบบนี้ ผมคิดถึงพี่มากเลย รู้ไหม ” เสียงกระเส่าที่ท้ายประโยคและวงแขนแข็งแรงที่กระชับร่างหล่อนให้แน่นเข้า ทำให้บีรู้สึกแปลก ๆ
“ โคตรคิดถึงพี่เลย ” เขายังพร่ำบอกไม่หยุด คนเป็นพี่สาวเลยยกมือกอดตอบบ้าง
“ พี่ก็คิดถึงชินเหมือนกัน ”
พลันน้องชายที่แท้จริงก็โผล่พรวดขึ้นบันไดมาแล้วแกะมือชินออกจากพี่สาวตัวเอง
“ ไอ้ชิน มึงพอเลย นี่พี่สาวกู ให้กูกอดบ้าง มึงมันก็แค่น้องข้างบ้าน อย่ามาขี้ตู่ ” บอยว่า บีหัวเราะแล้วอ้าแขนรับ ก่อนเขาจะโผเข้ากอดพี่สาว
“ ยังจะมาแย่งพี่กันเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกเนาะ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ”
“ คิดถึงผมมากกว่ามันหรือเปล่า ” บอยถามอ้อน ๆ บีหัวเราะ
“ เออ คิดถึงแกมากกว่าชินนิดหนึ่งก็ได้ ”
“ พี่บีโกหกมึง มึงก็รู้ไอ้บอย ว่าพี่บีต้องคิดถึงกูที่สุด ” ชินเย้า บอยยกเท้าขึ้นถีบเพื่อน อีกฝ่ายถีบตอบ ก่อนจะมีเสียงหัวเราะลั่นบ้านดังขึ้นเมื่อต่างคนต่างยื้อแย่งพี่สาวเป็นของตัวเอง
ความสุขในวัยเด็กกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ทุกคนได้แยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเอง
“ พี่กวาดถูบ้าน ทำกับข้าวไว้รอเรียบร้อย เดี๋ยวกินข้าวกินปลากันก่อนค่อยไปบ้านงานกันนะ ” พี่บีว่าพลางเดินนำชายหนุ่มทั้งคู่ไปยังโต๊ะกินข้าวในครัวที่มีฝาชีหวายสานคลุมปิด ชินเปิดออกดูแล้วทำตาโต
“ โอ้โฮ มีทั้งแกงส้มมะละกอ ทั้งทอดปลาสลิด ของชอบผมทั้งนั้น ขอบคุณนะครับพี่บี ”
“ ของชอบกูมั้งไอ้ชิน มึงอย่ามาขี้ตู่ ”
“ พอ ๆ เลิกเถียงกันเหมือนเด็ก ๆ รีบกิน จะได้รีบไปช่วยงานกัน ” พี่บีรีบปรามเด็กโข่งทั้งคู่พลางตักข้าวใส่จานแจก
“ เออ แล้วนี่พี่มายังไง เฮียก๊กฮั้วไม่ได้มาด้วยเหรอ ” บอยถามขึ้น พี่สาวมีสีหน้าเจื่อนลงนิดหน่อย
“ บินมาด้วยกันแต่เฮียเขามีธุระต้องไปทำ ก็เลยค้างที่โรงแรมในเมือง ” คำตอบนั้นทำให้คิ้วเข้มของชายหนุ่มทั้งคู่ขมวดมุ่น เป็นชินที่ถามขึ้น
“ อะไรกัน มาด้วยกันแต่ไม่มาค้างบ้านเมียเนี่ยนะ ธุระอะไรสำคัญขนาดนั้น ”
“ เอาน่า เฮียเขาคนค้าขาย ก็คงไปคุยงานคุยอะไรแหละ กินข้าวกันเหอะ ไม่ต้องสนใจหรอก ” พี่บีตัดบทเหมือนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนั้น คล้ายปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้ แต่อาการนั้นไม่อาจหลุดพ้นสายตาเหยี่ยวของชินไปได้
พี่บีกับสามีคงมีปัญหาอะไรกันแน่นอน แต่เธอเลือกที่จะไม่บอกน้องชายทั้งคู่เพราะคงไม่อยากเอาปัญหามาใส่หัวใครให้ต้องกังวล เธอเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเอง
ย้อนกลับไปเมื่อวัยเด็ก อย่างที่บอกข้างต้น บ้านของชินห่างจากบอยสามหลังเลยสนิทกันตั้งแต่เด็ก แถมยังเป็นลูกกำพร้าพ่อเหมือนกันอีกด้วย พ่อของชินป่วยตายตั้งแต่เขายังเด็ก ส่วนพ่อของบอยก็ทิ้งลูกเมียไป
ชินนั้นอายุมากกว่าบอยร่วมสองปีแต่ด้วยความที่เล่นหัวกันมาตลอดเลยไม่ได้เรียกขานกันเป็นพี่เป็นน้อง บอยนั้นมีพี่สาวที่อายุห่างกันหกปี คือพี่บีนั่นเอง ส่วนชินเป็นลูกโทน
แม่ของพี่บีกับบอยเป็นแม่หม้ายผัวทิ้งตั้งแต่บอยยังอายุไม่ถึงขวบ หาเลี้ยงลูกสองคนด้วยการรับจ้างเป็นแม่บ้านในโรงงาน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแกไปวูบที่กลางถนน รถชนเสียชีวิตคาที่
ตอนนั้นพี่บีอายุสิบสอง ส่วนบอยอายุหกขวบ เด็กหญิงบีต้องคอยดูแลรับผิดชอบทุกอย่างภายในบ้าน แต่ความที่เธอเป็นเด็กดีและมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมาตลอด จึงไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่จะดูแลน้องให้ดีได้ โชคดีที่โรงเรียนให้ทุนการศึกษาและเงินไว้ใช้จ่ายภายในบ้านบ้าง แต่ก็ต้องกระเหม็ดกระเหม่พอควร เคราะห์ดีที่คนในหมู่บ้านยังคอยเมตตาสงสาร มีอาหารอะไรก็เอามาแบ่งปันสองพี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ของชินที่คอยดูแลเด็กทั้งคู่อยู่เสมอเพราะบ้านใกล้กัน ทำให้ชินกับบอยสนิทกันโดยปริยาย
บีเรียนเก่ง จึงช่วยสอนการบ้านให้กับเด็กชายทั้งคู่อยู่เสมอ พอโตมาหน่อยพี่บีก็เริ่มรับติวให้กับเพื่อนฝูงที่โรงเรียนบ้าง พอได้มีเงินเก็บนอกเหนือจากทุนเรียนดีที่ทางโรงเรียนมอบให้ และเงินเก็บที่มีไม่มากนักที่แม่ทิ้งไว้ให้ก่อนตาย
จบกระทั่งจบมัธยมปลาย บีจำต้องออกจากโรงเรียนมาหางานทำเพื่อจะส่งน้องชายที่กำลังโต ขึ้นมัธยมปีที่หนึ่งให้ได้เรียน เพราะยิ่งโตค่าใช้จ่ายก็เพิ่มมากขึ้น เงินเก็บของแม่ก็ถูกนำมาใช้จนหมด แม้จะอยากเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยแค่ไหนแต่บีก็ต้องตัดใจเพราะนั่นมันหมายถึงค่าใช้จ่ายมากมายที่จะตามมา เธอต้องเลือกให้น้องได้ร่ำเรียนมากกว่าความฝันของตัวเอง