ไม่ได้ดีแต่ปาก อย่างอื่นก็ดีด้วย
แดดรำไรในเวลาหกโมงเย็น
รถกระบะแคปกลางเก่ากลางใหม่สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาในหมู่บ้านแถบชนบท ที่แม้ว่าถนนหนทางจะเป็นลาดยางมะตอยแล้วแต่สองข้างทางก็ยังเต็มไปด้วยทุ่งนาและป่าอ้อย ชวนให้รู้สึกวังเวงชอบกล
รถยนต์คันนั้นหยุดที่หน้าบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นหลังหนึ่งที่มีรั้วรอบขอบชิดเป็นปูนเรียบร้อยมั่นคง บริเวณบ้านมีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นรกครึ้มไปหมดด้วยว่าถูกทิ้งไว้เป็นเวลาเนิ่นนาน ปีหนึ่งคนเป็นเจ้าของบ้านจะกลับมาสักครั้งสองครั้ง
รถจอดสนิท ก่อนชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สองคนจะเปิดประตูรถเดินลงมาแล้วบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบ คนหนึ่งคล้ำคมอย่างชายไทย อีกคนผิวขาวกว่า
คนคล้ำกว่าคือ ชิน และอีกคนคือ บอย ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็ก บ้านอยู่ห่างกันเพียงสามหลัง ชินแก่กว่าบอยสองปีแต่ด้วยความที่เล่นมาด้วยกันแต่เล็กแต่น้อยเลยไม่ได้ถือสาเรื่องคำเรียกขานว่าต้องเรียกพี่เรียกน้องแต่อย่างใด
“ ทำไมเงียบจังวะ ไหนพี่บีบอกว่ามาถึงแล้ว ” ชินถามขึ้นเมื่อมองเข้าไปในบ้านของบอยแล้วเห็นว่าประตูยังปิดสนิทและไม่มีใครเดินออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์
“ เออ นั่นสิ ไม่แน่ว่าอาจจะไปบ้านงานแล้วมั้ง ”
บอยตอบพลางเดินไปเปิดประตูรั้วเพื่อจะเลี้ยวรถเข้าไปเก็บในบ้าน
ทั้งคู่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบทแบบนี้ คนในหมู่บ้านรู้จักกันหมด จึงมีความรักความห่วงใยกันแบบญาติพี่น้อง มีอะไรก็ช่วยเหลือเจือจุน ถ้อยทีถ้อยอาศัย และวันนี้ที่หมู่บ้าน ตาชด ผู้เป็นคนเก่าคนแก่ เป็นที่นับหน้าถือตาและคนในหมู่บ้านนับถือเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง และแกยังพ่วงตำแหน่งมัคนายกประจำหมู่บ้านได้เสียชีวิตลงด้วยโรคชรา ชินกับบอยจึงต้องลางานที่อู่เฮียเสือเพื่อกลับมาช่วยงานศพส่งท่านเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากมีน้องในหมู่บ้านส่งข่าวไปทางเฟซบุ๊ก
“ มึงไม่ไปบ้านก่อนเหรอ ” อีกฝ่ายส่ายหน้า
“ แม่กูคงไปทำกับข้าวบ้านงานโน่นแหละ กลางคืนก็นอนบ้านงาน เล่นไพ่ไฮโลควบตำแหน่งแม่ครัว กูไม่อยากนอนที่บ้านคนเดียว ”
“ กลัวผีอีกตามเคยสิมึงอะ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแถมปากก็เสียแล้วยังเสือกกลัวผี ”
“ หรือมึงไม่กลัว ตาชดแกขี้แกล้งด้วย ตอนเด็ก ๆ ชอบหลอกกูว่าถ้าขโมยลูกมะตูมที่วัด ผีเปรตจะตามมาจกตับถึงบ้าน ”
“ ก็มึงเสือกไปขโมยของวัด ตาชดแกเป็นมัคนายกก็ต้องหาวิธีหลอกแบบนี้แหละ ”
“ เออ ๆ ยังไงก็เหอะ วันนี้ขอกูนอนบ้านมึงนะ ”
“ อืม ” บอยตอบสั้น ๆ ก่อนที่จะขับรถยนต์มือสองที่เขาเก็บเงินผ่อนด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองเข้าไปจอดที่ลานกว้างหน้าบ้าน ก่อนที่ประตูบ้านจะถูกเปิดออกพร้อมเสียงใสเรียกทักทายมาจากบนนั้น
“ มาถึงกันแล้วเหรอ บอย ชิน ! ” ชินเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงก่อนจะฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้เห็นเจ้าของเสียง
หญิงสาววัยสามสิบรูปร่างอวบอัด ผิวขาวเช่นเดียวกับ ผู้เป็นน้องชาย ใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโต คิ้วโก่งสวย ขนตางอนเป็นแพ ผมยาวดำขลับปล่อยสยายเคลียคลอเต็มแผ่นหลัง เธอฉีกยิ้มกว้าง ทำให้เห็นรอยบุ๋มของลักยิ้มที่แก้มซ้าย
หัวใจของชินชุ่มฉ่ำ ผ่านไปไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี รอยยิ้มนั้นยังคงจรรโลงหัวใจของเขาเสมอ แม้ว่าเธอจะมีสถานะเป็นดังพี่สาว และมีเจ้าของแล้วก็ตามที
“ ถึงแล้วสิครับพี่บี ถ้าไม่ถึงจะเห็นเหรอ ” เขาตอบกวน ๆ พลางสะพายเป้เดินขึ้นบันได หญิงสาวเท้าสะเอวแล้วค้อนขวับ
“ ปากดีไม่หาย กี่ปี ๆ ก็ปากดีเหมือนเดิม ”
“ ไม่ได้ดีแต่ปากนะพี่ อย่างอื่นก็ดีด้วย ”
“ พอ ๆ พูดมากเดี๋ยวปากจะมีสี ไหนมากอดหน่อยซิ ”
เธออ้าแขวนกว้าง ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปกอดรัดเธอเต็มเหนี่ยวจนคนโดนกอดร้องลั่น
“ โอ๊ย กอดแน่นอะไรขนาดนี้ เดี๋ยวพี่ก็หายใจไม่ออกตายพอดี ”
“ ไม่ได้เจอตัวเป็น ๆ ตั้งสามปี ขอกอดให้ชุ่มปอดหน่อยเหอะน่า ” คนตัวโตงึมงำอยู่บนศีรษะ
“ แต่ก็เห็นกันผ่านวีดีโอคอลบ่อย ๆ ไหมล่ะ ”
“ มันไม่เหมือนกันหรอก เห็นผ่านมือถือกับตัวเป็น ๆ นุ่มนิ่มเป็นก้อน ๆ แบบนี้ ”