8
ยิ้มใสหัวใจเต้นระทึก เมื่อเขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
-ไปก็ได้ค่ะ- เธอพิมพ์ตอบกลับไป หน้าร้อนซู่ บ้าไปแล้วไปตอบเขาแบบนั้นได้ยังไง ยิ้มใสอยากจะหยิกตัวเองเสียให้เนื้อเขียวนัก
-จะรอนะ- ประโยคที่พิมพ์ตอบกลับมาทำให้ยิ้มใสหัวใจเต้นโครมคราม เธอค่อยๆ ย่องออกจากห้อง มองซ้ายมองขวาแล้ววิ่งเหยาะๆ ไปที่ห้องของธีรวัชรอย่างรวดเร็ว
“อุ๊ย! พี่ธีร์” เธอสะดุ้ง อุทานอกมาเมื่อธีรวัชรเปิดประตูออกมาพอดี ก่อนที่เขาจะดึงเธอเข้าไปในห้องพักของตัวเอง
“มาเร็วเหมือนกันนะ”
“พี่ธีร์”
“ทำไม ทำเสียงตกอกตกใจแบบนั้นล่ะ”
“มีถุงยางอนามัยไหมคะ” เธอนึกถึงการป้องกันตัวเองขึ้นมา แม้สองครั้งที่เกิดขึ้นจะไม่ได้ป้องกัน แต่รอบนี้ยิ้มใสคิดว่ามันไม่ได้แล้ว ถ้าขืนยังเลยเถิดกับธีรวัชรอยู่แบบนี้ เธอได้ท้องป่องแน่ ๆ ยังไงก็ต้องหาทางป้องกันตัวเอง
“หมด” เขาตอบตามตรง สั้น ๆ ง่าย ๆ ทำเอาคนฟังอ้าปากค้าง
“ไม่ได้นะคะ ไม่ได้ป้องกันเดี๋ยวท้อง หนูยิ้มยังเรียนไม่จบเลยด้วยซ้ำ” ประโยคของเธอดูร้อนรนจนเขานึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ความหื่นไม่เข้าใครออกใคร เขาต้องการเธอในตอนนี้และเดี๋ยวนี้ด้วย
“แต่ยังไงหนูยิ้มก็ต้องรับผิดชอบพี่”
“รับผิดชอบยังไงคะ”
“หนูยิ้มวางยาให้พี่กิน จับพี่กินตับ แล้วคิดจะหนีมาง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอ ทำไปแล้วไม่ว่าจะกี่ครั้ง ครั้งต่อไปก็ต้องรับผิดชอบ” เหตุผลของเขาช่างไม่น่าจะเป็นเหตุผลได้เลยในความคิดของยิ้มใส
“พี่ธีร์คะ หนูยิ้มต้องรับผิดชอบพี่ธีร์ตลอดเลยเหรอคะ” เธอทำท่าเหมือนต่อรอง
“ใช่ครับ”
“เอ่อ...”
“หนูยิ้มต้องรับผิดชอบพี่นะครับ ทำอะไรกับพี่เอาไว้จำได้ใช่ไหม” เขายังตอกย้ำ
“หนูยิ้มทำอะไรกับพี่คะ” เธอถามกลับเหมือนสมองเชื่องช้าเหลือเกินในเวลานี้
“ฟันพี่แล้วคิดจะทิ้งไง ไม่รับผิดชอบพี่”
“หนูยิ้มเปล่าเสียหน่อย พี่ธีร์ชอบหาว่าหนูยิ้มฟันแล้วทิ้งเรื่อยเลย” เธอค้อนธีรวัชร เขากล่าวหาเธออีกแล้ว
“แล้วจดหมายบอกลาหลังจากฟันพี่เรียบร้อยแล้วจะทิ้งคืออะไรครับ” เขาเอ่ยถาม เธอได้แต่อึกอักอ้ำอึ้ง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“หนูยิ้มเปล่า”
“เปล่าอะไร”
“เปล่าฟันแล้วทิ้ง”
“งั้นก็ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ฟันพี่แล้วทิ้งจริงๆ”
“ทำยังไงคะ”
“ขึ้นขย่มพี่สิบยก”
“บ้า! พี่ธีร์หื่น” ธีรวัชรหัวเราะร่วน ที่ได้แกล้งเด็กสาว เอาเข้าจริงๆ เขาก็ไม่เคยคิดหยอกล้อหญิงใดแบบนี้มาก่อน เขาหยิกแก้มเธอเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ยอมก็ได้ค่ะ แต่ต้องมีถุงยางอนามัยนะคะ” เธอพูดแบบนั้นเพราะคิดว่าหากเขาไม่มี เธอก็จะไม่ยอม เขาก็ทำอะไรเธอไม่ได้ ในบ้านแบบนี้มีบิดาของเขาและมารดาของเธออยู่ เขาคงไม่กล้าวู่วามขืนใจเธอหรอก
“ก็ได้” เขาคว้ามือของเธอเอาไว้ ลากให้เดินตามออกไปจากห้อง
“ก็ได้คือยังไงคะ พี่ธีร์จะพาหนูยิ้มไปไหน”
“ไปเอาถุงยางอนามัยไง”
“ที่ไหนคะ”
“ที่ห้องคุณพ่อ”
“คุณลุงมีเหรอคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่อาจจะมี ไปหาดูก่อน” จะให้เขามีอะไรกับเด็กสาวที่ไม่ยินยอมเขาก็เกรงเธอจะเสียใจไปมากกว่านี้ แต่จะให้เขาปล่อยเธอไป เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
“พี่ธีร์ จะดีเหรอคะ แอบเข้ามาในห้องของคุณลุงแบบนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เห็นว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูยิ้มนั่งคุยกันอยู่ข้างล่าง ตอนนี้กำลังดูดาวกันอยู่”
“เหรอคะ”
“คงจะกำลังหวานใส่กันอยู่ เพราะคืนนี้ดาวสวยเสียด้วย โรแมนติกกันเชียวครับ”
“ค่ะ”
“ดังนั้นพวกท่านคงยังไม่ขึ้นมาหรอกครับ” ประโยคนั้นของเขาทำให้เธอต้องเดินตามเขาไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ธีรวัชรหาถุงยางอนามัยก็จริง แต่เขาก็จับมือของสาวน้อยเอาไว้ไม่ยอมห่าง เพราะกลัวเธอจะหนี
เสียงตะกุกตะกักที่ประตู และประตูที่กำลังจะเปิดเข้ามา ทำให้ธีรวัชรหยุดกึก
ชายหนุ่มดึงเด็กสาวเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าไม่รู้ว่าจะหลบที่ไหนดี เหตุการณ์มันฉุกละหุกจนเกินไปในขณะที่บิดาและมารดาเลี้ยงเปิดประตูห้องเข้ามาทั้งสองก็เข้าไปหลบในตู้ได้อย่างหวุดหวิด
เขาโอบกอดเธอเอาไว้ ยกมือขึ้นเพื่อจุ๊ปากไม่ให้เธอส่งเสียงดังเพราะกลัวบิดาและมารดาจะได้ยิน
ยิ้มใสเองก็ถึงกับเกร็งแข็งค้าง ไม่กล้าขยับ เพราะกลัวจะเกิดเสียงดัง ปล่อยให้เขาโอบกอดอยู่แบบนั้นเพราะกลัวมารดาและบิดาเลี้ยงจับได้
ถ้าพวกท่านรู้ว่าเขากับเธอแอบลักลอบเข้ามาในห้องนอนเช่นนี้คงจะโดนตำหนิเป็นแน่
ในระหว่างที่ทั้งสองต่างคนต่างขบคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป เสียงสนทนาด้านนอกก็ดึงความสนใจของหนุ่มสาวทั้งคู่ให้หยุดชะงักงันราวหุ่นปั้น
เธอกับเขามองสบตากัน ยิ้มใสรับรู้ได้ถึงแก้มสาวของเธอที่ร้อนผ่าวราวไฟแผดเผา
“ผมดีใจนะครับ ที่ได้คุณมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน” ธีรกรเอ่ยบอกยุวดีด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนสายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และความปรารถนา ทำให้คนฟังถึงกับสะท้านในหัวใจ
นานหลายปีแล้วที่เธอเลี้ยงลูกสาวมาเพียงลำพังไม่เคยสนใจชายใดมาก่อน เธอเหมือนทะเลทรายอันแห้งแล้งได้เจอสายฝนอันแสนชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ยามที่เขาประกบริมฝีปากลงมาหา เธอก็รับจุมพิตของเขาอย่างดูดดื่ม เต็มไปด้วยความยินยอมพร้อมใจ
เธอยินยอมพร้อมใจจะตกเป็นของเขา ธีรกรอุ้มร่างอวบอิ่มของหม้ายสาวหน้าหวานขึ้นสู่อ้อมแขน
เธอสวยจับจิตจับใจ ใช่เพียงแค่ใบหน้าที่สวยหมดจดเท่านั้น แต่เธอสวยทั้งกายทั้งใจ กิริยามารยาทก็น่ามองยิ่งนัก
ร่างของยุวดีถูกกดลงบนที่นอนกว้าง ก่อนที่ร่างของธีรกรจะทาบทับลงไปหา แล้วบดจูบเธออย่างดูดดื่มอีกครั้ง
เขาสัมผัสไปทั่วเนื้อตัวของเธอ ทำเอาร่างอวบอิ่มสะท้านหวั่นไหวด้วยความวาบหวาม จากสัมผัสที่น่าหลงใหล
ชิวหาร้อนของเขาแตะไล้สัมผัสกับกลีบอ่อนหวานของเธอ เขาคลุกเคล้าเล้าโลมด้วยความเสน่หา ทั้งสองลูบคล้ำด้วยความกระหาย หัวใจลุ้นระทึกกับสัมผัสอันแนบชิดระหว่างหนุ่มสาว
คนทั้งสองที่แอบมองอยู่ถึงกับหัวใจเต้นโครมครามโดยเฉพาะยิ้มใส เธอถึงกับยกนิ้วขึ้นดูดกัดใจสั่นสะท้านที่เห็นภาพการร่วมรักที่แสนเร่าร้อนระหว่างบิดาเลี้ยงกับมารดา
ท้องไส้ของเธอเริ่มปั่นป่วนหนักขึ้นกว่าเดิม ร่างกายสาวหยาดเยิ้มอย่างไม่น่าให้อภัย
เธอรู้สึกฉ่ำเยิ้มด้วยความรู้สึกกระหายอยากในรสใคร่ ร่างกายของเธอสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนของธีรวัชร
เขาโอบกอดเธอแนบแน่นขึ้น มือหนาสอดแทรกเข้าไปในเสื้อตัวน้อย แล้วใช้ปลายนิ้วเขี่ยติ่งกระสันอันตื่นตัว
เขาเขี่ยยอดถันของเธอระรัว ยอดถันตื่นตัวแข็งเป็นไต ทำให้ยิ้มใสต้องยกมือขึ้นอุดปากตัวเองเอาไว้ กลัวจะหลุดเสียงครวญครางออกมาให้ใครได้ยินเข้า
สัมผัสของเขามันเป็นไปด้วยความปรารถนาอันล้ำลึกที่เกิดขึ้นในจิตใจ ยิ่งเห็นภาพอันแสนสยิวบนเตียงก็ยิ่งทำให้คนทั้งสองอารมณ์กู่ไม่กลับ
บทรักของบิดาเลี้ยงและมารดาช่างเร่าร้อนเหลือเกิน ยิ้มใสไม่ได้อยากมอง แต่ก็บังคับสายตาตัวเองไม่ได้เลย
คนทั้งคู่กระแทกจังหวะรักเข้าหากันอย่างรุกเร้ารุนแรง ก่อนจะเสร็จสมไปพร้อมกัน เธอได้ยินเสียงซี้ดจากริมฝีปากบอบบางของมารดา เหมือนท่านกินพริกเผ็ดๆ เข้าไปกำมือใหญ่
เมื่อทั้งสองเสร็จสมอารมณ์หมาย เธอก็ได้ยินบิดาเลี้ยงชวนมารดาไปอาบน้ำด้วยกัน ท่านไม่ได้ประคองหรืออุ้มไปเฉย ๆ แต่กลับอุ้มแตงกันไปด้วยจังหวะรักอันร้อนแรง
ภาพนั้นทำให้เธอเสียวซ่านตามไปด้วย เมื่อเห็นบิดาเลี้ยงโยกกายไปตลอดเส้นทาง ระหว่างที่อุ้มมารดาเขาไปในห้องน้ำ เนื้อกายที่สอดเสียบเข้าหากัน ทำให้น้ำรักไหลซึมหยาดเยิ้มไปทั่วเรียวขาและร่องสวาท
เมื่อบิดาเลี้ยงกับมารดาเข้าไปในห้องน้ำ ธีรวัชรจึงรีบเปิดประตูตู้ออกมาในทันที โชคดีที่พวกท่านไม่เปิดตู้เสื้อผ้า ไม่อย่างงั้นคงเห็นว่าเธอกับเขาซ่อนตัวอยู่ในนี้