5 : เขาใหญ่
โอดินมองรูปที่ลูกน้องตัวเองนำมาให้ตนเองดู ทุกวันและชีวิตของจอร์นจะมีสาวน้อยร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มผิวขาวอมชมพูติดมาด้วยตลอด จะว่าไปมองดูแล้วเป็นจอร์นต่างหากที่ติดเด็กผู้หญิงในรูป
“เด็กในรูปกับมันเป็นใคร?”
“เป็นน้องสาวครับ แต่เหมือนว่ามันจะใส่ใจเป็นพิเศษ”
“หึหึ...แสดงว่าสำคัญกับมันสินะ”
“เท่าที่คนของเราเฝ้าตามมัน เด็กผู้หญิงในรูปน่าจะเป็นจุดอ่อนของมันครับ เวลามันไม่ได้ไปด้วย มันก็ให้คนของมันแอบตามดูแลแบบลับๆ ครับ”
“แสดงว่ามันมีทั้งแม่แก่ๆ อยู่บ้านและเด็กคนนี้สินะที่มันห่วง”
“ครับนาย”
“ดี บอกคนของเราให้เตรียมพร้อมตลอดเวลา มีโอกาสเมื่อไหร่จะได้ลงมือทันที”
“ครับ โอดิน”
“ไปพักเถอะ วันนี้นายเหนื่อยมากแล้วไมเคิล”
“ครับนาย” แล้วไมเคิลก็โค้งคำนับแล้วเดินออกจากห้องพักของเจ้านายไปพักผ่อนอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องของเจ้านาย
“ไอ้ลูกผสม มึงได้ตายที่บ้านเกิดมึงแน่ อย่าหวังจะได้กลับบ้านเมืองพ่อมึง” โอดินเอ่ยกับคนที่ตนเกลียดในรูปแล้วหยิบซองบุหรี่กับไฟแช็กไปยังระเบียงห้อง
นงลักษณ์เห็นหลานสาวเอาแต่หลบหน้าหลบตาลูกชายตัวเองและเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าพ่อมาเฟียตัวดีไปทำอะไร ณิการ์ถึงได้กลัวรักษาระยะห่างแบบนี้
“ให้แม่เข้าไปในห้องได้ไหมตากันต์”
“ครับ ชอน มาร์ก พวกนายออกไปก่อน ฉันจะคุยกับแม่” เขากำลังคุยงานกับทั้งสอง แต่ก็คุยเรื่องสำคัญจบหมดแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องทั่วไปเท่านั้น
“ครับนาย” สองหนุ่มโค้งคำนับก่อนเดินจากไป และตอนเดินผ่านแม่ของเจ้านาย ทั้งสองก็ก้มหน้าให้ก่อนจากไปและปิดประตูห้องให้
“แม่มีอะไรกับผมรึเปล่าครับ”
“กันต์ทำอะไรให้น้องกลัวรึเปล่า แม่ว่าหลายวันมานี้ดูน้องจะหลบหน้ากันต์นะ”
“ก็แค่เผลอทำอะไรนิดหน่อยครับ น้องเลยตกใจ”
ปัง!
“นิดหน่อยน่ะมันคืออะไร” นางเดินไปตบโต๊ะทำงานของลูกชายด้วยความโกรธเมื่อได้ยิน
“ก็แค่หอมคอเท่านั้นเองครับ”
“ตากันต์ แม่บอกว่ายังไง ห้ามล่วงเกินน้อง น้องยังเด็ก”
“สิบแปดแล้วนะครับแม่ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าหอมคอนี่ วันนั้นผมใส่สร้อยที่ซื้อมาให้แล้วมันแบบว่า...” เขายังพูดไม่จบ เสียงแม่ก็แทรกขึ้น
“พอเลย ต่อไปนี้ก็รักษาระยะห่างกับน้องด้วย และที่หนูณิเอาแต่เก็บตัวในห้องก็เพราะแกเลยตากันต์ มันน่านัก มันน่าตีนัก แม่บอกกี่ครั้งแล้วถ้าหิวถ้าอยากก็ไปกินข้างนอกบ้าน”
“นอกบ้านผมก็กินมาจนไม่รู้จะกินยังไงแล้ว เหลือแต่คนในบ้านเนี่ยแหละ อยากกินมากแค่ไหนก็ได้แต่กัดฟันบอกตัวเองว่าอดทนๆ”
“อย่าทำอะไรน้องเด็ดขาด เข้าใจไหม หิวแค่ไหนก็ต้องทน น้องยังเด็ก แล้วลูกไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม แม่เห็นคนของลูกป้วนเปี้ยนแถวบ้านหลายวันแล้ว และลูกก็ให้มาร์กมาไทยด้วย”
นางพูดเปลี่ยนเรื่องด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เพราะดูสีหน้าและคิ้วของลูกชายขมวดเป็นปมตลอดเวลาที่อยู่กับชอนและมาร์ก
“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ พวกเขาทำงานกันปกติ อีกอย่างผมอยากให้มาร์กมาพักผ่อนที่ไทยเหมือนชอนเท่านั้นเองครับ”
“แน่ใจนะตากันต์ว่าไม่มีอะไร”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ถึงมีมันก็ทำอะไรผมกับแม่และหนูณิไม่ได้หรอกครับ”
“อย่าพูดแบบนี้สิตากันต์ แม่เป็นห่วงนะ ตัวเราน่ะเต็มไปด้วยแผล แม่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาให้ใช้ชีวิตแบบนี้นะลูก”
“ทำยังไงได้ ก็พ่อผมเป็นพ่อค้าค้าอาวุธนี่ครับ”
“แม่รักลูกนะตากันต์”
นางเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปลูบหน้าที่ถอดแบบของอดีตสามีที่จากไปแล้วก็ก้มลงจูบระหว่างคิ้วของลูกชาย
“ผมก็รักแม่ครับ” แล้วกันต์ก็กอดท่านที่ยืนข้างเก้าอี้ที่ตนนั่งแน่น
“ไนท์ไนท์”
“ไนท์ไนท์ครับแม่ของผม”
กันต์รู้ว่าแม่รักและห่วงตน แต่ภาระหน้าที่ของเขามันหนักเหลือเกิน จะทิ้งก็ทิ้งไม่ได้ เพราะมันคือทั้งชีวิตของพ่อเขาที่สละชีวิตเพื่อปกป้องมัน
วันที่จะไปเขาใหญ่ก็มาถึง ณิการ์ถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กของตนลงมาจากชั้นสอง ชอนเห็นก็รีบเข้ามาช่วยถือมาส่งที่รถ
“ขอบคุณพี่ชอนนะคะ”
พอชอนถือมาส่งถึงรถ เธอก็เอ่ยขอบคุณพร้อมส่งยิ้มหวานให้อีกฝ่าย ซึ่งคำพูดกับน้ำเสียง สีหน้ายิ้มแย้มเป็นธรรมชาติของเธอนั้นอยู่ในสายตาและการรับฟังของกันต์ที่นั่งอยู่บนรถรอทุกอย่าง
“ไม่เป็นไรครับคุณณิ”
ชอนก้มหน้าตอบ เพราะไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าเด็กสาว แล้วก็รีบเก็บกระเป๋าไว้ท้ายรถให้ณิการ์
“หนูณิขึ้นรถได้แล้ว” กันต์เรียกแม่กวางน้อยของตนเองเสียงแข็งห้วน
ณิการ์รีบขึ้นไปบนรถทันที แต่ไม่ได้นั่งข้างกันต์ เธอเลือกเดินไปนั่งเบาะหลังของเขาแทน
“มานั่งข้างพี่หรือจะให้พี่ลุกไปนั่งด้วย” กันต์หงุดหงิดเมื่อณิการ์ทำตัวห่างเหินกับตน แต่กับชอนและมาร์กกลับสนิทสนม หัวเราะพูดคุยอย่างเป็นธรรมชาติ แต่กับเขา หน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลและตื่นกลัว
“เสียงดังใส่น้องทำไมตากันต์ ขอบใจจ้ะมาร์ก” นงลักษณ์เดินมาถึงรถได้ยินพอดีจึงรีบพูดแทรกขึ้นและหันไปขอบคุณมาร์กที่ช่วยตนถือกระเป๋า
มาร์กพยักหน้ารับคำขอบคุณแล้วนำกระเป๋าของคุณผู้หญิงไปเก็บไว้ท้ายรถ
“ผมอยากให้หนูณิมานั่งข้างผม แต่หนูณิดันไปนั่งเบาะด้านหลัง”
“แล้วมันเป็นอะไร ลูกก็นั่งกับชอนกับมาร์กสิ เลือกเอาสักคน แม่จะนั่งกับน้องที่เบาะหลัง” นางก้าวขาขึ้นรถแล้วก็เดินผ่านเบาะลูกชายไปนั่งข้างณิการ์
“ชอน นายไปนั่งข้างคนขับรถ ส่วนมาร์กมานั่งกับฉัน” เมื่อแม่พูดแบบนี้แล้วยังไงซะวันนี้ก็ไม่ได้นั่งข้างณิการ์ เขาก็สั่งลูกน้องทั้งสองขึ้นรถ
ชอนกับมาร์กรีบขึ้นรถแล้วรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกจากบ้าน และมีขบวนรถเหล่าบอดี้การ์ดติดตามไปอีกหลายคัน เพราะการไปเที่ยวครั้งนี้อาจมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ เขาต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน ยิ่งตอนนี้โอดินอยู่ไทยยิ่งต้องระวังเข้มขึ้น
พอรถเคลื่อนตัว ป้าหลานข้างหลังก็พูดคุยกันสนุกสนาน ส่วนคนที่นั่งเบาะหน้านั่งหน้าตึงบูดบึ้งไม่สบอารมณ์เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ
เขาใหญ่
บ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ ฟาร์มม้าที่มาครั้งนี้เป็นของกันต์ กันต์ได้ซื้อกิจการต่อจากเพื่อนที่รู้จักแล้วเขาก็จ้างคนดูแลที่นี้ ยังไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ในฟาร์มมีม้าทั้งหมดยี่สิบตัว และมีคนงานดูแลสิบกว่าคน และบ้านพักตากอากาศก็มีคนดูแลตลอด
“ชอบไหมหนูณิ”
ณิการ์ที่ลงจากรถกำลังตื่นตาตื่นใจกับฟาร์มตรงหน้าหดคอทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงไออุ่นลมหายใจของคนตัวโตที่ก้มโน้มลงมาพูดกับตน และสองขาเล็กก็ก้าวถอยห่าง
“ทำไมไม่ตอบล่ะหนูณิ ชอบไหม ฟาร์มของเรา” กันต์ถามอีกครั้งและขยับก้าวตามร่างเล็กแม้ว่าเธอจะก้าวหนีตนก็ตาม
“สวยดีค่ะ แต่มันไม่ใช่ของณิ มันเป็นของคุณกันต์”
“ทำไมจะไม่ใช่ของหนูณิ อะไรที่เป็นของพี่ มันก็จะเป็นของหนูด้วย และพี่ก็เป็นของหนูณิด้วยเหมือนกัน ไม่ดีใจเหรอที่ได้ทุกอย่างที่เป็นของพี่พร้อมตัวพี่ฮึ” กันต์เดินตามมาพูดแกล้งสาวน้อย ในความแกล้งนั้นมันเต็มไปด้วยความจริงจัง
“คุณกันต์เลิกคุกคามณิได้ไหมคะ และก็อย่าทำแบบนี้กับณิ ณิไม่ชอบ” เธอบอกเขาไปตามตรง ไม่ชอบแต่ใจกลับเต้นแรงตื่นเต้นมากเวลาเขาใกล้ชิดในระยะประชิดตัวแบบนี้
“วันนี้ไม่ชอบ วันหน้าใช่จะไม่ชอบ และสร้อยคอที่ใส่ให้จำไว้ห้ามถอดเป็นอันขาด ถ้าถอดเมื่อไหร่เห็นดีกันแน่” แล้วกันต์ก็เดินเข้าไปในบ้าน ตามด้วยมาร์กกับชอนเพื่อจะไปคุยงานกัน
“หนูณิอย่าไปสนใจพี่เขาเลยนะลูก พี่เขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วแหละ” นงลักษณ์ที่รอให้ลูกชายเดินเข้าบ้านแล้วค่อยลงรถมาเอ่ยกับหลานสาวที่ตนเลี้ยงและรักประดุจลูกที่คลอดมาเอง
“ค่ะ ป้านง”
“พี่เขาน่ะดื้อและเอาแต่ใจแบบนี้แหละ ป้าเองก็คุยให้หลายรอบแล้วว่าให้เลิกยุ่งวุ่นวายกับหนู แต่พี่เขาก็ไม่ยอม ป้าก็เลยได้แต่มองห่างๆ แต่ป้าไม่ยอมให้ลูกชายป้าทำหนูเสียใจแน่นอน”
“ขอบคุณนะคะป้านง”
สาวน้อยขอบคุณ ที่กลัวตอนนี้ไม่ใช่กลัวเสียใจ กลัวว่าเธอจะหลง ‘รัก’ มาเฟียอย่างเขาจนถอดถอนตัวไม่ขึ้น วันที่ออกไปหาเพื่อนรัก เพื่อนรักก็ได้บอกแล้วว่าตอนนี้เธอหวั่นไหวมีใจให้กันต์ไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าเขามีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจตัวเองจริงๆ
“เข้าไปดูในบ้านกันเถอะ ป้าเองก็เคยมาที่นี่ครั้งแรก ป้าเพิ่งรู้ว่าพ่อมาเฟียของป้าน่ะซื้อฟาร์มม้า” แล้วนางก็โอบเอวเล็กของหลานสาวพาเดินเข้าไปในบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่
กันต์นั่งไขว่ห้าง ในมือมีบุหรี่ควันสีเทาลอยคลุ้งกระจายไปทั่วห้อง มองไปทางคนสนิททั้งสองที่ยืนอยู่หน้าโซฟาที่ตัวเองนั่ง แต่แล้วก็ต้องรีบบดบี้ขยี้มอดดับบุหรี่ในมือเมื่อเห็นแม่กับณิการ์เดินเข้ามาในบ้าน ด้วยไม่อยากให้ทั้งสองได้กลิ่นบุหรี่ของตน
“สั่งคนของเรากระจายไปทุกจุด อย่าให้หนู แมวตัวไหนเล็ดลอดเข้ามาได้”
กันต์สั่งงานมาร์กกับชอนเสียงเข้ม เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พาทั้งสองคนมาพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศ
“ครับนาย” มาร์กเอ่ย
สายตาของกันต์ไม่ได้สนใจคนสนิททั้งสอง แต่สนใจสองคนที่เดินผ่านตัวเองเข้าไปข้างในบ้านไปดูห้อง พอทั้งสองเดินไปลับสายตาก็หันมาสนใจมาร์กกับชอนตรงหน้าต่อ
“คุมเข้มทุกจุด เพราะไอ้โอดินมันเป็นพวกรอบจัด”
“ครับนาย” ชอนเป็นคนเอ่ยรอบนี้
“มาร์ก นายพาคนของเราไปสำรวจรอบบ้านและฟาร์มกับสนามขี่ม้า”
“ครับนาย” แล้วมาร์กก็โค้งคำนับออกไปทำตามคำสั่งนาย
“ส่วนนาย ชอน ไหนบอกฉันสิว่านายสนิทกับหนูณิมากแค่ไหน” คนขี้หึงเอ่ยถามชอนด้วยน้ำเสียงห้วนแข็งทำเอาคนฟังหนาวยะเยือกไปถึงกระดูก
“คือ...”
“อย่าอ้ำอึ้ง ฉันไม่ชอบ ตอบมาว่าสนิทกันมากแค่ไหน ฉันให้แกตามไปดูแลว่าที่ ‘เมีย’ ในอนาคตฉันไม่ใช่ให้ไปทำตัวสนิท รู้ไหมชอน”
คนพาลหึงกระทั่งลูกน้อง ก็เขาอิจฉานี่ ณิการ์เรียกชอนกับมาร์กว่า ‘พี่’ แต่กับเขากลับเป็น ‘คุณ’ มันช่างห่างเหินเหมือนว่าเป็นคนอื่นทั้งๆ ที่ตอนเด็กนั้นตามติดเขาเป็นเงาก็ว่าได้
ชอนพยายามเม้มปากแน่นไม่ให้เสียงหัวเราะตัวเองดังลอดออกมา แต่ก็อดยกมือปิดปากตัวเองไม่ได้ มาเฟียจอมโฉดแห่งเม็กซิโกผู้คลั่งรักเด็กสาวไร้เดียงสากำลังหึงหวงแม้กระทั่งกับตน
“นาย ผมกับคุณณิไม่ได้สนิทอะไรกันหรอกครับ แต่คุณณิเธอให้เกียรติผมที่ผมเป็นผู้ใหญ่กว่าเลยเรียกผมว่า ‘พี่’ ผมก็ทำตามที่นายสั่งให้ไปดูแลขับรถให้ ถือของให้เวลาเธอซื้อของครับ”
“แล้วทำไมหนูณิถึงยิ้มกับนายแบบนั้น ทีกับฉันไม่ยิ้มเป็นธรรมชาติ เห็นแล้วมันน่าจับขังไว้ในห้องนัก ไม่ใช่แค่กับนาย มาร์กก็ด้วย หนูณินะหนูณิ สนิทสนมเป็นกันเองกับทุกคน ที่กับฉันที่เป็นว่าที่ ‘ผัว’ และ ‘พ่อของลูก’ ในอนาคตกลับรักษาระยะห่างตลอด รักษาระยะห่างแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้รวบหัวรวบหางวะ!”
“ก็นายขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิง เป็นธรรมดาที่คุณณิจะทำตัวห่างเหินจากนาย” ชอนเอ่ย
“ไปไหนก็ไปเถอะ ห่างเหินไปเถอะ ยังไงซะก็ต้องเป็นของฉันอยู่วันยังค่ำ ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องเป็น ‘เมีย’ ฉัน แต่พวกนายสองคนอย่าสนิทกับหนูณิของฉันมาก ฉันหวง”
“ครับ” ชอนโค้งคำนับแล้วเดินจากไปเพื่อจะไปช่วยมาร์กเดินสำรวจรอบฟาร์มม้าและบ้านพักเพื่อความปลอดภัยของคนในบ้าน ชอนกับมาร์กรู้ดีว่าตลอดหนึ่งปีที่ได้รับใช้กันต์นั้น เขาเป็นคนเช่นไร แม้เขาจะเจ้าชู้ แต่ก็ตามประสาผู้ชาย แต่เขาก็มีคนที่เฝ้าคอยปรารถนามาตลอดและผู้หญิงคนนั้นก็คือ ‘ณิการ์’ เด็กสาวที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กนั่นเอง
กันต์กลัวว่าณิการ์จะหวั่นไหวกับชอนและมาร์ก ก็ทั้งสองเป็นหนุ่มหล่อที่มีสาวๆ มารุมล้อมไม่แพ้เขา เวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ถ้าพูดถึงความนิยมที่เม็กซิโกแล้ว เขาคือนัมเบอร์วันก็ว่าได้ เพราะเป็นลูกครึ่งผิวสีที่ผสมผสานความเป็นเอเชียได้ลงตัวที่สุด