3 : กลัวพี่เหรอ?
ณิการ์กลับมาบ้านก็กลับขึ้นห้องของตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดมาเข้าครัวทำมื้อเย็นช่วยแจงแม่บ้านคนเดียวของบ้าน ด้วยผู้มีพระคุณของเธอนั้นไม่ชอบความวุ่นวาย บ้านหลังนี้จึงมีแม่บ้านแค่คนเดียวที่ทำหน้าที่ดูแลทุกคนในบ้านและมีเธอช่วยด้วยอีกคน จะว่าไปทุกคนช่วยกันดูแลบ้านด้วยกันหมด
“ไม่เห็นต้องมาช่วยป้ากับแจงเลยหนูณิ” นงลักษณ์บอกหลานสาว
“ไม่เป็นไรค่ะป้านง ช่วยกันหลายคนจะได้เสร็จไว ว่าแต่วันนี้ทำอะไรบ้างคะเย็นนี้”
“เป็นเมนูง่ายๆ ถั่วงอกผัดมะเขือเทศของโปรดหนู กับผัดกะเพราเนื้อของโปรดพี่เราน่ะ และมีไข่เจียวหอมแดงด้วย” นงลักษณ์เอ่ยบอก
“ขอบคุณนะคะที่คิดถึงหนูตลอด” ณิการ์ขอบคุณผู้มีพระคุณ
“ก็ป้ารักหนูนี่จ๊ะ แจงทำต่อที่เหลือนะ”
“ค่ะ คุณนง” แม่บ้านวัยกลางคนรับคำ แจงเป็นสาวแก่ที่ทำงานอยู่กับนงลักษณ์มาตั้งแต่กันต์อายุแปดขวบจนตอนนี้ก็ไม่ได้แต่งงานหรือย้ายไปทำงานที่อื่น
“ไปคุยกันข้างนอกดีกว่าลูก ที่เหลือให้แจงทำเถอะ”
“แต่ว่า...” ณิการ์จะปฏิเสธ แต่เสียงของแจงดังขึ้นก่อน
“เหลือไม่เยอะแล้ว น้าทำคนเดียวสบายมากหนูณิ”
“งั้นรบกวนน้าแจงด้วยนะคะ”
“ไปกันเถอะลูก ป้าอยากรู้ว่าวันนี้ไปทำอะไรกันมามั่ง และพี่เขาทำให้เราอึดอัดไหม” นงลักษณ์โอบเอวเล็กคอดของเด็กสาวแล้วพาเดินออกนอกห้องครัวเพื่อไปยังห้องนั่งเล่นพูดคุยกันระหว่างรอมื้อเย็น
กันต์ยกยิ้มมุมปากขณะฟังรายงานจากวิดีโอคอลของคนสนิททั้งสองที่วิดีโอคอลมารายงานงานที่เม็กซิโกให้ตนฟังพร้อมกับประกอบปืนพกสั้น 9MM ไปด้วย
“อ่า...เดี๋ยวไอ้โอดินมันก็รู้ว่าฉันอยู่ที่ไทย” กันต์รู้จักโอดินดี แม้จะพยายามปิดบังแค่ไหน มันก็ตามสืบรู้จนได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ขอแค่เกี่ยวกับเขา
“แล้วอาวุธที่ส่งให้สหภาพยุโรปเป็นยังไงมั่ง ไปได้ดีไหม” เขาวางปืนในมือลงหยิบบุหรี่ที่วางอยู่ที่เขี่ยก้นบุหรี่ขึ้นมาดูด
“เรียบร้อยครับนาย” ชอนเอ่ย
ลูกน้องทั้งสองทำงานติดตามพ่อของกันต์มานานหลายปี ทั้งสองจึงพูดไทยได้คล่องเหมือนเป็นเจ้าของภาษาเอง
“ดี รัฐบาลทางนั้นพอใจก็ดี แล้วนายจะมาเมื่อไหร่ชอน พาคนของเรามาด้วยสักสิบคนพอ ไม่ต้องมาเยอะ” แล้วเขาก็วางบุหรี่ไว้ที่เดิมแล้วถอดปืนที่เพิ่งประกอบเมื่อกี้เสร็จออกอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ครับ เดินทางพร้อมคนของเราด้วยเครื่องบินส่วนตัว”
“ส่วนนายก็ดูที่นั่นรอฉัน และสอดส่องพวกไอ้โอดินมันด้วยว่ามันเคลื่อนไหวอะไร ฉันมีลางสังหรณ์ว่ามันจะส่งคนมาฆ่าฉันที่ไทยแน่”
เขาพูดพร้อมกับประกอบปืนแล้วเล็งไปที่ประตูห้องของตัวเองและเป็นจังหวะที่ณิการ์เปิดผลักประตูเข้ามาพอดี จริงๆ เธอเคาะประตูห้องแล้ว แต่กันต์ติดคุยกับลูกน้องเลยไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู
ว้าย!
เธอเห็นประตูไม่ได้ล็อกจะถือวิสาสะเปิดผลักเข้ามา พอเปิดเข้ามาก็มีปลายกระบอกปืนเล็งมาทางตนจนตกใจเข่าทรุดนั่งกับพื้น
“โอ้...พระเจ้า! แค่นี้ก่อน ฉันยุ่ง!”
แล้วกันต์ก็ปิดวิดีโอคอลวางปืนในมือลงบนโต๊ะทำงานที่หันหน้าให้ประตูของตนเดินก้าวยาวๆ ตรงไปประคองร่างเล็กลุกยืนขึ้น
ณิการ์ขาสั่นก้าวขาไม่ออกจึงได้แต่ยืนนิ่ง
“กลัวพี่เหรอ?” กันต์เอ่ยถามเสียงนุ่ม
ณิการ์ไม่ตอบเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้าสบตาคนที่ยืนตรงหน้าตน และมือของเขายังคงจับเอวเล็กของเธอประคองไม่ให้ล้ม
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่แค่ประกอบปืนเล่นเฉยๆ ต่อไปนี้ปลายกระบอกปืนจะไม่หันหน้าใส่หนูณิอีกแล้ว ไปนั่งที่เตียงพี่ก่อน”
แล้วเขาก็ฉวยโอกาสอุ้มคนตัวสั่นพาเดินไปยังเตียงของตน ถ้าให้เดินไปเองคงไม่ได้แน่ ขาสั่นขนาดนี้
ณิการ์ถูกวางนั่งบนเตียงอย่างนุ่มนวลแล้วกันต์ก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเพื่อมอดดับบุหรี่ของตน และฉีดน้ำหอมดับกลิ่นเพื่อให้น้องน้อยหายใจสะดวกแล้วเดินกลับมานั่งข้างกวางน้อยของตนบนเตียง และเธอก็ขยับถอยห่างทันทีเช่นกันเมื่อเขานั่งเบียดข้าง
“มีอะไรกับพี่รึเปล่าถึงมาหา”
กันต์ถามพร้อมขยับตามคนที่ขยับถอยหนีตน ตอนนี้ณิการ์หวาดกลัวเขาจนไม่กล้าจะเงยหน้าพูดคุยสบตาตนเอง และมันทำให้เขาหงุดหงิดเป็นบ้าตอนนี้ แต่ก็ข่มอารมณ์ไว้ในอก
“ไม่ต้องกลัวพี่นะหนูณิ”
เขายื่นมือไปจะจับมือน้อยบนตัก แต่เธอกำมือแน่นถอยหนี เขาจึงหยุดมือไว้แล้วชักกลับ
“ป้านงให้มาตามคุณกันต์ทานข้าวค่ะ ณิเคาะประตูแล้วคุณกันต์ไม่เปิด ณิเห็นว่าห้องไม่ได้ล็อกเลยเสียมารยาทเปิดเข้ามาค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไร พี่ไม่ถือ ไปกินข้าวเย็นใช่ไหม ไปกันเถอะ”
“ค่ะ” แล้วณิการ์ก็ลุกขึ้นรีบเดินนำหน้าไม่รอคนตัวโตที่ตนมาชวน
มาเฟียหนุ่มผิวเข้มได้แต่มองตามแผ่นหลังน้อยที่เดินเร็วๆ หนีตนไปแล้วก็เม้มปากแน่นมองไปยังปืนของตนเองแล้วเดินไปเก็บมันไว้ในลิ้นชัก
“เผลอทำให้กลัวไม่ได้ตั้งใจซะแล้วไอ้กันต์ ปกติก็กลัวอยู่แล้ว พอเมื่อกี้ยิ่งกลัวไปใหญ่ หึหึ” เขายิ้มขำในคอเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามคนที่ออกไปก่อนหน้า
หลังจากทานมื้อเย็น ณิการ์ก็ขอตัวกลับขึ้นห้องเหลือแต่สองแม่ลูกที่มานั่งพูดคุยกันที่ห้องนั่งเล่นในเวลานี้ กันต์ก็นั่งกินผลไม้รอว่าแม่จะพูดอะไรกับตน เพราะตั้งแต่เข้ามาในห้องนั่งเล่น ท่านก็เอาแต่จ้องเขาไม่ยอมปริปากพูด
“แม่บอกตากันต์แล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับหนูณิ เรากับหนูณิยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ลูกน่ะตัวมีแต่กลิ่นคาวเลือดจะมาใช้ชีวิตกับเด็กสาวไร้เดียงสาไม่ได้หรอกนะตากันต์”
เมื่อมองจ้องจนพอใจแล้วจึงเอ่ยปากพูดกับลูกชายเรื่องที่เคยพูดเตือนตั้งแต่วันแรกที่กลับมา
“หึ! แม่ก็ให้โอกาสผมได้ใช้ชีวิตกับหนูณิมั่งสิครับ บางทีผมกับหนูณิของแม่อาจเข้ากันได้ดีและเป็นคู่ที่ดีก็ได้นะครับ”
“มันไม่ได้หรอกตากันต์ น้องเพิ่งสิบแปด เราน่ะอีกไม่กี่ปีก็สี่สิบแล้ว แก่แล้ว”
“เพราะอายุของผมเหรอ แม่ถึงไม่ให้ผมยุ่งกับหนูณิ”
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลักๆ ของแม่คือการใช้ชีวิตของลูกกับหนูณิมันต่างกัน ลูกน่ะใช้ชีวิตโลดโผน แต่น้องใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมาตลอด แม่อยากให้หนูณิเจอผู้ชายที่จะรักและถนอมหนูณิ”
“แล้วผมไม่ถนอมหนูณิตรงไหน แม่ลองคิดกลับกันนะ ถ้าหนูณิอยู่กับผมจะได้ใช้ชีวิตแบบเจ้าหญิง”
“แต่ก็แขวนบนเส้นด้าย เพราะไม่รู้วันไหนศัตรูของลูกจะมาลอบทำร้ายลูกแล้วหนูณิก็โดนลูกหลงไปด้วย ที่แม่พูด เพราะชีวิตแม่กับพ่อมันก็เป็นแบบนี้จนแม่ต้องเลิกกับพ่อ แยกกันอยู่ยังไงล่ะ”
นางอยากให้ลูกชายเห็นชีวิตรักของตนและพ่อของลูกว่าที่ผ่านมามันเป็นยังไง ตอนแรกน้ำต้มผักยังว่าหวาน แต่พอนานไปเข้าทุกอย่างมันก็กลับขมขื่น หากไม่เลิกกันก่อนก็คงจะเกลียดกันจนมองหน้ากันไม่ติด บางทีความ ‘รัก’ อย่างเดียวมันไม่พอสำหรับชีวิตคู่
“กันต์ไม่เป็นแบบพ่อแน่นอน แม่เชื่อใจกันต์เถอะ แม่ลองให้โอกาสผมจีบหนูณิเถอะ ผมทำได้ดีแน่นอน” จีบฉบับมาเฟียก็คือจีบแบบถึงเนื้อถึงตัว
“แม่...”
“นะครับ แม่เลี้ยงกันต์มา แม่รู้ใช่ไหมว่ากันต์เป็นคนจริงจังกับทุกอย่าง กันต์ไม่ได้เล่นนะแม่ กันต์จริงจังเรื่องหนูณิ” เขาพูดแทรกไม่รอให้แม่พูดจบ
“แต่น้องยังเรียนไม่จบ น้องยังต้องเรียนอีกสี่ปี”
“กันต์รอได้เรื่องนั้น” เขาบอกท่านด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาจริงจัง
“ห้ามทำอะไรเกินเลยกับน้อง และถ้าน้องไม่ยินยอม ห้ามแตะต้องน้องเป็นอันขาด”
“นิดหน่อยก็ไม่ได้เหรอแม่ อย่างหอมแก้มไรงี้”
“ไม่ได้ ตอนนี้กันต์ยังไม่ได้รับอนุญาตจากแม่ให้แตะต้องน้องได้ เข้าใจไหม วันนี้แค่จับมือ แม่ก็อยากตีมือของลูกแล้วรู้ไหม และอย่าฉวยโอกาสกับน้องอีก หนูณิน่ะยังเด็ก ไร้เดียงสามาก ตามมาเฟียเจ้าเล่ห์อย่างลูกไม่ทันหรอก”
“นั่นแหละเสน่ห์ของหนูณิที่ผมชอบ”
“เพราะแม่เลี้ยงลูกมาเนี่ยแหละ แม่ถึงกลุ้มใจตอนนี้ เพราะอะไรที่ลูกอยากได้แล้วลูกจะไม่ปล่อยเป็นอันขาด แต่กับหนูณิ แม่อยากให้ตากันต์เคารพการตัดสินใจของน้อง ถ้าน้องไม่ ‘ชอบ’ ลูกก็ควรจะปล่อยน้องไป เข้าใจไหมตากันต์ และถ้าน้องมีคนที่น้อง ‘ชอบ’ ลูกก็ต้องสนับสนุน ห้ามไปยุ่งวุ่นวายถ้าน้องไม่เลือกลูก”
“หนูณิจะต้อง ‘ชอบ’ และ ‘รัก’ ผมคนเดียวเท่านั้นครับแม่ ผู้ชายอื่นอย่าหวัง”
“ลูกเป็นแบบนี้ไง แม่ถึงกลัวว่าอนาคตลูกจะทำหนูณิเจ็บปวด”
“หนูณิจะมีแต่ความสุขถ้าได้อยู่กับผม แม่เชื่อกันต์นะ”
“แม่จะดูว่าลูกจะทำได้จริงไหม แต่ถ้าวันไหนลูกทำให้น้องเสียใจ ลูกจะไม่ได้เจอน้องไปตลอดชีวิต”
“ครับ แม่ไปอาบน้ำนอนเถอะครับ ผมต้องไปประชุมกับลูกน้องต่อบนห้อง”
“รักษาตัวด้วยนะลูก”
“ครับ” กันต์รู้ว่าแม่หมายถึงอะไร เพราะชีวิตของเขาทุกวันนี้มันแขวนบนเส้นด้ายอย่างท่านบอกจริงๆ นั่นแหละ
นงลักษณ์มองลูกชายที่เดินจากไปแล้วถอนหายใจลุกขึ้นเดินตามออกไปเช่นกัน