บทที่ 5
บทที่ 4
เมื่อพนักงานในผับทำความสะอาดเก็บกวาดเรียบร้อยและทยอยกันกลับบ้านจนเกือบหมดแล้ว พันธิสาก็เตรียมตัวกลับคอนโดเช่นเดียวกัน
วันนี้คงเป็นวันแรกที่เธอกลับไปพักผ่อนเร็วกว่าปกติ เพราะทุกๆ วันเธอจะกลับคอนโดเมื่อผับได้ปิดแล้วนั่นก็คือเวลาตีสอง กว่าจะดูแลความเรียบร้อยภายในผับและออกจากผับได้ก็ปาไปเกือบตีสี่ แต่วันนี้แค่เพียงตีหนึ่งเธอก็ได้กลับคอนโดแล้ว
มือเล็กข้างที่ว่างจากการถือซองการ์ดแต่งงานปึกใหญ่ได้เอื้อมจับลูกบิดเพื่อเปิดประตูห้องทำงาน พอประตูเปิดออกกว้างก็ต้องผงะตกใจ เบิกตาโพลงเมื่อเห็นร่างใหญ่ยักษ์ขององครักษ์คนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
แน่นอนว่าองครักษ์คนนี้คือคนที่เดินชนเธอจนกระเด็นเมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่าน แต่...ในเวลาตีหนึ่งดึกตื่นป่านนี้แล้วเขามาที่ผับเธอทำไม?
“เอ่อ...คุณลืมอะไรไว้หรือเปล่าคะ”
พันธิสาคิดว่าเป็นเช่นนั้น องครักษ์ผู้นี้อาจลืมข้าวของไว้ในผับและกลับมาเอาก็ได้ แต่แล้วต้องหน้าถอดสีซีดยิ่งกว่าไก่ต้มกับคำถามห้วนๆ ที่เค้นถามแทนการตอบคำถามของเธอ
“เพื่อนของคุณชื่ออะไร”
พันธิสาอ้าปากค้าง รู้แล้วว่าองครักษ์หน้าตาน่ากลัวกลับมาที่ผับของเธอเพราะเหตุใด และก็หลุดเสียงตอบตะกุกตะกักออกมาว่า
“ตะ...ตะวัน...”
องครักษ์มาริสส์ ราอิส ไซดาท์ องครักษ์หนุ่มผู้หล่อคมเข้ม มีฝีมือเรื่องการต่อสู้เก่งฉกาจแถมยังฉลาดเป็นกรดสมกับตำแหน่งองครักษ์มือหนึ่งของท่านชีคอัลมัสได้เค้นถามเสียงห้วนแทนการตอบคำถามของพันธิสา
“เธอพักอยู่ที่ไหน”
ในก่อนหน้านี้ตกใจกับการเผชิญหน้ากันแบบกะทันหัน ทำให้พันธิสาหลุดบอกชื่อของเพื่อนรักออกไป แต่พอเจอคำถามที่สองก็เรียกสติกลับคืนมา แล้วเค้นตอบเสียงห้วนโดยไม่มีหวาดกลัวอีกต่อไป
“ฉันไม่ใช่คนขายเพื่อน ฉันไม่มีทางบอกว่าเพื่อนของฉันพักอยู่ที่ไหน”
และคราวนี้ร่างบางก็ถูกกระชากเต็มแรงให้ถลาเข้าปะทะกับแผงอกกว้างแข็งแกร่งจนเธอจุกไปหมด ซ้ำร้ายยังเจ็บระบบตรงบริเวณต้นแขนทั้งสองข้างที่ถูกอีกฝ่ายบีบไว้แน่นขณะเค้นถามเสียงห้วนไม่มีหยุด
“ผมถามว่าผู้หญิงขายตัวคนนั้นพักอยู่ที่ไหน”
“ไอ้บ้า! เพื่อนของฉันไม่ใช่อีตัวนะ!”
พันธิสาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ตะคอกตอบเสียงดังลั่นจนองครักษ์มาริสส์ต้องนิ่วหน้ากับอาการแสบแก้วหูด้วยพลังน้ำเสียงของเธอ
เพราะชินกับการออกคำสั่ง เค้นเอาคำตอบแบบวิธีโหดตามแบบฉบับขององครักษ์ แต่ด้วยพันธิสาเป็นอิสตรี องครักษ์มาริสส์จึงเค้นเอาคำตอบด้วยวิธีที่เบาลงหน่อย แต่ก็ยังหนักหนาสำหรับพันธิสา เพราะร่างบางถูกเขย่าจนหัวสั่นคลอนมึนงงไปหมด
“ผู้หญิงขายตัวคนนั้นพักอยู่โรงแรมไหน บอกมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่บอก!” เมื่อองครักษ์มาริสส์แรงมา พันธิสาก็แรงตอบ ตะคอกใส่เสียงดังโดยไม่มีหวาดกลัว “จำไว้ด้วยว่าเพื่อนของฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”
“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แล้วผมจะหาคำตอบเอาเอง”
องครักษ์มาริสส์เค้นตอบ ดวงตาคมกริบยังจ้องมองพันธิสาเขม็งไม่มีลดละแถมยังกัดฟันดังกรอดกับความดื้อรั้นเป็นคนเอาเรื่องไม่ต่างจากเขา
“สาบานได้ว่าไม่เกินสามชั่วโมง ผมก็จะตามหาเพื่อนของคุณพบ”
“อย่านะ อย่าทำร้ายตะวัน”
พันธิสาตะโกนขอร้อง ขณะเดียวกันก็เดินเร็วๆ ตามร่างใหญ่ล่ำสันที่หมุนตัวเดินออกจากบริเวณหน้าห้องทำงานของเธอ โดยไม่ได้ฟังคำขอร้องแม้แต่นิดเดียว
องครักษ์มาริสส์ไม่สนใจน้ำเสียงที่ขอร้องติดเว้าวอน ร่างใหญ่ก้าวเดินออกจากบริเวณที่กำลังโต้เถียงกับเจ้าของผับหน้าตาสะสวย แต่พอได้ยินเสียงฝีเท้าและรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเดินตามตนเองจึงหยุดชะงักกึกทำเอาร่างบางที่เดินเร็วๆ ตามหลังมาถึงกับชนเข้ากับร่างใหญ่กำยำเต็มรักเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหยุดเดินอย่างกะทันหัน
“โอ๊ยย...”
พันธิสาต้องร้องเสียงหลงด้วยความตกใจกับการชนปะทะร่างใหญ่กำยำที่แข็งแกร่งราวกับกำแพงหิน ทำเอาเธอจุกหลายนาที และก็เป็นอีกครั้งที่ถูกมือใหญ่คว้าต้นแขนดึงไว้ไม่ให้ร่าง
ของเธอล้มลงก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น
“ฉันขอร้อง อย่าทำร้ายตะวัน ชีวิตของเพื่อนฉันน่าสงสารมาก อย่าทำให้เธอต้องเจ็บ
ปวดไปมากกว่านี้”
พันธิสาไม่สนใจกับอาการเจ็บแปลบตรงบริเวณต้นแขนเพราะถูกองครักษ์หน้าตายบีบไว้แน่นในขณะจับตัวเธอไว้ นาทีนี้เธอเป็นห่วงอาคิรามากกว่า อีกทั้งหวาดกลัวว่าคนเหล่านี้ซึ่งมีอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในมือจะทำร้ายเพื่อนของเธอได้
และองครักษ์มาริสส์ผู้ซื่อสัตย์ต่อท่านชีคอัลมัสก็ไม่คิดสนใจกับคำขอร้องของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“ผมไม่สนใจว่าเพื่อนของคุณจะพบเจอกับอะไรบ้าง สิ่งที่ผมรู้คือเธอต้องได้รับการลง
โทษที่บังอาจตบหน้าท่านชีค และคุณก็ไม่ต้องมาขอร้องผม เพราะผมไม่สนใจคำขอร้องจากคุณ”
“ไอ้บ้า! อย่าทำร้ายเพื่อนฉันนะ”
พันธิสาหวีดเสียงออกคำสั่งทั้งๆ ที่ยังถูกจับต้นแขนไว้แน่น และก็ต้องเซถลาเกือบล้มลงเพราะคราวนี้ถูกองครักษ์มาริสส์ผลักจนร่างผงะไปข้างหลัง
องครักษ์มาริสส์ไม่สนใจมองว่าเจ้าของผับจะเป็นอย่างไรหลังจากถูกเขาผลักเต็มแรง ร่างใหญ่กำยำก้าวเท้ายาวๆ เดินออกจากผับและขับรถออกไปในทันที
เขามีภารกิจสำคัญให้ต้องจัดการเป็นการเร่งด่วนตามคำสั่งของท่านชีคอัลมัส นั่นก็คือการตามหาอาคิรา หญิงสาวที่ตบหน้าของพระองค์ให้พบโดยเร็วที่สุด และแน่นอนว่าผู้หญิงที่ตบหน้าท่านชีคอัลมัสต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม!
“แย่แล้ว...ตะวันจะเป็นยังไงบ้างถ้าถูกตามตัวเจอ”
ในขณะร้องครวญด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก พันธิสาก็วิ่งกลับไปในห้องทำงาน ควานหาโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายของตัวเองที่ตกอยู่บนพื้น จากนั้นก็กดโทร.หาอาคิรา ได้แต่ภาวนาว่าอีกฝ่ายอย่าเพิ่งนอนหลับ และรับโทรศัพท์จากเธอเพื่อเธอจะได้เตือนให้ระวังตัว
และก็แทบร้องไชโยออกมาเมื่ออาคิรากดรับสายพร้อมกับทักทายเสียงหวานมาตามสัญญาณโทรศัพท์
“ใบเฟิร์น มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมโทร.มาซะดึกเลย”
“ใบเฟิร์นโทร.มาเตือนตะวันว่าให้ระวังองครักษ์ของท่านชีคอัลมัสด้วย เพราะเขากำลังตามหาตะวันอยู่”
“หึ! คงตามหาตะวันเพราะตะวันตบหน้าท่านชีคจนหน้าหัน”
อาคิราทำเสียงขึ้นจมูกด้วยความโมโห คราใดที่นึกถึงชีคอัลมัสก็ต้องโกรธจนกัดฟันดังกรอดในทุกครา
“ตะวันระวังตัวด้วยนะ เมื่อสักครู่องครักษ์ของท่านชีคมาถามหาโรงแรมที่ตะวันพักกับใบเฟิร์น แต่ใบเฟิร์นไม่ปริปากบอกเด็ดขาดว่าตะวันพักอยู่ที่ไหน”
แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คนขายเพื่อน ยิ่งเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายแบบอาคิรา เธอไม่มีทางบอกเด็ดขาดว่าอาคิราพักอยู่ในโรงแรมไหน
“ขอบใจใบเฟิร์นมากที่โทร.มาบอก แต่ใบเฟิร์นไม่ต้องเป็นห่วงนะ โรงแรมในป่าตองมีเป็นร้อยๆ แห่ง ยังไงๆ เขาก็หาตะวันไม่เจอหรอก และพรุ่งนี้ตะวันก็จะกลับกรุงเทพฯ แล้วจ้ะ ที่น่าเสียดายคือไม่ได้เจอใบเฟิร์น ตะวันตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์จัดงานเลี้ยงฉลองโสดให้กับใบเฟิร์นแท้ๆ แต่ก็ดันมีเรื่องซะก่อน”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่ได้จัดงานเลี้ยงให้ใบเฟิร์นก็ไม่เป็นไร แต่ตะวันต้องมาวันแต่งงานให้ได้นะ ไม่ยังงั้นใบเฟิร์นโกรธตะวันจริงๆ ด้วย”
“ต้องมาสิ เพราะตะวันจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับใบเฟิร์นเอง”
“ตะวันมาพักที่บ้านของใบเฟิร์นก่อนวันงานสักสองวันนะ”
“ได้จ้ะ ตะวันลางานไว้แล้ว และก็เตรียมชุดเพื่อนเจ้าสาวไว้เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
“โอเค...ใบเฟิร์นไม่กวนตะวันแล้ว ถ้ายังไงระวังตัวด้วยนะ ใบเฟิร์นยังกลัวไม่หายเลยตอนที่องครักษ์หน้ายักษ์มาถามหาตะวันที่ผับ”
“จ้ะ ตะวันจะระวังตัวให้มาก ใบเฟิร์นไม่ต้องเป็นห่วงจ้ะ”
“ได้ยินแบบนี้ใบเฟิร์นก็โล่งอก ใบเฟิร์นไม่กวนตะวันแล้วนะ อาทิตย์หน้าเจอกันจ้ะ”
พันธิสารอกระทั่งเพื่อนรักรับคำ ก็กดวางสายพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกเป็นที่สุดที่ได้เตือนให้อาคิราระวังตัวจากอิทธิพลของท่านชีคอัลมัส
หลังจากนั้นก็ก้มลงเก็บการ์ดแต่งงานที่ตกกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นห้องตอนปะทะกับองครักษ์หน้าตาบูดบึ้งที่เธอยังไม่รู้จักชื่อของเขาและไม่อยากรู้ด้วย เพราะเส้นทางชีวิตของเธอกับองครักษ์ที่ยิ้มไม่เป็นคนนี้คงไม่มีทางโคจรมาเจอกันอีก จึงไม่จำเป็นต้องรู้จักให้เสียเวลา
หลังจากรวบรวมเก็บการ์ดแต่งงานมาถืออยู่ในมือแล้ว พันธิสาก็เดินออกจากผับในยามดึกดื่น ซึ่งเธอไม่มีหวาดกลัวที่ต้องขับรถกลับบ้านในเวลาจวนจะตีสาม เพราะถนนหนทางบนเมืองป่าตองไม่เคยร้างราจากแสงไฟและนักท่องราตรีที่ยังคงนั่งดื่มกินเคล้านารีอยู่ตามผับบาร์ที่มีมากมายราวกับดอกเห็ดทั่วทั้งเมืองป่าตอง...