ตอน 3
“จริง ฉันได้ยินเต็มสองหู” เพื่อนย้ำพร้อมกับชี้นิ้วชี้ข้างขวากับหูตัวเอง สงสัยยัยนี่กำลังคิดอะไรอยู่แน่ๆ
“เออ...ช่างเถอะ” ปัดเรื่องน่าอายทิ้งไป เงยหน้ามองเพื่อนรักเต็มตา “ว้าว ณัทแกหล่อขึ้นเป็นกองเลยว่ะ ไม่เจอแกกี่ปีวะ” นิ้วเรียวถูกยกขึ้นนับ
“ไม่ต้องนับหรอกแค่สามปีเอง ฉันทำโทสองปีไม่ได้เรียนเป็นหมอ ไม่ต้องนับให้เมื่อย” ติดต่อกันอยู่ประจำทำลืมไปได้
“เฮ้ย...ไหนดูซิ” มธุรดาจับร่างปาณัทหมุนสองรอบ หนุ่มผิวขาวจัด หน้าตาดีหุ่นดีสมส่วน ตัวสูงรูปร่างของปาณัทไม่ต่างอะไรกับนายแบบ สถานลดน้ำหนักฟิตและเฟิร์มอะไรพวกนั้น ความสูงที่มธุรดาต้องแหงนคอตั้งบ่ามองอยู่ประจำ
“หล่อไหมล่ะ” ปาณัทปั้นหน้ายียวนในแบบหนุ่มมากเสน่ห์ อ้าแขนอวดหุ่นสมส่วนของตัวเอง อย่างภูมิใจ
“ตัวสูง หนา ขึ้นกว่าเดิม ดูเป็นผู้ใหญ่มากด้วย มากกว่าตอนอยู่เมืองไทย สงสัยกินอาหารพวกเนื้อนมไข่อุดมสมบูรณ์ หล่อขนาดนี้มีแฟนเป็นสาวผมทองหรือยังวะณัท” หยอกล้อเพื่อนตามประชาคนคุ้นเคย ปาณัทคือหนุ่มอารมณ์ดีเวลาอยู่ต่อหน้ามธุรดา เขาจึงกลายเป็นหนุ่มมากรักในชายตาเธอ ทั้งหมดทำตัวแบบนี้ต้องการตั้งกำแพงสูง ระหว่างตัวเองกับเพื่อนคนนี้มากกว่า
“ไม่ค่อยชอบแหม่มว่ะ ฉะนชอบสาวไทย โดยเฉพาะสาวไทยน่ารักๆ คนนี้” นิ้วจิ้มลงบนไหล่มนเพื่อน ฝ่ายโดนจิ้มก็มองตามนิ้วอย่างเขินๆ พอจะก็รู้ปาณัทชอบล้อเล่นกับเธอเป็นนิสัย เมื่อไหร่ที่หมอนี่จริงจัง ค่อยคิดเพ้อฝันไปตามปากคนพูดแล้วกัน
“เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” หญิงสาวส่ายศีรษะแบบเคยๆ เพราะเธอมักถูกจีบไม่จริงจังจากปาณัทอยู่เรื่อย บางทีก็ชอบบางทียังรู้สึกเลี่ยนมากกว่า หลายมุกเสี่ยวหลายมุกทันสมัยไม่ซ้ำ ช่างคิดช่างพูดสุดท้ายทั้งคู่ยังคงสถานภาพความเป็นเพื่อนไม่แปรเปลี่ยน
“ไปๆ กลับบ้าน ฉันต้องรีบไปงานต่อ” ตบไหล่เพื่อนหนุ่ม้ร่งให้ไปขึ้นรถ
“งาน...ว่าแต่แกทำงานอะไร เห็นบอกฉันว่าทำงานสำนักข่าว อะไรนะไดเจตไม่ใช่เหรอ” ทุกทีที่พูดถึงงานของมธุรดา เธอมักพูดน้อย ตอบนิดเหมือนมีบางอย่างอึดอัดใจ
“เอ่อ...พอดีมีผู้ใหญ่ใจดี จ้างให้ไปช่วยงานนิดหน่อยน่ะ” ผู้ใหญ่ใจดีที่ปาณัทรู้ดีว่าเป็นใคร มธุรดาคงบอกไม่ได้ถึงผู้ใหญ่ใจดีคนนั้น
หลังจากจบปริญญาตรี มธุรดาสมัครเข้าทำงานในบริษัท ไดเจต บริษัทหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสังคม เน้นการเมืองร้อนแรงเจาะลึกในอดีต ปัจจุบันแตกสายงานออกไปเกี่ยวกับสื่อโทรทัศน์ทางเคเบิ้ลทีวี ยังคงตีแผ่สังคมการเมือง เจ้าของสำนักพิมพ์ กล้าคิดกล้าทำใจเกินร้อย เงินเดือนเด็กจบใหม่ปริญญาตรีอย่างมธุรดาไม่ได้มากมายอะไร
ยิ่งเมื่อบิดาและมารดา แยกทางสมาชิก ต้องพึ่งพาเงินเดือนข้าราชการครูของมารดาเพียงทางเดียว แต่เพราะมธุรดา รู้จักผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งได้ยื่นมือเข้ามาช่วย และขอร้องให้เธอช่วยงานบางอย่าง ทางการพร้อมอนุเคราะห์ค่าใช้จ่ายในชีวิตของมธุรดาไม่ให้ลำบาก ดังนั้นเมื่อรับรองกันขนาดนี้ มธุรดาจึงยินยอมทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายอันนี้
“แกมีรถแล้วหรือมายด์”
“ยืมเขามา”
“โห...ใครใจให้ยืมรถดีขนาดนี้วะ”
“ผู้ใหญ่ใจดี”
“พูดถึงแต่ผู้ใหญ่ใจดี แกเป็นเด็กเสี่ยหรือไง ฉันชักสงสัย” ถ้าความคิดของตนเป็นจริง เขาคงรู้สึกผิดหวังในตัวเพื่อนคนนี้มาก ยายมายด์นิสัยดีคนนี้มาก ได้แต่ภาวนาอย่าให้ข้อสันนิษฐานเป็นแค่ความคิดเท่านั้น
“ไกลจากที่แกคิดเยอะ นับถือเป็นเหมือนพ่อเหมือนญาติผู้ใหญ่ แกอย่าเอาความคิดหน้าด้านพวกนั้นมากล่าวหาฉัน ไปๆ รีบเก็บของขึ้นรถ ฉันมีงานต่อ” ไม่โกรธเพื่อนคนนี้เลยสักนิด ปาณัทชอบปากเปราะไปตามเรื่อง จริงใจกับเธอมีอะไรคุยกันตลอด ถ้าถือสากันคงโกรธเคืองไม่คุยกันเป็นชาติแล้ว
ปาณัทขนกระเป๋าไปไว้หลังรถ จากนั้นก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ รถยนต์คันใหญ่ขนาดเกินตัวคนขับเอวบางร่างน้อย ที่ตนหลงใหลจนไม่อยากคิดแค่เพื่อนเท่านั้น ยิ่งตอนนี้มธุรดาสวยขึ้นกว่าเดิมมาก ดูมั่นใจมากขึ้น ท่าทางคล่องแคล่วเป็นคนละคนกับเมื่อก่อน
ปาณัทยังจำได้ไม่เคยลืม การแต่งเครื่องแบบนักศึกษาของมธุรดา ต่างจากสาวเปรี้ยวซ่า ที่เขาเคยควงไปดูหนังฟังเพลง และจบลงบนเตียง ด้วยความพอใจทั้งสองฝ่าย พวกหล่อนเปรี้ยวทุกกระเบียดนิ้ว เสื้อรัดติ้วขนาดสามเอ กระโปรงสั้นแค่คืบ ปิดส่วนเร้นลับไม่มิด เวลานั่งหรือยกขาก้าวเดินมองเห็นไปถึงตับ รองเท้าผิดระเบียบโก้จัด กระเป๋ายี่ห้อดีแบรนด์ดัง แต่งหน้าแต่งผมเต็ม ดูยังไงก็ไม่ให้ความรู้สึกว่าพวกหล่อนเป็นนักศึกษา นอกจากมาอ่อยผู้ชาย แล้วผู้ชายเช่นเขายอมหลงไปกับการหว่านล้อมแบบนั้น อย่างไม่ต้องกวักมือเรียก เต็มใจกระโจนเล่นกับไฟ ทั้งที่รู้ว่ามันร้อน