ตอน 2
“อุ๊บ...” เสียงอุทานที่ถูกกลืนหายลงคอเพราะคนด้านหลัง คือผู้ชายที่เธอเห็นนอกกระจกร้านกาแฟ จนแอบเก็บภาพใบหน้าหล่อคมเข้มมาเพ้อ เพราะเขานั่นล่ะทำให้เธอเดินชนกำแพงหนาเมื่อกี้ แต่กลิ่นแรกที่เธอชนไม่ใช่กลิ่นฉุนๆตอนนี้นี่นา
จมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมแห่งบุรุษเพศ ผสานน้ำหอมผู้ชายอ่อนๆ กลิ่นนี้ปลุกเร้าฟีโรโมนส์ในกายเธอได้อย่างหนักหน่วง
“ดีนะ กาแฟในแก้วนั้น ไม่หกเลอะเทอะเสื้อผ้าเจ้านายผม” ชายผู้นี้กล่าวตำหนิเธอด้วยภาษาอังกฤษ สำเนียงกระดกลิ้นเยอะๆ แต่ก็พอฟังออก ถึงมธุรดาจะยังไม่ได้เรียนจบปริญญาโท ต้องดรอปการเรียน เพื่อใช้เวลาหาเงินจุนเจือครอบครัวซะก่อน แต่นับได้ว่าตัวเธอเรียนดีในวิชาภาษาอังกฤษเกรดใช้ได้ จึงฟังและสนทนากับชาวต่างชาติได้ ไม่ใช่ปล่อยให้คนพวกนี้หลอกด่าฟรีๆ
“ฉันขอโทษ” ด้วยมารยาทสาวไทย ที่ถูกพร่ำสอนมาอย่างดี รีบเอ่ยขอโทษจากการกระทำของตัวเอง แก่ชายร่างยักษ์หน้าถมึงทึง เผื่อแผ่ไปให้ชายฝรั่งตัวสูงด้านหลัง ใบหน้าคมเข้มงดงามดุจเทพเจ้าแห่งสงครามทางอียิปต์ ผมดกดำผิดแผกกับความเป็นสัญชาติฝรั่งโดยสิ้นเชิง มธุรดา...ไม่ชอบกินฝรั่งแต่อยากกินฝรั่งขึ้นมาตงิดๆ
หัวใจอ่อนบางเต้นโครมครามกระแทกอกเจ็บระบม ชายผู้คนนั้นชำเลืองมองสาวซุ่มซ่ามด้วยสายตาเย็นชา
“คราวหน้า ระวังหน่อยนะครับคุณผู้หญิง” เสียงเหี้ยมย้ำกับมธุรดาอีกครั้ง
“ค่ะ” อารมณ์ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง กับผู้มาเยือนประเทศของตน รอมชอมได้เราควรทำในฐานะเจ้าบ้าน คงไม่ต่างกับอารมณ์การเจรจาระหว่างรัฐบาลไทย กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายแถบภาคใต้ มธุรดาไม่ต้องการปูพรมทำสงคราม จึงยอมง่ายๆ ดวงตารีงดงามไหวระริก ไม่ได้จดจ้องอยู่กับร่างสูงใหญ่ ที่เอาแต่วางกล้ามกับเธอ หากแต่จุดหมายอยู่เบื้องหลังร่างยักษ์เพียงจุดเดียว
ทว่าพอเขาเบี่ยงใบหน้า หันมาสบประสานดวงตากับเธอ เพียงนิดหน่อย ดวงตาที่จับจ้องเขาอยู่ก่อน กลับหลบวูบราวกับผู้ต้องหา หลบสายตาตำรวจที่กำลังสอบสวน เพราะกลัวความผิดที่แอบซ่อนไว้
“ไปกันเถอะลอส เรามีงานต้องทำ” เสียงทุ้มดุจเสียงพระราชาสั่งบริวาร ชายชื่อลอสหมุนตัวไปยืนซ้อนหลังคนสั่งแล้วจากไปอย่างเร็ว
มือเล็กยกขึ้นทาบอกซ้าย เมื่อสายตาสบประสานกับสายตาคมกริบเยือกเย็น ดั่งลมพัดผ่านวูบไหวตอนที่เขากำลังจะก้าวจากไป เพียงเท่านั้นแข้งขามธุรดาที่เคยแกร่งดุจหินผากลับอ่อนแรง เกือบพยุงตัวไม่อยู่อาการเหมือนคนจะวูบ
“ยายมายด์” เสียงหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลัง ร่างมธุรดายังคงนิ่งงัน “นี่...ยายมายด์” เสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ใกล้ตัวกว่าเดิม ร่างระหงทะมัดทะแมงสะดุ้ง กระพริบตาปริบๆ มองเจ้าของเสียง คนที่เธอถ่อสังขารมารับ ปากเกือบติดแก้มเนียนผ่อง กำลังขึ้นสีเลือดฝาด จากสายตาคมที่จากไปเมื่อกี้
“ว้าย ! ฉันไม่ชอบกินฝรั่งแต่อยากกินฝรั่ง” ด้วยอาการตกใจเสียงอุทาน หลุดจากปากบ่งบอกความคิดในใจถูกตะโกนใส่หน้า คนมาใหม่จนขี้หูเต้นระบำ
“อะไรของแก ยายมายด์” คนมาใหม่หดคอหนีเสียงสูงแสบแก้วหู
“ไอ้ณัท มาแล้วเหรอ” มธุรดาร้องทักเพื่อนสนิท ซึ่งมันบ้าระบุให้เธอ มารับอย่างปฏิเสธไม่ได้
“เออสิวะ แกเป็นอะไร ทำไมอุทานบ้าๆบอๆ แบบนั้น” ปาณัทรู้สึกขำกับคำอุทานของเพื่อน ปกติมธุรดาอุทานแค่ อุ้ย อกอีแป้นจะแตก ยกเว้นเหม่อจริงๆ ค่อยหลุดสิ่งที่คิดในใจออกมา หรือว่า...
“ฉันอุทานว่าไงนะ” ยิ้มเจื่อนกลบเกลื่อนความคิดในใจตอนนี้
“ฉันไม่ชอบกินฝรั่ง แต่อยากกินฝรั่ง อะไรแบบนี้แหละ” ปาณัทเพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินทางกลับจากเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐฯ นับว่าเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวในโลกของมธุรดาเลยก็ว่าได้ ที่เข้าใจกันมาก หมอนี่รู้ตื้นลึกหนาบางของมธุรดาดีกว่าคนอื่นๆ
ตอนที่ปาณัทบอกกับมธุรดาว่าจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งคู่รู้สึกใจหาย อาวรณ์กันอยู่นานกว่าจะแยกจากกันได้ เพราะตอนเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งคู่สนิทสนมกันมาก หลายคนลงความเห็นว่าต้องเป็นแฟนกัน ความจริงแล้วแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น บางทีเพื่อนสนิทอย่างปาณัท มักคิดไม่ซื่อกับเพื่อนคนนี้อยู่บ่อยๆ แต่เมื่อคิดจีบปาณัทกลัวเสียความเป็นเพื่อน กลัวการเปลี่ยนแปลงสารพัด ทำได้จริงๆ แค่หมาหยอกไก่ เขาไม่พร้อมอกหักกับมธุรดา
ส่วนมธุรดาเจียมตัวเสมอ เธอไม่กล้าใช้ความสนิทไต่เต้าไปเกินเพื่อน คนอื่นอาจคิดไปว่าเธออยากเป็นหนูตกถังข้าวสารหอมมะลิ อบอวนไปด้วยวิตามินครบ หนูอย่างเธอไม่กล้าคิดตกถังข้าวสารหุ้มทองสาบานได้ ขอความเป็นเพื่อนไว้คอยช่วยเหลือ ไว้เพื่อรับฟังความทุกข์ของเธอเป็นดีที่สุด
“จริงเหรอ ไม่จริงละมั้ง” หญิงสาวผลุบสายตา กลบเกลื่อนเสียงอุทานดังลอดออกไปไกลทีเดียว สงสารตัวเองน่าอายสิ้นดี ตอนนี้ไม่กล้าสบตาปาณัท มธุรดาชอบอุทานอะไรก็ตาม ที่ใช้ความคิดถ้าตกใจมันก็จะหลุดออกมาให้ขายหน้าประจำ ถ้าคิดอะไรตกใจก็แค่ร้อง อุ้ย ว้าย เท่านั้น