ตอน 4
ขณะเดียวกันพอหันกลับมาดูคนใกล้ตัว อย่างเช่นมธุรดา เธอยังคงเป็นของเธอไม่เคยเปลี่ยน แต่งตัวอย่างไรตั้งแต่ปีหนึ่ง กระทั่งจบปีสี่ยังคงเช่นนั้น แม้เคยยุให้เปลี่ยนโดนตอกกลับ
“ฉันมาเรียน ไม่ได้หามาแฟน” คำบอกจากปากมธุรดา ก่อความคิดให้เขายกเว้นผู้หญิงคนนี้ แยกไปต่างจากคนอื่น ไม่แตะต้องไม่ล่วงเกิน จึงคบหาในฐานะเพื่อนสนิทเรื่อยมา
“คนที่บ้านแกเยอะแยะทำไมไม่ใช้ น้องแกก็ว่าง”
“ฉันอยากเจอหน้าแกคนแรก ตอนเหยียบแผ่นดินเกิด”
“โห...ซึ้งสุดใจ รู้ทั้งรู้ฉันไม่มีรถ” เพื่อนสาวแอบเหน็บ ทั้งที่ประโยคจากปากปาณัท น่าจะกินใจจนร้องไห้
“ต่อให้ต้องนั่งรถเมล์ แต่ถ้าได้นั่งกับแกฉันก็ว่ามันวิเศษมาก” หยอดอย่างยอดเยี่ยมทุกที
“มามุกไหนวะ โคตรเลี่ยนเลย” จะว่าเขินยอมรับแหละว่าเขินแต่ เจอประโยคจีบจากปาณัทบ่อยๆ มีอยู่หลายครั้งแอบคิดเข้าข้างตัวเอง หมอนี่เอาไงกับเธอกันแน่ แม้ระยะทางไกลที่ใช้โซเชียลมีเดียร์ติดต่อกัน หมอนี่ก็ยังคงหมาหยอกไก่ไปวันๆ จนบางทีเกือบเคลิ้มไปเหมือนกัน พอถามเอาความจริง ปาณัทตอบกลับแค่ว่าล้อเล่นเท่านั้น
“ไปกินข้าวก่อนเข้าบ้านดีไหม อยากคุยกับแก่นานๆ” ปาณัทชวน
“ไม่ได้ คืนนี้มีงานสำคัญ” เพราะมีงานสำคัญ ไม่สามารถนัดเดทกับใครได้ แม้รู้สึกเสียดายมาก งานต้องมาก่อน เพื่อนไว้ค่อยมารับประทานอาหารเมื่อไหร่ก็ได้
“งานอะไรของวะ ทำตอนกลางคืน”
“ฉันเปลี่ยนจากทำงานในสำนักงานเป็นนักข่าวแล้ว เบื่องานนักโต๊ะจัดเรียงเอกสารบ้าบอ ไม่มันไม่ตื่นเต้น ตอนนี้เลยออกภาคสนาม ตามตูดคนดังในสังคม พอด้ตื่นเต้นหน่อย”
“มิน่าแต่งตัวอย่างกับทอมบอย แต่ก็ยังสวยในสายตาฉันอยู่ดี” เมื่อก่อนสวยหลบในต้องดูนานๆ ค่อยรู้ว่าสวย แต่ตอนนี้ความสวยน่ารักเปล่งประกาย แถมด้วยมีความมั่นใจมากขึ้น เขาอยากเปลี่ยนสถานะเพื่อนให้เป็นอย่างอื่น ปาณัทอาจไม่ทนเก็บความรู้สึกไว้ไม่ได้ในสักวัน
หญิงสาวกระตุกยิ้มมุมปาก มองหน้าคนนั่งข้าง สลับกับเส้นทางตอนนี้ทาด้วยสีดำ ประดับประดาด้วยดวงไฟนีออนเกลื่อนท้องถนน เมืองหลวงไม่เคยหลับใหล เช่นไรกรุงเทพก็ยังคงคอนเซ็ปไว้แบบนั้น ยานพาหนะพาสองหนุ่มสาวเข้าไปรวมกลุ่มกับยานพาหนะคันอื่นบนท้องถนน รถยนต์จอดติดไฟแดง ปาณัทเอื้อมมือเปิดเครื่องเสียง เลือกคลื่นสถานีไปเรื่อยๆ ในขณะรถคันข้างๆ กำลังแอบมองคนขับหน้าตาน่ารักไม่วางตา
ยานพาหนะผ่านไฟแดงจอแจมาหลายแยก กระทั่งรถยนต์คันใหญ่สีขาวแล่นมจอดหน้าคฤหาสน์สวย ก่อนหน้านั้นปาณัทรบเร้ามธุรดาให้ไปนั่งระลึกความหลังกัน ทว่าหญิงสาวไม่ยอมใจอ่อน งานพิเศษคืนนี้สำคัญมาก เธอไม่สามารถนัดกับใครได้ในเวลาจวนเจียน
“พรุ่งนี้เจอกัน รับรองจะชดเชยให้แกแน่ๆ” เมื่อรถจอดนิ่งมธุรดาเอ่ยลาเพื่อน หลังจากเห็นว่าปาณัทขนกระเป๋าลงทั้งสามใบลงเรียบร้อยแล้ว
“เสียดายอยากฟัดมายด์มากๆ” เขากล่าวทีเล่นทีจริง ปั้นหน้าทะเล้น แกมเสน่ห์ที่มธุรดาไม่เคยค้นพบ หรือเพราะเห็นใบหน้ายียวนกับคำพูดกวนประสาทแบบนี้ ได้ยินจนชินจึงไม่คิดว่านี่คือเสน่ห์ในตัวปาณัท
“ปากดีให้ฟัดจริงๆ จะฟัดไหมล่ะ” ลองท้าอีกฝ้ายที่ด้วยความคะนองปากไปอย่างนั้น
“ฟัดสิ ตั้งใจเลยล่ะ” กวนมธุรดาได้คนเดียว กับคนอื่นลองยั่วแบบนี้ ได้จับไปเป็นแฟนชั่วคราวแน่
“พอๆ เข้าบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้เจอกัน” มธุรดาปัดมือไล่ เกรงจะยาวไปกันใหญ่ พานจะไปงานสำคัญไม่ทัน อุตส่าห์เตรียมตัวก่อนหน้านั้นตั้งหลายสัปดาห์ ผู้ใหญ่ที่นับถือคนที่มธุรดาทำงานให้ สั่งให้เธอซ้อมนั่นนี่ เพื่อความเป็นมืออาชีพ และคืนนี้มีนัดเข้าไปพบท่านก่อนลงมือกับงานจริง
“พรุ่งนี้เจอกัน หมายความว่าแกไม่ทำงานเหรอ” นึกสงสัยหากมธุรดาทำงานสำนักพิมพ์ ไดเจต พรุ่งนี้เป็นวันจันทร์
“อ๋อ...คือฉันลาพักร้อนน่ะ แหมเพื่อนรักกลับจากเมืองนอกทั้งคน มีเวลาให้น้อยกว่านี้ได้ยังไง สัญญาแล้วจะไปกินข้าวด้วย ขอใช้วันลาพักร้อนหน่อยสิ” มธุรดาแก้ต่างไปตามเรื่อง มีเหตุผลของตัวเอง บอกความจริงกับปาณัทไม่ได้ ความลับทางราชการต้องลับที่สุด
“งั้นหรือ มีเพื่อนแบบนี้รักตายเลย” ปาณัทว่าอย่างภูมิใจ ยุยงตัวเองให้กล้าเปลี่ยนสถานะกับมธุรดาให้มากกว่าเพื่อน ทำไมถึงไม่กล้าขอยายบ้านี้เป็นแฟนซะที หรือว่าสนิทกันมากไป
“ไปล่ะ ส่งแค่นี้นะ” ยิ่งสาวโบกมือลาเพื่อน ยืนหน้าละห้อยส่งเธอ
“อืม” ยอมรับอย่างจำใจ ปาณัทมองรถยนต์คันใหญ่สีขาว ไม่เหมาะกับขนาดตัวคนขับ แล่นฝ่าความมืดออกไปจนลับตา จึงหมุนตัวยื่นมือกดกริ่งหน้าบ้านตนเอง เขาคว้าปริญญาโทมาฝากครอบครัว พร้อมทำงานอย่างเต็มตัว