โชคชะตา 2
เขาไม่ได้ลำบาก แต่ก็ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือจะฟุ่มเฟือย หรือจับจ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิต ในตอนนั้นเขาคิดว่าตนเองโชคดีมากที่มีคนรักที่ดี ไม่ได้บ้าวัตถุหรืองอแงจะให้เขาซื้อเสื้อผ้า ข้าวของแพงๆ ให้ เหมือนแฟนสาวของเพื่อนบางคน
เมื่อเรียนจบปริญญาตรีเขาก็ทำงานในบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่ง อยู่ฝ่ายการตลาด ตั้งใจทำงาน เก็บออม เพื่อสานฝันว่าวันหนึ่งจะสร้างครอบครัวกับคนที่เขารัก
แต่ฝันทุกอย่างก็ทลายลง พร้อมกับความจริงที่ว่าความรักที่ดีไม่มีอยู่จริง
เงินเท่านั้นที่จะทำให้ความฝันของคนเราเป็นจริงได้
ตอนนั้นเขาหมดแรง ทั้งโกรธแค้น ผิดหวัง แต่ก็ยังตัดใจไม่ได้ นอนจมน้ำตา ไม่รู้สึกหิว ไม่รู้สึกง่วง ไม่มีแรงจะลุกไปทำงาน
เวลาผ่านไปนับเดือนเขาก็ดีขึ้น แม้ความทรงจำระหว่างเขากับดาริณจะหลอกหลอน แต่เขาพยายามมีชีวิตให้เดินหน้าต่อไป เริ่มต้นสมัครงานแห่งใหม่
ขณะที่รองาน เงินเก็บเริ่มพร่องไปเยอะ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน ที่บอกว่าตัวเองเป็นพี่ชายต่างแม่ของเขา
เมื่อเจออีกฝ่ายก็ได้รับรู้ว่าพ่อจ้างนักสืบเอกชนตามหาเขา โดยเริ่มจากชื่อจริงและนามสกุลของแม่ กระทั่งรู้ว่าเขาเคยเรียนอยู่ที่ไหน กระทั่งได้เจอกัน
จากนั้นชีวิตเขาก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป ยกเว้นอะไรบางอย่างในใจ ที่แม้จะพยายามแค่ไหน เขาก็สลัดมันทิ้งไปไม่ได้
ธีธัสไม่เคยลืมสิ่งที่ดาริณกระทำกับเขา! แถมยังมีความทรงจำหวานชื่นคอยหลอกหลอนจนบางคืนก็นอนไม่หลับ ในทุกที่ที่มีความทรงจำ เขาไม่คิดจะย่างกรายไป แต่พ่อดันเขียนพินัยกรรม ยกรีสอร์ต ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของครอบครัวให้เขา
ที่นั่น...เขาเคยไปเที่ยวกับดาริณ โดยที่ตอนนั้นไม่รู้ว่านั่นคือธุรกิจของครอบครัวพ่อตัวเอง
ส่วนโรงแรมที่เป็นธุรกิจหลักนั้นให้พี่ชายต่างแม่ของเขา ธีรดนย์
อีกฝ่ายจึงหัวเสียที่เขาไม่ไปดูแลธุรกิจที่เป็นมรดกจากพ่อ เพราะธีรดนย์ดูแลรีสอร์ตให้ตั้งแต่เขาไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก จากนั้นเขาก็ถือโอกาสใช้ชีวิตหาประสบการณ์ทำงานอีกสามปี เพิ่งจะกลับเมืองไทยเมื่อเดือนก่อนนี้เอง เขายอมรับพยายามบ่ายเบี่ยงและหลบเลี่ยงที่จะไปดูแลรีสอร์ต จนทำให้ธีรดนย์หัวเสีย อีกฝ่ายคงคิดว่าเขาขี้เกียจ วันๆ เอาแต่เที่ยวและมั่วผู้หญิง
ธีธัสปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจไปตามนั้น
เพราะเขาบอกความจริงอีกฝ่ายว่า ไม่อยากไปทำงานที่นั่น เพราะครั้งหนึ่งเคยมีความทรงจำที่แสนหวาน ก่อนสุดท้ายกลายเป็นยาพิษ ที่เผาไหม้ใจอยู่ตอนนี้
ธีรดนย์คงเยาะเย้ยในความอ่อนแอของเขา
ถึงธีรดนย์จะไม่ใช่พี่ชายต่างแม่แบบในละครหลังข่าว ที่ชอบแข่งขันชิงดีชิงเด่น หรือเกลียดชังกัน แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนปากร้าย และกวนประสาทพอควร
แต่เขาก็ยอมรับว่าธีรดนย์เป็นเพียงคนเดียวในครอบครัว อรุณกรที่ต้อนรับเขาอย่างเต็มใจ พร้อมดูแลปกป้องยามที่ถูกญาติๆ รังเกียจว่าเป็นเพียงลูกเมียน้อย บางคนประชดประชันที่จู่ๆ เขาได้รับมรดกจากพ่อ ที่นอกจากรีสอร์ตแล้ว ยังมีที่ดินอีกหลายแปลงทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อสังหาริมทรัพย์อีกหลายรายการ รวมทั้งเงินสดก้อนโตอีกจำนวนหนึ่ง รวมๆ แล้วมรดกที่ได้รับจากพ่อก็มีมูลค่านับพันล้าน
เหมือนกลายร่างจากยาจกเป็นเศรษฐีในพริบตา แต่พ่อคงคิดล่วงหน้าถึงปัญหาของเขากับเครือญาติ ถึงได้ยกรีสอร์ตให้เขาแต่เพียงคนเดียว เพื่อทุกคนจะได้สบายใจว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของครอบครัว ซึ่งคือโรงแรม โดยมีธีรดนย์เป็นคนดูแลในตำแหน่งกรรมการบริหาร ด้วยหุ้นที่มากกว่าเครือญาติทั้งหมด
เขาเคยถามธีรดนย์ว่าทำไมถึงดีกับเขา อีกฝ่ายตอบว่า พ่อให้ดูแลเขา และตบท้ายด้วยว่า
‘แม่ฉันเคยทำร้ายแม่แกจนต้องพาแกหนีไป ตอนนี้ก็ถือเสียว่าฉันทำเพื่อไถ่โทษที่แม่ฉันเคยทำไม่ดีกับแกและแม่แล้วกันนะ’
คำตอบนั้นตรงไปตรงมา ถึงไม่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรเกินจะรับได้ ตอนนี้แม่ของธีรดนย์ก็จากโลกไปแล้ว
แต่เพราะเหลือกันอยู่สองคน ท่ามกลางหมู่ญาติที่อยากรวบหุ้นในธุรกิจหลักทั้งหมดไว้เสียเอง ธีรดนย์เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบในดงญาติๆ ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นตามวันเวลา แม้ส่วนใหญ่เขาจะอยู่เมืองนอกเสียมากกว่า แต่ก็คุยกันตลอด จนรู้สึกเหมือนเราก็ไม่ได้ต่างจากพี่น้องในครอบครัวอื่นๆ
""""""""""""""""""