5 ครั้งนี้ไม่เจ็บเท่าไหร่
ขณะที่พยาบาลคุยกับมีนา คนเจ็บอย่างนฤดลก็จับมือเธอแน่น เขารู้สึกเจ็บมากถึงแม้พยาบาลจะให้ยาแก้ปวดผ่านทางสายน้ำเกลือก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม
ชายหนุ่มมองหน้ามีนาขณะที่เธอกำลังมองพยาบาลอย่างไม่วางตา สายตาของหญิงสาวที่มองบาดแผลของเขานั้นไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด หากแต่ว่ามันเต็มไปด้วยความห่วงใยและความเห็นใจ
ทุกครั้งที่พยาบาลแตะไม้พันสำลีลงบนแผล หน้าเธอจะนิ่วเหมือนตัวเองกำลังเจ็บ กิริยาของเธอทำให้คนเจ็บอย่างเขาคลายความรู้สึกเจ็บไปได้ค่อนข้างมาก
“คุณเจ็บมากไหมคะ”
“มากสิ”
“แต่คุณดลเก่งมากเลยนะคะ เพื่อนของมีนาเลยรถล้มแล้วมีแผลแบบนี้ที่เข่า แต่เวลาที่พยาบาลมาทำแผลเขาร้องลั่นห้องเลยค่ะ มีนากับเพื่อนอีกคนต้องเอาผ้าเช็ดหน้ายัดปากเขาไว้”
“แล้วถ้าฉันร้องลั่นแบบนั้นเธอจะอาผ้าเช็ดหน้ายัดปากฉันไหมล่ะ”
“มีนาไม่กล้าทำหรอกค่ะ”
“วันแรกฉันก็แหกปากเหมือนเพื่อนเธอนั่นและ ไม่เชื่อถามคุณพยาบาลดูสิ”
“จริงเหรอคะคุณพยาบาล”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็แค่ร้องว่าเจ็บเท่านั้นเอง แต่วันนี้คนไข้เก่งมากนะคะที่ไม่บ่นว่าเจ็บ”
“ถึงผมบ่นไปมันก็ไม่หายเจ็บนี่ครับ” นฤดลตอบพยาบาล วันนี้เขายังเจ็บอยู่และเหมือนจะเจ็บกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ทุกครั้งที่เจ็บเขาจะบีบมือเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม ซึ่งพอเขาบีบมือเธอหนึ่งข้าง มืออีกข้างที่อยู่ด้านบนก็ลูบไปบนหลังมือเบาๆ อย่าปลอบโยนมันทำให้ความรู้สึกเจ็บลดน้อยลงได้อย่างประหลาด
“เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวพยาบาลพิเศษก็คงประชุมเสร็จ เขาจะเข้ามาเช็ดตัวให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ” นฤดลกล่าวของคุณ
พอพยาบาลเดินออกไปแล้วมีนาก็ดึงมือของตัวเองออกก่อนจะดึงทิชชูส่งให้กับนฤดล
“เหงื่อคุณดลเต็มเลยค่ะ”
“ขอบใจนะมีนา” เขาหยิบมาเช็ดแล้วส่งคืนให้เธอเอาไปทิ้งขยะ
“คุณดลจะนอนพักไหมคะ เดี๋ยวมีนาปรับเตียงให้”
“ไม่ละ แต่ฉันอยากกินผลไม้ มีนาเอาให้หน่อยสิ พี่ฤดีเตรียมไว้ให้แล้วในตู้เย็น”
มีนาเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบกล่องผลไม้มาวางบนโต๊ะก่อนจะลากไปคร่อมบนเตียงเพื่อให้เขาหยิบทานได้เองอย่างสะดวก
“เอาอะไรเพิ่มไหมคะ”
“ไม่ล่ะ ขอบใจมาก กินด้วยกันไหม”
“ไม่ดีกว่าค่ะ มีนาไม่อยากแย่งคนเจ็บ”
“ผลไม้ตั้งเยอะแยะฉันกินคนเดียวกินไม่หมดหรอก ขากลับมีนาเอากระเช้าผลไม้กลับด้วยนะ”
“น่าเกลียดตายเลยค่ะ มาเยี่ยมตัวเปล่าแต่พอขากลับเอาของกลับไปด้วย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“ถ้างั้นก็ต้องมาช่วยกันกินนะ”
“พูดแบบนี้แสดงว่าคุณยอมให้มีนามาเฝ้าแล้วใช่ไหมคะ”
“อือ มีนามาเฝ้าก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่เหงา แต่เธอนั่นแหละจะเหงา”
“ไม่หรอกค่ะ มีนาขอเอาหนังสือมาอ่านด้วยได้ไหมคะ”
“ไหนว่าสอบเสร็จแล้ว”
“มีนาจะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษค่ะ”
“อ๋อ”
การได้คุยกับมีนาทำให้นฤดลหายเบื่อ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะต้องนอนที่นี่อีกนานแค่ไหน เขาอยากจะเอางานมาทำที่นี่ แต่มารดาและพี่สาวก็ยังไม่ยอมให้เขาทำงาน และการนอนอยู่บนเตียงเพียงอย่างเดียวมันก็ทำให้คนขยันเครียดมากกว่าเดิม
ประตูห้องคนไข้เปิดออกอีกครั้งเมื่อมารดาและพี่สาวของนฤดลกลับมาจากการคุยกับหมอเจ้าของไข้
“หมอว่าไงครับแม่ ผมต้องอยู่ที่นี่อีกนานไหม”
“ก็จนกว่าจะหาย”
“แล้วเมื่อไหร่ละครับแม่”
“แม่ก็ไม่รู้ แต่หมอบอกว่าเรื่องกระดูกที่ร้าวเดี๋ยวก็เข้าที่ แต่ดลต้องอยู่นิ่งบนเตียงไปก่อน ถ้าขยับมากๆ ก็จะหายช้า แต่เรื่องแผลที่ไหล่ต้องรอให้แผลหายเกินกว่าครึ่งถึงจะกลับบ้านได้”
“เฮ้อ ผมอยากทำงานแล้วครับแม่ ให้คุณนุชเอาเอกสารมาให้ก็ได้นะครับ”
“อย่าห่วงเรื่องงานเลย เดี๋ยวพี่จะเขาไปดูให้ก่อน” ดลฤดีบอกนอกชาย แต่ก่อนกับน้องชายก็ช่วยกันทำงาน ทั้งงานที่โรงเรียนเอกชนและงานที่บริษัทผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์การเรียน แต่พอแต่งงานก็ออกไปช่วยสามีดูแลธุรกิจของสามี
“มีนา ป้าขอสั่งนะ อย่าให้เขาทำงานเด็ดขาด ถ้าป้ารู้ว่าเอาแอบเอางานมาทำป้าจะทำโทษหนู”
“ป้าคะ ถ้าคุณดลดื้อล่ะคะ” มีนาไม่กล้าขัดใจเขา เพราะเห็นว่าเขากำลังเจ็บ
“ฉันไม่ใช่เด็กนะมีนา”
“เขานอนอยู่บนเตียงแบบนั้นเขาจะดื้อได้สักเท่าไหร่กันเชียว พี่ว่ามีนาอย่ากลัวไปเลย เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก”
“พี่ฤดีครับ ผมเจ็บแทนที่พี่จะเห็นใจ”
“ก็เห็นใจไง ถึงเข้ามาทำงานแทน”
“นอนบนเตียงอย่างเดียวเบื่อแย่เลยครับ”
“ถ้าอยากทำงานจริงๆ พี่จะเอกสารจากโรงงานมาให้ดูนะ เรื่องที่เราสงสัยกันนั่นแหละ”
“ได้ครับ ผมขอแฟ้มเอกสารด้วยครับพี่ฤดี จะดูว่ามันตรงกับไฟล์ที่เขาส่งให้เราเซ็นไหม เอาย้อนหลังไปสักห้าปีก็พอ”
“ได้สิ เดี๋ยวพี่จัดการให้ แต่เดี๋ยวพี่กับแม่จะกลับก่อน พยาบาลพิเศษก็น่าจะเข้ามาตอนห้าโมงเย็น อยู่คนเดียวได้นะ”
“ได้ครับ”
“มีนาเดี๋ยวกลับพร้อมพี่เลยนะ”
“แต่มีนาอยากเฝ้าคุณดล”
“พี่ไม่ได้ห้าม แต่มีนาต้องไปบอกแม่ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเฝ้า พี่บอกคุณหมอให้แล้วว่ามีนาอยากจะเฝ้า พรุ่งนี้ช่วงที่กลางวันให้มีนาไปเรียนทำแผลกับพยาบาลเพราะถ้ากลับไปอยู่ที่บ้านมีนาจะต้องเป็นคนทำแผลให้พี่เขา”
“ค่ะพี่ฤดี”