13 กลับบ้าน
นฤดลมาถึงบ้านหลังใหญ่ทันเวลาอาหารเย็นพอดี เขาทานอาหารกับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครั้งแรกในรอบสองเดือน ส่วนมีนานั้นไปทานกับเด็กรับใช้คนอื่นในครัว
“มีนา พี่จะแนะนำให้มีนารู้จักนะ นี่พงษ์สามีพี่ คงเคยเจอกันมาบ้างแล้ว”
“สวัสดีค่ะพี่พงษ์ มีนาเคยเจอหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ไม่เคยได้คุยกันเลย”
“สวัสดีจ้ะมีนา” สมพงษ์ทักทาย เขาเคยไปที่ร้านของมีนากับชบาอยู่หลายครั้งก็เลยคุ้นหน้าอยู่บ้าง
“ส่วนคนนี้ชื่อส้มโอ น่าจะอายุเท่ากับมีนา แล้วก็สุดท้ายชื่อพี่รัตน์จ้ะ”
“สวัสดีค่ะพี่รัตน์ สวัสดีจ้ะส้มโอ มีนาขอฝากตัวด้วยนะ”
“มีนาจะมาอยู่กับพวกเราที่นี่เหรอ”
“ค่ะพี่รัตน์ มีนาจะดูแลคุณดลและก็ช่วยงานบ้านที่นี่จ้ะ” มีนาบอกไปตามความเข้าใจของตน
“มีนาเข้าใจผิดแล้ว คุณผู้หญิงบอกว่ามีนาจะมาดูแลคุณดลกับช่วยงานเอกสารคุณผู้หญิงกับคุณฤดีนะ ไม่ได้มาทำงานบ้าน”
“งานพวกนั้นคงไม่เยอะหรอกมั้งคะ มีนาอยากช่วย หรือจะให้มีนาช่วยป้าแขทำครัวก็ได้นะ”
“อย่าเพิ่งคิดเลยว่าจะช่วยอะไรกันบ้าง เดี๋ยวกินข้าวเสร็จคุณท่านเรียกพวกเราทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องรับแขก” ป้าแขที่เดินเข้ามาทีหลังบอกกับทุกคน ก่อนที่เธอจะมานั่งทาอาหารเย็นด้วย
หลังเจ้านายทานอาหารอิ่มแล้วทุกคนก็ช่วยกันเก็บกวาดก่อนจะมารวมตัวกันที่ห้องรับแขกโดยมีสมาชิกในบ้านอยู่กันครบ
“ที่ฉันเรียกทุกคนมาวันนี้ก็อยากจะบอกทุกคนว่าจากนี้มีคุณดลลูกชายฉันจะกลับมาอยู่ที่บ้านหลังเล็ก ฉันสั่งห้ามใครเข้าไปวุ่นวายที่นั่นยกเว้นว่าเจ้าของบ้านจะอนุญาต” คุณดวงกมลบอกกับทุกคนเพราะรู้นิสัยของลูกชายตนเองดี
“แล้วใครจะทำความสะอาดล่ะคะ”
“มีนาเองค่ะ”
“มีนาจะทำความสะอาดเฉพาะวันที่คุณดลอยู่บ้าน แต่ถ้าวันไหนต้องออกไปข้างนอกก็จะให้ส้มโอกับรัตน์เข้าไปทำนะ”
“ค่ะคุณฤดี”
“มีนาจะพักที่นี่กับเรานานไหมคะ” ส้มโอถามเพราะเห็นว่าหญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้
“ก็คงนานพอสมควร”
“ให้มีนานอนกับส้มโอก็ได้นะคะ”
“มีนาจะนอนที่บ้านหลังเล็กกับคุณดล เพราะยังต้องทำแผลและดูแลคุณดลจนกว่าจะหายดี เอาล่ะ คืนนี้ดึกแล้วแยกย้ายกันไปนอนได้แล้ว”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
คนอื่นต่างพากันออกไปจากห้องรับแขก ตอนนี้จึงเหลือแค่สมาชิกในครอบครัวและมีนาที่นั่งอยู่บนพื้นพรม
“มีนา ป้ารับมีนาเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะลูกหลาน ถ้ามีใครทำให้อึดอัดใจ ไม่สบายใจก็บอก อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกนะ มีนาต้องไปนอนที่บ้านหลังเล็กกับคุณดลสองคน คิดว่าตัวเองอยู่ได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“ลูกชายลุงอาจจะเอาแต่ใจไปบ้าง บางครั้งก็อาจพูดจาไม่เข้าหู หนูก็อย่าถือสาเลยนะ”
“ค่ะคุณลุง”
“พ่อมองผมในแง่ร้ายเกินไปแล้วครับ ผมอยู่โรงพยาบาลกับมีนามาสองเดือนผมยังไม่เคยดุมีนาสักครั้ง ไม่เชื่อคุณพ่อก็ลองถามเธอดูสิ”
“ว่าไงมีนา เขาดุเธอบ้างไหม”
“ไม่นะคะ คุณดลไม่เคยดุมีนาเลยค่ะ แต่ชอบทำหน้าบึ้งแล้วก็ชอบดุเลขาเวลาที่เธอเอางานให้ช้าค่ะ” พ่อบิดาของชายหนุ่มเปิดโอกาสหญิงสาวก็เลยรีบฟ้องเพราะเธอสงสารที่เลขาของเขามักจะโดนดุอยู่บ่อยครั้ง
“เรื่องนั้นลุงรู้อยู่แล้วล่ะ คุณนุชเธอก็ชินแล้ว” บิดาของชายหนุ่มหมายถึงปรียานุชซึ่งทำงานเป็นเลขาของนฤดลมานานหลายปี
“ไม่โดนดุก็ดีแล้วนะมีนา แต่ถ้าเขาดุ เวลาที่มีนาทำแผลให้เขามีนาก็เอาคืนได้นะ ป้าไม่ว่าหรอก”
“แม่ครับให้ท้ายกันอย่างนี้ถ้าเกิดมีนาแค้นแล้วทำแผลผมแรงๆ ขึ้นมาล่ะ แผลผมก็ไม่หายสักที”
“พูดถึงแผล พี่ว่าจะถามดลอยู่เหมือนกันว่าสนใจอยากจะปลูกถ่ายผิวหนังไหม” ธนวัฒน์ถามน้องชายของภรรยา
“ไม่ละครับพี่วัฒน์ แผลมันอยู่ข้างในมีใครเห็นหรอก”
“มันก็จริงนะ แผลอยู่ข้างใน แต่ไม่กลัวว่าสาวๆ จะเห็นแล้วตกใจกลัวเหรอครับ”
“คงไม่หรอกมั้งครับ มีนายังไม่กลัวเลย จริงไหมมีนา” เขาหันมาถามเพราะมีนาเป็นคนที่เห็นแผลของเขามากกว่าใคร อาจจะมากกว่าตัวเอาเองด้วยซ้ำ
“ตอนแรกมีนาก็กลัวนะนะ แต่ไม่ได้กลัวแผล แต่กลัวคุณดลจะเจ็บมากกว่า แผลมันใหญ่และก็ใช้เวลาทำนานมาก”
“แต่มีนาก็เก่งนะทำแผลคล่องแล้ว พยาบาลยังชมให้ป้าฟังเลย”
“แม่ครับ นั้นมันตอนหลังๆ นี่ครับ วันแรกที่ทำ มือสั่นเหงื่อตก ปกติพยาบาลทำก็ไม่เกินยี่สิบนาที แต่มีนาทำเกือบชั่วโมง”
“ก็มีนากลัวคุณดลเจ็บ” หญิงสาวเถียง
“ป้าว่าลูกชายป้าคงด้านชาไปแล้วล่ะ ต่อไปมีนาไม่ต้องเบามือนะ”
“ไม่ดีมั้งครับแม่ อีกนิดเดียวแผลก็จะหายสนิทแล้ว ถ้าทำแรงแผลอักเสบขึ้นมาจะยุ่งเอานะครับ” นฤดลรีบหาเหตุผลมาอ้างเพราะกลัวว่ามีนาจะทำอย่างที่มารดาแนะนำจริงๆ
คุยกันอีกไม่นานทุกคนแยกย้ายกันขึ้นห้อง ส่วนมีนาก็พานฤดลเดินมายังบ้านหลังเล็กทางด้านหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้มีนาก็เอาของใช้ส่วนตัวจากบ้านมาเก็บไว้ที่นี่บ้างแล้ว