บทที่ 4 (1)
ร่างสูงใหญ่ล่ำสันขององครักษ์เอกเฉกเช่น องครักษ์คาฟาล อัสซิส มาซีน ซึ่งได้รับคำสั่งด่วนจากท่านชีคฮาริคให้มาประกันตัวน้องสาวของผู้หญิงคนใหม่ของพระองค์ออกจากสถานีตำรวจ ได้ก้าวเท้ามั่นคงองอาจผ่าเผยสมกับเป็นชายชาตินักรบแห่งประเทศฮาริยา ขึ้นมาบนสถานีตำรวจในยามดึกสงัด ซึ่งหากมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็ล่วงเข้าไปตีสองเกือบตีสามแล้ว
และทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย หรือยศสูงสุดในสถานีตำรวจแห่งนี้ เห็นร่างสูงใหญ่ล่ำสันขององครักษ์เอกคาฟาล ซึ่งในวงการของตำรวจ ทหาร ต่างก็รู้ดีว่าบุรุษผู้นี้คือองครักษ์เอกผู้รับใช้ประมุขแห่งแผ่นผืนทะเลทราย ที่พวกเขาอาศัยอยู่ภายใต้ร่มพระเมตตาของพระองค์ ต่างก็พากันลุกขึ้นยืนตะเบ๊ะทำความเคารพองครักษ์เอกคาฟาลแทบจะพร้อมเพรียงกัน จากนั้นสารวัตรใหญ่ก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามถึงการเดินทางมาถึงของชายชาตินักรบผู้นี้
“ท่านคาฟาล มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถึงเดินทางมาถึงสถานีตำรวจทั้งกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้”
องครักษ์เอกคาฟาลอซึ่งพยักหน้ารับการทำความเคารพจากนายตำรวจทุกนายในก่อนหน้านี้ ได้กวาดสายตามองทั่วห้องที่ตนเองกำลังยืนอยู่ ก่อนจะเอ่ยถามสารวัตรด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมมาประกันตัวนักพนันที่ถูกจับในวันนี้”
สารวัตรใหญ่ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง นึกไม่ออกว่ามีนักพนันคนไหน ที่เป็นญาติขององครักษ์เอกผู้เลื่องชื่อในเรื่องความเก่งกาจ และที่สำคัญตอนนี้นักพนันเกือบครึ่งร้อยก็ถูกจับปรับและประกันตัวออกไปหมดแล้วด้วย
“ไม่ทราบว่านักพนันคนไหมครับที่เป็นญาติของท่านคาฟาล”
องครักษ์เอกคาฟาลกระตุกยิ้มตรงมุมปาก พลางเอ่ยบอกชื่อเสียงเรียงนามของคนที่เขาได้รับคำสั่งให้มาประกันตัว ตามที่เจ้าเหนือหัวได้รับสั่งมา
“ไม่ญาติของผมหรอกครับ เผอิญว่าเธอเป็นคนรู้จักของท่านชีคฮาริค และผมได้รับคำสั่งจากพระองค์ให้มาประกันตัวเธอออกไป เธอชื่อไข่ตุ๋น ไม่ทราบว่ามีนักพนันชื่อนี้หรือเปล่า"
สารวัตรใหญ่ทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ “เอ๋...ผมรู้สึกว่านักพนันที่ถูกจับมาวันนี้ถูกประกันตัวออกไปหมดแล้วนะครับ”
“ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะหญิงสาวคนนี้มีพี่สาวเป็นญาติเพียงคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้องอื่นอีกแล้ว ไม่น่าจะมีใครมาประกันตัวเธอออกไปนะ”
องครักษ์เอกคาฟาลเอ่ยถึงความเป็นจริง สาเหตุสำคัญที่ทำให้เขารู้ว่าหญิงสาวที่ชื่อไข่ตุ๋น ไม่มีพี่น้องอื่นอีกนอก
จากพี่สาวที่ชื่อบัณฑิตา ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่กับเจ้าเหนือหัวของเขาในตำหนักราญา ก็เพราะว่าระหว่างขับรถมาสถานีตำรวจ เขาได้สืบเสาะค้นหาประวัติของสองศรีพี่น้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนล่วงรู้ว่าสองสาวฝาแฝดได้รับทุนการศึกษาในระดับปริญญาโท และตอนนี้พวกเธอก็เรียนจบคว้าใบปริญญาบัตรมาได้เรียบร้อยแล้วด้วย แต่เขายังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมแฝดพี่ที่ชื่อบัณฑิตา ถึงยอมตกเป็นนางบำเรอของท่านชีคเพื่อแลกกับเงินจำนวนห้าล้าน และเขาก็อยากรู้คำตอบว่าทำไมแฝดน้องที่ชื่อบุญธิสา ถึงได้กระโจนมาเล่นการพนันจนถูกจับได้
ทางด้านของสารวัตรใหญ่ พอได้ยินองครักษ์เอกคาฟาลเอ่ยออกมาเช่นนี้ ก็รีบกวักมือเรียกร้อยเวรให้ขยับเข้ามาใกล้ พลางเอ่ยถามหานักพนันที่อาจมีหลงเหลืออยู่
“จ่า...มีนักพนันคนไหนที่ยังไม่ถูกประกันตัวออกไปไหม”
ร้อยเวรซึ่งเป็นคนๆ เดียวกัน ที่พยายามเข้าไปทักทายทำท่าทีหมาหยอกไก่กับบุญธิสา ได้พยักหน้ารับพร้อมกับเอ่ยตอบออกมา โดยไม่ลืมชี้นิ้วไปยังหญิงสาวที่ตนเองกำลังเอ่ยรายงานกับผู้บังคับบัญชา
“ยังมีตกค้างอยู่คนหนึ่งครับสารวัตร เธอนั่งอยู่มุมห้องโน่นครับ ตอนผมเข้าไปถามเห็นบอกว่ารอให้พี่สาวมาประกันตัวออกไปครับ”
องครักษ์เอกคาฟาลทอดสายตามองไปยังทิศทางที่ร้อยเวรชี้นิ้วบอก ซึ่งเขาไม่ได้อยู่รอฟังจนจบประโยคว่าร้อยเวรกล่าวพูดว่าอย่างไรบ้าง พอดวงตาคมกริบมองปะทะกับร่างบางอรชร ซึ่งนั่งซึมกอดอกตัวเองอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ก็รีบก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปหาอย่างรวดเร็ว พอเดินเข้าไปใกล้ร่างบาง และได้เห็นท่านั่งคู้เข่ากอดตัวเองของหญิงสาวที่ชื่อไข่ตุ๋น จู่ๆ ความรู้สึกแปลกๆ ก็เข้ามาจู่โจมหัวใจอย่างไม่ทันตั้งตัว และหัวสมองอันชาญฉลาดก็ถูกหัวใจอันแข็งแกร่งเข้าครอบงำสั่งการให้เอื้อมมือไปลูบเบาๆ ตรงศีรษะปกคลุมไปด้วยเส้นผมนุ่มสลวยดำขลับ พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลจนเขาเองก็นึกแปลกใจว่าทำไมตนเองถึงเอ่ยพูดได้นุ่มนวลเพียงนี้
“ไข่ตุ๋นใช่ไหม คุณเป็นยังไงบ้าง กลัวหรือเปล่าครับ”
ในขณะที่องครักษ์เอกคาฟาลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมยังแฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างยิ่งยวด แต่คนที่ถูกเอ่ยถามกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย เพราะตอนนี้หญิงสาวกำลังน้อยใจพี่สาวจับใจ ที่ไม่มาประกันตัวเธอสักที พออยู่ในอารมณ์ที่ไม่อยากเสวนากับใครด้วย แถมยังถูกใครก็ไม่รู้มาลูบหัวราวกับเธอเป็นหมาน้อยก็ไม่ป่าน หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นขึงตาเขียวปั้ดใส่อีกฝ่าย ก่อนจะพ่นถ้อยวาจาห้วนดุตอกหน้าอีกฝ่ายทันที
“มายุ่งอะไรด้วยเล่า แล้วช่วยกรุณาเอามือสกปรกของคุณออกไปจากศีรษะของฉันด้วย!”
ผู้ที่ถูกตอกหน้าหงาย แทนที่จะเชื่อฟังคำสั่งห้วนจัดของสาวน้อยแสนสวย เขากลับหัวเราะฮึๆ อยู่ในลำคอ แถมยังขยับมือลูบไล้ศีรษะกลมทุยเหมือนเดิม และดูเหมือนว่าเพียงเท่านี้จะเป็นการแกล้งยั่วให้สาวน้อยโกรธยังไม่มากเท่าที่ควร เพราะองครักษ์หนุ่มได้กอบกุมเส้นผมนุ่มสลวยมาเต็มกำมือ พลางก้มหน้าลงต่ำแล้วยกเส้นผมจรดปลายจมูกโด่งงามของตนเองหน้าตาเฉย ทำเอาบุญธิสาแทบเต้นด้วยความโกรธจัด
“ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิตวิตถาร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
บุญธิสาเอื้อมมือไปจับเส้นผมตัวเอง พลางกระชากเบาๆ ให้หลุดพ้นจากการกอบกุมของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของเธอจะไม่สัมฤทธิ์ผล มิหนำซ้ำมือเล็กยังถูกฝ่ามือใหญ่กุมกระชับไว้แน่น ไม่ว่าจะพยายามกระชากมือออกอย่างไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
ส่วนทางด้านองครักษ์เอกคาฟาล พอกอบกุมเส้นผมนุ่มสลวยมาจรดปลายจมูก และสูดดมกลิ่นหอมละมุนไม่ต่างจากกลิ่นหอมของมวลดอกไม้เข้าสู่ปอดลึกๆ ก็ทำเอารู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด พอสาวน้อยแสนสวยยื่นมือมาหมายจะจับเส้นผมตัวเองให้หลุดพ้นจากการกอมกุม ก็จับยึดมือเล็กไว้แน่น แล้วยกมือเล็กนุ่มละมุนมาจรดปลายจมูกอีกครั้ง โดยคราวนี้จงใจกดริมฝีปากร้อนผะผ่าวลงไปบนหลังข้อมือ ให้เจ้าของมือเล็กรับรู้ถึงความร้อนผะผ่าวจากริมฝีปากของตนเองด้วย พร้อมกันนั้นก็เอ่ยสัพยอกกลั้วหัวเราะด้วยความขบขำ หาได้โกรธหญิงสาวตรงหน้าไม่
“โอ้! กล่าวทักทายกันด้วยไมตรีจิตจริงๆ”
“ไอ้โรคจิต ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้ คุณตำรวจคะ ช่วยด้วยค่ะ ไอ้โรคจิตคนนี้มันจะข่มขืนฉันค่ะ”
คราวนี้องครักษ์เอกคาฟาลถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะก๊ากดังลั่นสถานีตำรวจ พร้อมกับปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระตามที่เจ้าตัวต้องการ แต่เปลี่ยนเป้าหมายในการกอบกุมมาอยู่ตรงบ่าเล็กทั้งสองแล้วจับร่างบางระหงให้ผุดลุกขึ้นยืนแนบชิดกับกายล่ำสันของตนเองแทน
“ช่างอ่อนหัดจริงๆ นะไข่ตุ๋น แค่จับมือถือแขนเพียงแค่นี้ เขาไม่เรียกว่าข่มขืนหรอกทูนหัว อีกอย่างหล่อขั้นเทพ เสน่ห์แรงระดับพระกาฬอย่างผม ไม่จำเป็นต้องข่มขืนสาวๆ ให้เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางหรอกครับ มีแต่พวกสาวๆ ล่ะไม่ว่าที่จะเป็นฝ่ายข่มขืนผม”
“ไอ้คนบ้านี้เป็นใครกัน ยกหางตัวเองซะสูงเชียว”
นอกจากจะไม่สนใจใครหน้าไหนแล้ว บุญธิสายังปากจัดเอาการ ขณะตะโกนด่าทอคนที่บังอาจจับตัวเธอไว้ หญิงสาวก็พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการอันแข็งแกร่ง พร้อมกับแผดเสียงตะโกนสั่งไม่เลิก
“ปล่อยฉันนะไอ้คนชั่ว แกมาจับฉันไว้ทำไม”
องครักษ์เอกคาฟาลยักไหล่ยียวน ก่อนจะเอ่ยตอบแบบกวนโทสะเป็นที่สุด “ไม่มีเหตุผลสำคัญอะไรหรอกไข่ตุ๋น ผมแค่เห็นคุณนั่งซึมเศร้าอยู่คนเดียว ก็เลยนึกอยากทำบุญด้วยการกอดคุณให้หายจากอาการโศกเศร้าก็เท่านั้นเอง”
“ไอ้บ้า! ก่อนจะกอดฉัน ถามสักคำจะได้ไหมว่าฉันต้องการอ้อมกอดจากคุณหรือเปล่า”
บุญธิสาตวาดแว้ดยื่นมือผลักไสกำแพงมนุษย์หนาแข็งแกร่งให้พ้นตัว แต่เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอก็ไม่สามารถผลักให้กายล่ำสันบึกบึนถอยห่างออกจากตัวเธอได้
องครักษ์หนุ่มกระตุกยิ้มตรงมุมปาก พลางก้มใบหน้าคมเข้มลงต่ำจนลมหายใจอุ่นๆ หอมสะอาดเป่ารินรดกับพวงแก้มเนียนแดงปลั่งหอมละมุนละไม พร้อมกันนั้นก็กระซิบตอบอย่างกวนโมโหไม่เลิก
“ถ้ามัวแต่ถาม จะได้กอด ได้จูบแก้มนุ่มๆ ของคุณหรือไข่ตุ๋นสุดสวย”
ไม่ได้เอ่ยแต่ปากเปล่าเท่านั้น องครักษ์เอกคาฟาลได้ปฏิบัติให้เห็นอย่างฉับพลัน ด้วยการโอบต้นแขนแข็งแกร่งไปรอบเอวบางคอดกิ่ว แล้วดึงร่างบางมากอดกระชับแน่น พร้อมกับกดจมูกโด่งๆ ลงไปบนพวงแก้มเนียนแดงปลั่งฟอดใหญ่อย่างรวดเร็วเกินกว่าผู้เป็นเจ้าของจะทันระวังตัว
“อืม...พวงแก้มของคุณช่างหอมละมุนชื่นใจจริงๆ ผมชักสงสัยแล้วว่าปากน้อยๆ ของคุณจะหวานฉ่ำชื่นใจผมหรือเปล่า ขอพิสูจน์ความหวานสักจูบสองจูบได้ไหมไข่ตุ๋น”
“ไอ้คนฉวยโอกาส!”
บุญธิสาแผดเสียงตะโกนด่าจนองครักษ์เอกคาฟาลแสบแก้วหูต้องผงะออกห่างเล็กน้อย เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้บุญธิสาเล่นงานกลับคืนบ้าง
“ฉวยโอกาสดีนัก มันต้องเจอแบบนี้”
ถ้าคิดว่าบุญธิสายอมให้เอาเปรียบกันง่ายๆ ล่ะก็คิดผิดแล้ว หญิงสาวอาศัยจังหวะที่บุรุษผู้นี้กำลังเผลอ งัดท่าแม่ไม้มวยไทยท่าเข่าตรงจัดให้แบบเต็มๆ ตรงกล่องดวงใจของบุรุษผู้นี้ดังผลั๊ก!!
“อูวว์...ไข่แตก...”