5. ตัดสินใจ
แก้มใสเดินออกมาจากห้องหมอชวิณด้วยความโมโห เธออุตส่าห์เห็นว่าเขาเป็นถึงนายแพทย์ผู้ซึ่งต้องชอบช่วยเหลือผู้อื่นแต่ไม่คิดว่าขาจะมีความคิดลามกเช่นนี้ ในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินไปตามทางเดินเพื่อจะไปยังห้องผู้ป่วยซึ่งน้องชายเธอรักษาตัวอยู่ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่นสะเทือนขึ้น เมื่อเธอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของแป้งหอมเพื่อนสนิทเธอนั่นเอง
"ฮัลโหลแป้งหอม" แก้มใสกรอกเสียงลงไป
'อื้อ เรื่องงานน่ะ ที่เราบอกว่าจะถามให้ ตกลงได้แล้วนะ' เสียงเพื่อนเธอดังมาตามสาย
"จริงเหรอ ขอบใจมากนะแป้งหอม แล้วเราต้องเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ?" แก้มใสถามเพื่อนออกไปอย่างยินดีที่เธอได้งานทำแล้ว
'อ้อ แป๊บนะ' แป้งหอมกรอกเสียงกลับมาเดาว่าเพื่อนเธอคงจะถามความเห็นจากนายจ้างของเธอซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของเพื่อนนั่นเอง
'ฮัลโหล แก้มใส เธอมาได้เมื่อไหร่ พรุ่งนี้เลยได้ไหมล่ะ?' เวลาผ่านไปไม่นานแป้งหอมก็ดังตามสายมา
"อื้อ ๆ ได้ ๆ ขอบใจมากนะแป้งหอม" แก้มใสตอบเพื่อนกลับไปด้วยอารมณ์ดี
'จ้า ๆ ไม่เป็นไร เพื่อนต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะ' เสียงแป้งหอมดังกลับมาจากนั้นก็ตัดสายไป
พอเธอย้ายโรงพยาบาลที่รักษาน้องชายมาที่นี่ก็ทำให้การเดินทางลำบากมากขึ้น เธอจึงต้องหางานใหม่ที่ใกล้ ๆ โรงพยาบาลแห่งนี้ ประจวบเหมาะที่เมื่อวานวันที่ไปสอบที่มหาวิทยาลัยเธอก็เจอกับแป้งหอมเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันสมัยมัธยม จากนั้นเธอก็เล่าเรื่องการรักษาน้องชายและเรื่องต้องการหางานใหม่ที่ใกล้กับโรงพยาบาลแห่งนี้ แป้งหอมก็รีบเสนอตัวรีบช่วยหางานให้เธอเลยไม่ต้องเสียเวลาหาเองและวันนี้เพื่อนเธอก็โทรมาบอกข่าวดี
"ดีจัง" แก้มใสฉีกยิ้มพูดกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่เดินไปหาน้องชายด้วยอารมณ์ที่ผิดกับตอนที่ออกมาจากห้องหมอชวิณราวกับฟ้ากับเหว
"กาย เป็นไงบ้าง?" แก้มใสเอ่ยทักน้องชายทันทีที่เดินมาถึงเตียงผู้ป่วยของน้อง
"สบายดีพี่" กายตอบพี่สาวด้วยใบหน้าซีดเซียวซึ่งต่างจากคำพูดเขานัก
"หน้าซีดหมดเลย อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวพี่ไปซื้อให้" แก้มใสเอามือเล็กไปลูบหน้าของน้องอย่างสงสาร ถ้าเธอรู้ว่าน้องเธอเป็นโรคนี้เร็วเธอคงพาน้องมารักษาเร็วกว่านี้ คงไม่ต้องให้อาการกำเริบหนักขนาดนี้
"ไม่อยากอะไรเลยพี่" กายตอบพลางยิ้มแห้ง ๆ ให้กับผู้เป็นพี่สาว นั่นทำให้แก้มใสรู้สึกสารน้องเข้าไปกันใหญ่ บางทีน้องเธออาจจะอยากทานแต่ไม่บอกเธอก็ได้เพราะรู้ว่าเธอนั้นต้องหาเงินมาอย่างยากลำบาก
"พี่ได้งานแล้วนะ พรุ่งนี้พี่อาจจะมาหาดึกหน่อยนะ" แก้มใสบอกน้องชายเพื่อที่เขาจะได้ไม่รอ
"ไม่เป็นไรหรอกหนูอยู่ได้ มีพี่พยาบาลอยู่พี่ไม่ต้องห่วงหนูหรอก" กายตอบพี่สาวเพื่อที่พี่สาวจะได้ไม่ต้องห่วงในตัวเขา
"เก่งจังน้องพี่" แก้มใสเอ่ยชมพลางใช้มือเล็กลูบศีรษะน้องชายอย่างเอ็นดู
สามวันต่อมา
เมื่อแก้มใสเลิกงานที่คาสิโนเธอก็ขึ้นไปทำงานที่ผับวันแรก ซึ่งงานที่ให้แป้งหอมช่วยฝากนั้นเป็นพนักงานแลกชิพ ส่วนงานที่ผับเป็นงานพิเศษหลังจากเลิกกะจากการเป็นพนักงานแลกชิพเพื่อที่จะได้มีรายได้อีกทางหนึ่ง เธอต้องเร่งหาเงินให้ได้ถึงครึ่งหนึ่งของค่าผ่าตัดน้องชายเธอ
กว่าจะเลิกงานจากผับก็ปาเข้าไปตีสองกว่าผับจะปิด ขณะที่แก้มใสกำลังจะเดินทางกลับห้องพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อหญิงสาวหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาลเธอจึงรีบรับสายทันที
"สวัสดีค่ะ"
'เบอร์คุณกานติมาใช่ไหมคะ?'
"ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ"
'เกรงว่าคุณก้องวิชญ์ต้องรีบเข้าผ่าตัดด่วนน่ะค่ะ คุณสะดวกมาที่โรงพยาบาลตอนนี้ไหมคะ?'
"ดะ..ได้ค่ะ เดี๋ยวจะรีบไปนะคะ" แก้มใสพูดตะกุกตะกักด้วยหัวใจที่เบาหวิวเมื่อรู้ว่าน้องชายต้องรีบได้รับการรักษา น้ำตาสีใสเอ่อเต็มเบ้าตาในขณะที่กรอกเสียงออกไป เมื่อวางสายจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแก้มใสก็รีบเรียกแท็กซี่เดินทางไปโรงพยาบาลทันที
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แก้มใสก็พบว่าน้องชายเธอมีสายช่วยหายใจอยู่ที่ตัว แพทย์เจ้าของไข้แจ้งว่าน้องชายเธอหายใจไม่สะดวกเลยต้องมีเครื่องช่วยหายใจ แต่จะดีขึ้นเมื่อได้ผ่าตัดยิ่งได้ผ่าตัดเร็วก็ยิ่งเป็นผลดีกับน้องชายเธอเพราะไม่รู้ว่าอาการจะกำเริบขึ้นมาอีกเมื่อไร
แก้มใสเมื่อแยกออกมาจากคุณหมอคนนั้นแล้ว หญิงสาวได้มานั่งที่ม้านั่งหน้าห้องผู้ป่วย สองมือเล็กกำผสานหากันแน่นในขณะที่ความคิดเริ่มสับสนว่าเธอจะทำเช่นไรดี การจะไปยืมเงินแป้งหอมตามที่เพื่อนเธอเสนอมาเธอก็รู้สึกเกรงใจเพราะรู้ว่าเพื่อนเธอนั้นก็มีฐานะที่ไม่ต่างจากเธอ การที่แป้งหอมช่วยหางานให้เธอนั้นเธอก็รู้สึกซาบซึ้งพอแล้ว เธอไม่อยากจะไปรบกวนเพื่อนของเธอให้มากกว่านี้ หรือว่าเธอควรจะทำตามข้อเสนอของหมอคนนั้น แล้วข้อเสนอของหมอชวิณก็ผุดขึ้นมาในหัวหญิงสาว
แก้มใสนั่งคิดอยู่ที่เดิมเป็นเวลานานกว่าที่เธอจะตัดสินใจได้ ร่างบางลุกขึ้นพรวดอย่างตัดสินใจได้ ก็แค่พรหมจรรย์ทำไมต้องหวงแหนเมื่อมันสามารถแลกให้น้องชายเธอได้รับการรักษา เธอตัดสินใจจะยอมเป็นเด็กของหมอคนนั้น