บทที่ 4 (1)
ทางด้านของผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางมารับแขกวีไอพีของกัปตันบารอน พอขับรถบนซ์สปอร์ตออกมาพ้นหูพ้นตาของผู้เป็นลุงได้แล้ว ก็กะว่าจะลองทำตามคำแนะนำ และจะหาคำตอบไว้สำหรับตอบคำถามของอาจอห์นนี่และอามาร์ค หญิงสาวกะว่าหากได้ออกสู่ทางหลวงมอเตอร์เวย์เมื่อไร ก็จะเหยียบคันเร่งเต็มที่ตามความกล้าหาญของตนเอง และตามความแรง ความเร็วของรถคันนี้
แต่...ขวัญข้าวก็ไม่อาจทำตามที่ใจตนเองต้องการได้ เพราะเมื่อนำรถออกมาสู่ทางหลวงมอเตอร์เวย์ได้แล้ว บนถนนหนทางที่เธอกำลังใช้บริการอยู่ในขณะนี้ กลับคลาคล่ำไปด้วยรถราที่ค่อนข้างหนาตา หญิงสาวจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนความคิดอย่างฉับพลัน แม้เธอจะไม่กลัวตาย ไม่กลัวเรื่องอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกเมื่อที่เราประมาท แต่กระนั้นหญิงสาวก็ยังคงเป็นห่วงชีวิตของผู้ที่ใช้รถใช้รถร่วมกัน ความเร็วของรถเบนซ์ที่กำลังแล่นไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ จึงอยู่ในระดับที่พอเหมาะพอเจาะ ก็แค่ๆ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
และในขณะที่ขับรถตรงไปยังเป้าหมายที่รอคอยอยู่ข้างหน้า ขวัญข้าวก็ไม่ลืมบ่นกระปอดกระแปดตามประสา เพราะใจจริงนั้นเธอไม่อยากขับรถไกลเป็นร้อยๆ กิโลเมตร เพื่อมารับอาคันตุกะของกัปตันบารอน เธออยากอยู่เล่นกับกัปตันน้อยอารอนที่คฤหาสน์ ดี ทีสต์ ซะมากกว่า แต่เมื่อไม่อาจขัดคำสั่งของกัปตันได้ จึงจำต้องทำหน้าที่นี้ด้วยความจำเป็น
“ทำไมต้องให้มารับด้วยก็ไม่รู้ รถแท็กซี่ทั้งคันสีเหลือง คันสีส้ม คันสีชมพู มีให้เกร่อทั่วสนามบิน ไม่รู้จักเรียกใช้บริการ อีกทั้งไอ้รถหรูๆ ของสนามบินก็มีคอยรับส่งลูกค้าอยู่แล้ว ก็ไม่รู้จักเรียกให้มาส่งที่บ้านของกัปตัน เดือดร้อนเราต้องมารับถึงที่ ฮึ! เสียดายที่รถเบนซ์ของกัปตันไม่มีมิเตอร์ติดไว้ด้วย ไม่งั้นจะเก็บค่ารถเอาซะให้อ่วมไปเลย”
ยิ่งบ่นก็ยิ่งโมโหอาคันตุกะของกัปตันบารอน ที่เธอยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเธอขบคิดปัญหานี้ยังไม่แตกว่าจะหาตัวเรนย์ เจรามี่ ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ พบได้อย่างไร
“เฮ้อ...สนามบินสุวรรณภูมิคนยังกับมด ฝรั่งหัวดำหัวแดงก็มีเต็มไปหมด แล้วเราจะรู้ไหมนี่ว่าคนไหนคือเรนย์ เจรามี่”
เรื่องบ่นต้องยกให้กับขวัญข้าว เรื่องบ้าดีเดือด และแกล้งกัปตันน้อยอารอนก็ต้องยกให้กับเธอ ขวัญข้าว พาเรลส์ คนเดิมเช่นเดียวกัน เพราะขณะที่ขับรถไป หญิงสาวก็บ่นไม่ได้หยุดปาก หากนับรวมเรื่องที่หญิงสาวได้บ่นออกมาตลอดเส้นทางนับร้อยๆ กิโลเมตร ก็คงนับรวมได้เป็นพันๆ เรื่องแน่
“ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเครื่องบินจะดีเลย์หรือเปล่า โอ๊ย! เบื่อ! ไม่อยากมารับนายเรนย์ เจรามี่ เจรามาเลยให้ตายเถอะ”
ขวัญข้าวไม่ได้บ่นธรรมดา แต่สาวเจ้าทั้งบ่นทั้งโวยวาย แถมในตอนท้ายยังเปลี่ยนนามสกุล ให้กับเพื่อนรักของกัปตันบารอนตามอำเภอใจเสียด้วย
“แต่เอะ! ไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ดีเหมือนกัน จะได้นัดคริสตี้มาเม้าท์กันเพลินๆ ระหว่างรอนายเรนย์ เจรามาเดินทางมาถึง”
อรรนพหรือชื่อเล่นคริส แต่ทว่ารู้จักกันในนามของคริสตี้ ผู้ที่มีใจเป็นหญิงในคราบของผู้ชาย ได้เปิดร้านอาหารจีนอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ และขณะที่รอเครื่องบินของนายเรนย์ เจรามี่ ลงจอดบนรันเวย์ เธอก็จะไปนั่งกินอาหารจีนให้เต็มกระเพาะ เอาให้จุกลุกไม่ขึ้น ระหว่างนั้นเธอก็จะได้นั่งคุยกับเพื่อนรักจนฉ่ำปอดด้วย
และเมื่อได้คิดถึงเพื่อนรักที่สนิทและรักกันมาก อีกทั้งไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้ว ขวัญข้าวก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อนรักทันที
“สวัสดีจ้า สาวคริสตี้สุดสวย”
ขวัญข้าวกรอกเสียงทักทาย ด้วยถ้อยคำที่เคยใช้เรียกเพื่อนรักเสมอ และพอได้ยินเสียงร้องกรี๊ดอย่างมีจริตจะก้านตามประสาสาวประเภทสอง ก็รีบเอาหูฟังโทรศัพท์ออกจากใบหูของตนเองทันที มิเช่นนั้นแล้วอาจเกิดอาการหูแตกได้ เพราะอีกฝ่ายเล่นร้องกรี๊ดซะเสียงดัง ซึ่งเธอเชื่อว่าหากอยู่ใกล้กัน ป่านนี้เธอคงถูกคริสตี้กอดรัดแน่น จนกระดูกแทบแหลกเป็นแน่
“นี่ยายคริสตี้สุดสวย กรุณาลดเสียงกรี๊ดลงหน่อยนะ ไม่เช่นนั้นแล้วแก้วหูขวัญข้าวอาจจะแตกได้”
“ย่ะยายขวัญข้าว ฉันร้องกรี๊ดเบาๆ ก็ได้ ว่าแต่นึกยังไงถึงโทรมาหาฉันได้ล่ะ”
ขวัญข้าวหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนรัก ที่จีบปากจีบคอทำเสียงแหลมเล็กไม่ต่างจากผู้หญิง จากนั้นก็ได้เอ่ยบอกเพื่อนรักถึงธุระของตนเอง
“ขวัญข้าวต้องไปรับเพื่อนรักของกัปตันบารอน ที่ชื่อเรนย์ เจรามา ที่สนามบิน เครื่องจะลงราวๆ ห้าโมงเย็น เดี๋ยวระหว่างนี้ขวัญข้าวจะไปนั่งกินข้าวฟรีที่ร้านของคริสตี้นะ”
อีกครั้ง...ที่ขวัญข้าวจงใจเอ่ยเรียกนามสกุลเพื่อนรักของกัปตันบารอนอย่างผิดๆ และเมื่อเอ่ยบอกคริสตี้ไปแล้ว หญิงสาวก็ต้องหัวเราะร่วนด้วยความขบขำ เมื่อเพื่อนสาวได้ร้องกรี๊ดดังลั่น โดยไม่ได้นึกถึงคำเตือนก่อนหน้านี้เลย
“กรี๊ดดด!!!”
แค่ได้ยินคำว่าเพื่อนรักของกัปตันบารอน คริสตี้ก็ร้องกรี๊ดขึ้นมาทันที เพราะมั่นใจว่าผู้ที่ขวัญข้าวจะมารับต้องเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน
“นี่ขวัญข้าว เพื่อนรักของกัปตันหล่อไหม เขามีเมียมาด้วยไหม แล้วเขารวยไหม เดี๋ยวฉันไปรอรับเขาด้วยนะ”
ผู้ที่ถูกเอ่ยถามรัวเร็วเป็นชุด ได้แต่หัวเราะร่วน แต่ไม่ยอมตอบคำถามของเพื่อนสาวที่อยากรู้ใจจะขาด
“เดี๋ยวจะไปตอบคำถามทั้งหมด แลกกับอาหารจีนชุดใหญ่นะคริสตี้”
“นี่หล่อน ตอบสักนิดไม่ได้หรือย่ะ”
ฟากของคริสตี้ที่อยากฟังคำตอบจนตัวสั่น ได้เค้นเสียงต่อว่าขวัญข้าวอย่างโกรธๆ อีกทั้งยังโมโหขวัญข้าวจับใจที่อีกฝ่ายไม่ทิ้งนิสัยเดิม ที่ชอบแกล้งเธอเช่นนี้เป็นประจำ เพราะหากคราใดที่เธออยากรู้เรื่องของบรรดาสุภาพบุรุษสุดหล่อ ขวัญข้าวก็มักจะกั๊กข้อมูลไว้เสมอ กว่าจะง้างปากพูดออกมาได้ ก็ต้องแลกด้วยอาหารชุดใหญ่ ขวัญข้าวจึงจะยอมคายข้อมูลออกมา
ขวัญข้าวหัวเราะร่วน รู้ว่าเพื่อนรักกำลังคลั่งเพราะความอยากรู้เรื่องของผู้ชาย และยิ่งคริสตี้อยากรู้มากเพียงใด เธอก็ยิ่งหมกเม็ดไว้มากเท่านั้น
“ยังไงก็ไม่บอกหรอก หากไม่มีอาหารเหลามาวางอยู่ตรงหน้า ก็จะไม่พูดเด็ดขาด แค่นี้นะคริสตี้ อีกสักชั่วโมงค่อยเจอกัน...บาย”
ด้วยล่วงรู้ว่าเพื่อนสาวจะต้องเอ่ยถาม และต่อว่าอีกชุดใหญ่ ขวัญข้าวจึงรีบกดตัดสายทันทีหลังจากได้เอ่ยพูดจบประโยคแล้ว
“หล่อไหม มีเมียมาด้วยไหม และรวยไหม”
ขวัญข้าวเลียนเสียงทวนคำถามของเพื่อนสาวในก่อนหน้านี้ ก่อนจะหัวเราะร่วน แล้วเอ่ยตอบออกมาราวกับต้องการให้คำตอบของตนเอง ได้ลอยไปตามกระแสลมส่งไปถึงเพื่อนสาว ที่ป่านนี้คงโกรธเธอหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้ว
“ใครจะไปรู้ว่านายเรนย์ เจรามา รวยไหม หล่อไหม มีเมียมาด้วยไหม เพราะขวัญข้าวเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้านายคนนี้เลย”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ...
พอนำรถหรูราคาแพงลิบของกัปตันบารอน ไปจอดในลานจอดรถได้แล้ว ขวัญข้าวก็รีบตรงดิ่งไปหาเพื่อนสาว ที่ร้านอาหารจีนภายในสนามบินทันที
และเมื่อเปิดประตูร้านอาหารจีนสุดหรู ก้าวเดินเข้าไปภายในร้าน ขวัญข้าวก็ต้องหัวเราะก๊ากออกมา เมื่อเห็นเจ้าของร้านได้นั่งหน้าตูม ขึงตาเขียวใส่เธอ โดยตรงหน้านั้นมีอาหารจีนเลิศรสชุดใหญ่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะกลม ราวกับจัดไว้คอยต้อนรับลูกค้าสักสิบคนก็ไม่ปาน
“สวัสดีจ้ะ ยายคริสตี้สุดสวย”
“ไม่สวัสดีด้วยหรอกย่ะ”
ผู้ที่มีกายเป็นชาย ทว่าใจนั้นเป็นหญิงร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้กระแทกเสียงตอบ ราวกับโกรธผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาในร้านของตนเองเป็นหนักหนา จากนั้นก็ได้ก้าวเท้ายาวๆ เดินไปล็อคคอเพื่อนสาวทันที ซึ่งคริสตรี้ทำราวกับขวัญข้าวเป็นเพื่อนชายยังไงยังงั้น
“โอ๊ย! ยายคริสตี้! เบาๆ หน่อยสิ ขวัญข้าวเจ็บเป็นนะ” ขวัญข้าวร้องเสียงโอดครวญ เมื่อถูกเพื่อนรักล็อคคอ แล้วพาเดินไปยังเก้าอี้ที่นั่ง
คริสตี้ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนรักจะเจ็บตามที่ได้ร้องเสียงหลงหรือเปล่า พอจับร่างอรชรของขวัญข้าวให้ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้หนานุ่มแล้ว ก็เริ่มทำหน้าที่ไม่ต่างจากเจ้าหน้าที่สอบสวน เค้นเอาคำตอบจากขวัญข้าวทันที
“ยายขวัญข้าว! ตอบคำถามมาให้หมดเลย...”
“ว่านายเรนย์ เจรามาหล่อไหม มีเมียไหม และก็รวยไหม”
ขวัญข้าวพูดขัดขึ้นมาในคำถามเดิม ที่คริสตี้เคยถามเธอในก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้นคีบเป็ดปักกิ่งอบน้ำผึ้ง ที่แล่เป็นชิ้นบางๆ ส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจสายตาของเพื่อนสาวในคราบชายหนุ่ม ที่ถลึงตาจ้องมองเธอเขม็ง
“ยายขวัญข้าว ฉันอยากรู้เรื่องผู้ชายแล้วนะ เมื่อไรจะคายความลับออกมาสักที” คริสตี้เค้นเสียงต่อว่าเพื่อนอย่างโกรธๆ