บทที่ 4 (2)
“ขอกินหนึ่งอิ่มก่อน แล้วจะตอบคำถามทั้งหมดตามที่คุณคริสตี้ต้องการรู้”
ว่าแล้วขวัญข้าวก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารเหลาบนโต๊ะ ด้วยความตั้งอกตั้งใจ
เรียกว่ากินกับกิน ราวกับหิวโซไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน ไม่ว่าคริสตี้เอ่ยถามอะไร ก็ไม่ตอบแม้แต่คำถามเดียว ตั้งปณิธานว่าหากตนเองไม่อิ้มในยกแรก ก็จะไม่ตอบคำถามของเพื่อนรักเป็นอันขาด
และเมื่อได้บรรลุผลตามที่ตั้งใจแล้ว ขวัญข้าวก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้ พลางถอนหายใจยาวด้วยความสุขใจ กับการได้รับประทานอาหารเลิศรส ซึ่งนอกจากจะอิ่มท้องแล้ว เงินในกระเป๋ายังอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์ด้วย!
“ขวัญข้าวอิ่มแล้ว อยากรู้เรื่องอะไรก็ถามมาสิคุณคริสตี้สุดสวย”
คริสตี้มองค้อนเพื่อนสาวด้วยความโมโห ก่อนจะเริ่มถามเพื่อนสาวในคำถามแรก ที่ตนเองนั้นอยากรู้เป็นที่สุด
“เพื่อนของกัปตันบารอนหล่อไหมขวัญข้าว”
“หล่อมั้ง”
ขวัญข้าวเอ่ยตอบแบบมั่วๆ เพราะจะว่าไปแล้วเธอก็ยังไม่เคยเห็นหน้าของเรนย์ เจรามี่ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทางด้านของคริสตี้ได้แต่ขึงตามองเพื่อนสาวด้วยความขัดใจเล็กน้อย เมื่อคำตอบของขวัญข้าว ไม่ได้ทำให้เธอพึงพอใจสักเท่าไร แต่กระนั้นสาวเทียมที่มีใจรักชายอย่างคริสตี้ ก็หวังว่าคำตอบที่เหลือ ซึ่งจะหลุดออกมาจากปากของขวัญข้าว จะทำให้เธอนั้นพึงพอใจได้กว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้
“แล้วเขามีเมียมาด้วยไหม”
“ไม่มีมั้ง”
“แล้วเขารวยไหม”
“รวยมั้ง”
ไม่ว่าคริสตี้จะถามคำถามไหนออกมา ขวัญข้าวก็เอ่ยตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ไม่เต็มคำนัก จนคริสตี้ชักจะมีน้ำโห อีกทั้งยังเอะใจว่าทำไมเพื่อนสาว ถึงไม่มีข้อมูลของคนที่กำลังจะมารับเลย
“นี่ยายขวัญข้าว ฉันถามจริงๆ เถอะ ว่าเธอเคยเห็นหน้าคุณเรนย์ เจรามา บ้างไหม”
ขวัญข้าวหัวเราะออกมาเบาๆ ชักจะเลือนๆ ไปว่าเพื่อนรักของกัปตันบารอน นั้นมีนามสกุลที่ถูกต้องว่าอย่างไรกันแน่ เพราะเธอเล่นตั้งนามสกุลให้ใหม่ซะจนเพี้ยนไปหมดแล้ว และด้วยมัวแต่หัวเราะเพลินไปหน่อย ทำให้คริสตี้ต้องถลึงตามองด้วยความโมโห ที่เธอไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายสักที
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อระงับเสียงหัวเราะ และเมื่อคริสตี้อยากได้คำตอบ เธอก็จัดให้โดยไม่รอช้า เชื่อว่าหากเพื่อนสาวที่มีใจรักหนุ่มๆ หุ่นล่ำบึกบึน ได้ยินแล้ว คงได้เบิกตาโตอ้าปากค้างเป็นแน่
“จะบอกให้เอาบุญนะคุณคริสตี้สุดสวย ว่าขวัญข้าวไม่เคยเจอหน้านายเรนย์ เจรามา แม้แต่ครั้งเดียว”
“ฮ้า! ยายขวัญข้าว นี่หลอกกินข้าวฟรีอีกแล้วใช่ไหม”
เจ้าของร้านอาหารจีนได้ร้องถามเสียงหลง พอเพื่อนสาวพยักหน้าหงึกๆ รับคำ ก็ได้แต่กลอกตาขึ้นบนอย่างเซ็งจัด ก่อนจะรีบหยิบพัดลายการ์ตูนน่ารัก มาพัดหวีให้กับตัวเอง เมื่ออาการเป็นลมกำลังจะเล่นงานเข้าให้แล้ว
ส่วนขวัญข้าวก็ได้แต่หัวเราะร่วนด้วยความถูกอกถูกใจ ก่อนจะตบลงไปบนบ่าของเพื่อน แล้วเอ่ยปลอบออกมาให้อีกฝ่ายได้คลายความผิดหวังบ้าง
“เอาน่าคริสตี้ เดี๋ยวพอเครื่องบินลงแล้ว เราสองคนไปค้นหาคำตอบนะว่านายเรนย์ เจรามา จะพกพาเมียมาด้วยหรือเปล่า และจะไปดูให้เห็นกับว่า เพื่อนรักของกัปตัน จะหล่อปานเทพบุตรหรือไม่”
17.00 นาฬิกา...
เครื่องบินโดยสายการบินไทย ได้ลงจอดบนรันเวย์เป็นที่เรียบร้อย ตรงตามกำหนดเวลาไม่มีคลาดเคลื่อนแม้แต่นาทีเดียว
เรนย์ เจรามี่ พร้อมด้วยพ่อบ้านคนสนิทอย่างเอ็ดเวิร์ด มาร์ติน ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ตรวจเอกสารเดินทางต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น และเมื่อเดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า เวลาก็ล่วงผ่านไปราวๆ สามสิบนาทีเห็นจะได้
เจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ได้กวาดสายตามองหาคนที่จะมารับตัวเอง ตามที่กัปตันบารอนเพื่อนรักได้บอกไว้ แต่เมื่อหันไปมองรอบๆ บริเวณ ก็ไม่เห็นมีใครสักคน ที่จะชูป้ายที่มีชื่อของเขาติดหราอยู่ เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าเธอหรือเขาเหล่านั้น ได้มารอรับเขากับพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ด
“คุณเรนย์ครับ กัปตันบารอนส่งใครมารับพวกเราหรือครับ”
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดเอ่ยถามผู้เป็นนาย เมื่อได้กวาดสายตาด้วยกริยาเดียวกันกับเจ้านายหนุ่มแล้ว แต่ทว่าก็ไม่เห็นมีใครมาแสดงตัว ว่ามารับพวกเขาตามคำสั่งของกัปตันบารอน
เรนย์ส่ายหน้าปฏิเสธคำถามของพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ด พลางก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือเรือนแพง ซึ่งบ่งบอกว่าเลยเวลานัดหมายมาราวๆ สามสิบนาทีกว่า จวนจะสี่สิบนาทีให้แล้ว ก็ได้ตีอาการหงุดหงิดให้เห็นเล็กน้อย ด้วยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบคนที่ผิดนัด ผิดเวลาสักเท่าไร
“ไม่รู้ว่าคนของบารอนเดินทางมาถึงสนามบินหรือยัง”
ขณะเอ่ยบอกพ่อบ้านวัยเฒ่า เรนย์ก็ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อนรักทันที และพอปลายทางได้กดรับสายก็รีบกรอกเสียงเอ่ยถามรัวเร็ว
“สายันห์สวัสดิ์บารอน เรามาถึงประเทศไทยแล้วนะ แต่ยังไม่เห็นคนที่นายได้ส่งมารับเราเลย”
เรนย์เอ่ยทักทายเพื่อนรัก โดยที่ดวงตาสีฟ้ายังคงกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ที่ได้เดินทางมารอรับลูกหลาน ญาติมิตร เพื่อนสหาย เผื่อว่าในกลุ่มคนกลุ่มนั้น จะมีใครสักคนที่ได้เดินทางมารับเขา แต่ทว่าก็ไม่มีใครเลยสักคนที่จะชูป้ายบ่งบอกให้รู้ว่ามารับเขาตามคำสั่งของกัปตันบารอน
ทางด้านของกัปตันบารอน พอได้ยินเพื่อนรักบอกว่ายังไม่มีใครไปรับ ก็ได้แต่ขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ด้วยเข้าใจว่าคนที่ตนเองส่งไปนั้น ได้เดินทางไปรอรับผู้ที่กำลังโทรมาหาตน อยู่ที่บริเวณฝั่งผู้โดยสารขาเข้าแล้ว
“เราส่งคนไปตั้งแต่บ่ายแล้วนะ เดี๋ยวนายรอสักครู่ เราจะให้ลุกซ์โทรถามก่อน ว่าเธอเดินทางไปถึงสนามบินหรือยัง”
“เธอยังงั้นหรือ?...”
เรนย์เค้นเสียงถามทุ้มลึกแทรกสวนเข้าไป เมื่อได้ยินคำตอบจากเพื่อนรัก แถมน้ำเสียงที่เอ่ยถามออกไปนั้น ก็แฝงไปด้วยความหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย แทนที่กัปตันบารอนจะส่งผู้ชายมารับ กลับส่งผู้หญิงให้มาเป็นสารถีให้กับเขาซะนี่
กัปตันบารอนลอบยิ้ม ขณะจับได้ถึงความไม่พอใจที่เล็ดลอดมากับน้ำเสียงของเรนย์เพื่อนรัก เขาได้พยักพเยิดให้ลุกซ์ได้โทรหาขวัญข้าว เพื่อตรวจสอบดูว่าขวัญข้าวได้เดินทางไปถึงสนามบินหรือยัง
“เรนย์ นายรออีกสักครู่นะ ตอนนี้คนของเราอยู่ที่สนามบินแล้ว อีกไม่เกินสิบนาที เธอก็จะไปรับนายแล้ว”
กัปตันหนุ่มเอ่ยโกหก ทั้งๆ ที่ลุกซ์ติดต่อขวัญข้าวยังไม่ได้เลย แต่กระนั้นเขาก็มั่นใจว่าขวัญข้าวได้เดินทางไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แต่ที่ยังไม่ไปรับเรนย์ ตามที่เขาสั่งไว้ คงเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายกำลังเตร็ดเตร่เดินเล่นอยู่ภายในสนามบินก็อาจเป็นไปได้
“บารอนนายไม่ต้องส่งใครมารับเราก็ได้ เดี๋ยวเรากับเอ็ดเวิร์ด จะเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่เกาะของนายเอง”
เรนย์พยายามบอกเพื่อนรัก อาการอ่อนเพลียจากการเดินทางเริ่มเข้าเล่นงาน จนทำให้รู้สึกหงุดหงิดใจ อยากไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ของเพื่อนรักเร็วๆ แทนที่จะต้องมายืนแกร่วรอคนของกัปตันบารอน ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน
“ไม่ได้ๆ เรนย์ นายอย่าทำลายความตั้งใจของเราสิ เราอยากให้นายได้เดินทางสบายๆ จึงได้ส่งคนไปรับ นายทนรออีกสักนิดนะ เดี๋ยวคนของเราก็ไปถึงแล้ว”
กัปตันหนุ่มตะโกนบอกเสียงหลง พลางลอบหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงเจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ได้บ่นออกมาดังๆ
“เรารอจวนจะครบชั่วโมงแล้วน่ะบารอน”
เรนย์ค้านออกมาด้วยความโมโห แต่หาใช่เพราะโมโหกัปตันบารอนเพื่อนรักไม่ เขากำลังโมโห ‘เธอ’ คนที่เพื่อนรักได้ส่งมารับ และได้ผิดนัดเป็นชั่วโมงๆ ต่างหาก
“เอาน่า...เรนย์ ขอเวลาอีกสิบนาที อีกแค่สิบนาทีเท่านั้นนะเรนย์”
กัปตันบารอนพยายามถ่วงเวลาเพื่อนรัก พร้อมกันนั้นก็ได้จับจ้องมองไปยังต้นหนเรือ ที่นั่งอยู่ไม่ห่าง เพื่อส่งสายตาเป็นคำถามว่าอีกฝ่ายนั้นติดต่อกับขวัญข้าวได้หรือยัง
“โอเค อีกแค่สิบนาทีเท่านั้นนะบารอน!”
เรนย์ย้ำคำ ก่อนจะกดตัดสายทันที สาบานได้ว่าหากเจอ เธอ คนที่มารับตนเองสายเป็นชั่วโมงๆ เมื่อไร จะจับหักคอจิ้มน้ำพริกให้ดู!
“กัปตันบารอนบอกให้พวกเรารอใช่ไหมครับ คุณเรนย์”
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดถามผู้เป็นนาย ที่กำลังเผยอาการหงุดหงิดงุ่นง่านให้เห็นได้อย่างชัดเจน
“ฮื้อ...” เรนย์รับคำในลำคอ ก่อนจะเอ่ยตอบออกมา “บารอนขอร้องให้พวกเรารออีกสิบนาที”
น้ำเสียงที่เอ่ยบอกพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ด ที่ได้ติดสอยห้อยตามมาด้วยนั้นออกจะฟังดูราบเรียบ ทว่าข้างในกายนั้นหาได้สงบนิ่งดั่งเช่นกริยาที่เห็นภายนอกไม่ เพราะตอนนี้เขากำลังโมโหเดือดคนที่ผิดนัด ไม่เห็นความสำคัญของเวลา ที่ล้วนแต่มีค่าในทุกเสี้ยววินาที
“บอกตามตรงเลยนะเอ็ดเวิร์ด ว่าเราไม่อยากให้บารอนส่งคนมารับเราเลย”
“แต่คุณเรนย์ก็ขัดความต้องการของกัปตันไม่ได้ใช่ไหมครับ”
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดเอ่ยต่อท้ายอย่างเข้าใจนิสัยของผู้เป็นเจ้านายดี ว่าไม่เคยขัดใจ ขัดความต้องการของเพื่อนรักคนนี้ได้เลย
“อืม...ถ้าไม่ใช่เพราะบารอนขอร้อง เราไม่อยู่รอพวกที่ชอบผิดนัดเป็นอันขาด”
เรนย์ตอบรับอย่างหัวเสีย ใจจริงนั้นไม่อยากให้เพื่อนรักต้องลำบากลำบน เรื่องส่งคนมารับตัวเขา เพราะจากสนามบินไปยังเกาะส่วนตัวของกัปตันบารอนก็กินระยะทางแค่ไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ซึ่งเขาสามารถเรียกรถจากสนามบินให้ไปส่งได้ แต่เมื่อเพื่อนรักได้ย้ำนักย้ำหนาว่าส่งคนมารับเขาแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องรอคนของกัปตันบารอนอยู่ที่สนามบิน เพื่อไม่ให้เพื่อนรักต้องเสียศรัทธา แต่กระนั้นก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไร เธอ คนนั้นถึงจะโผล่หน้ามารับเขาได้