บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 (2)

ขวัญข้าวทำตาเคลิ้ม เมื่อได้พูดถึงกัปตันบารอน ที่เธอเคารพรักยิ่งนัก และแค่เพียงคิดถึงวันเวลาแห่งความสุขของนันท์นลิน หญิงสาวที่เธอให้ความเคารพนับถือไม่ต่างจากพี่สาว ก็อดที่จะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะรู้ว่ากว่าที่กัปตันบารอนจะได้อยู่กับแก้วตาดวงใจทั้งสองดวงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ก็ต้องสูญเสียเวลาแห่งความสุขไปถึงสองปีเต็ม ส่วนนันท์นลินเองกว่าจะแย้มยิ้มออกมาได้อย่างมีความสุข ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคขวากหนามมากมาย จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด

นันท์นลินคลี่ยิ้มบางๆ ขณะได้ยินคำพูดและเห็นอาการของสาวน้อยขวัญข้าว จากนั้นก็เอ่ยสัพยอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ถ้าขวัญข้าวอิจฉาพี่ ก็ต้องเปิดประตูแง้มออกกว้างๆ ให้หนุ่มๆ ได้เข้ามาจีบขวัญข้าวบ้าง แล้วขวัญข้าวจะได้เจอคนที่รักขวัญข้าวจริง พร้อมที่จะคุกเข่าขอขวัญข้าวแต่งงานในที่สุด”

“ย๊ากกก!!! ค่ะพี่นลิน”

ขวัญข้าวลากเสียงตอบซะยาวเฟื้อย ก่อนจะเอ่ยเท้าความถึงบรรดาคุณอาสุดหล่อแต่ละราย ที่ต่างก็ช่วยกันเข็นเธอลงจากคานทองนิเวศน์ แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จแม้แต่รายเดียว

“อามาร์คกับอาจอห์นนี่ก็เคยพูดทำนองเดียวกันกับพี่นลินนี่แหละค่ะ แถมยังส่งหนุ่มๆ ที่เป็นเพื่อนๆ ของคุณอามาทำความรู้จัก หวังจะให้หนุ่มๆ พวกนั้นสานสัมพันธ์กับขวัญข้าวด้วย”

“แล้วขวัญข้าวได้สานสัมพันธ์อันสวยหรูกับหนุ่มๆ ที่อามาร์คกับอาจอห์นนี่ ได้พามาแนะนำไหม”

คราวนี้เป็นลุกซ์ พาเรลส์ ผู้เป็นต้นหนเรือของกัปตันบารอน และมีศักดิ์เป็นคุณลุงของสาวน้อยขวัญข้าว ที่เป็นผู้ได้เอ่ยถามหลานสาว ทั้งๆ ที่ตัวเขานั้นได้รับคำตอบในเรื่องนี้จากมาร์คและจอห์นนี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กระนั้นก็อยากได้ยินคำตอบจากปากของหลานสาวอีกที ว่าอีกฝ่ายจะตอบว่าอย่างไรบ้าง

ขวัญข้าวยักไหล่ทำปากเบ้ราวกับไม่ใส่ใจบรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลาย ที่ได้ลอยกระเซ็นเข้ามาในชีวิตของเธอ จากนั้นก็ได้เอ่ยตอบผู้เป็นลุง และนันท์นลินด้วยน้ำเสียงปกติราบเรียบ

“ขวัญข้าวก็พยายามจะสานสัมพันธ์ต่อเหมือนกันนะคะลุงลุกซ์ ขวัญข้าวก็เลยชวนพวกเขาคุยเรื่องเรื่อยเปื่อย เพื่อลองดูว่าพวกเขาจะเข้ากับขวัญข้าวได้หรือเปล่า”

“เรื่องเรื่อยเปื่อยที่ว่านะเรื่องไรหรือขวัญข้าว”

น้ำเสียงห้าวทุ้มที่เจือไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งได้เอ่ยถามแทรกสวนขัดจังหวะขึ้นมา เป็นน้ำเสียงของกัปตันบารอน ที่ได้เดินมาทรุดกายลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ กับวงสนทนาของผู้ที่เป็นลูกน้องของตนเอง กัปตันหนุ่มลดริมฝีปากลงไปกดจุมพิตวาบหวามบนเรียวปากอิ่มของนันท์นลินผู้เป็นภรรยาที่รัก พอผละออกแล้วก็ได้ย้ำถามกับสาวน้อยนัยน์ตาดุอย่างขวัญข้าวที่ตนเองนั้นรักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกหลาน

“ว่าไง? ขวัญข้าว เมื่อไรจะตอบล่ะ พวกเราทุกคนกำลังรอฟังคำตอบของขวัญข้าวอยู่นะ”

ขวัญข้าวทำหน้ามุ่ย ตีสีหน้าเซ็งๆ เมื่อมีผู้ร่วมวงสนทนา ที่เตรียมจะสัพยอกเอ่ยแซวเธอเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว และเมื่อไม่อาจเลี่ยงคำตอบได้ เพราะสายตาทุกคู่กำลังจับจ้องมองเธอเขม็ง จึงจำต้องหลุดปากเอ่ยตอบในที่สุด

“ขวัญข้าวก็ชวนหนุ่มๆ พวกนั้นคุยเรื่องทั่วๆ ไปตามปกติที่หนุ่มๆ สาวๆ ควรจะพูดกัน”

“อย่างเช่น?...”

ลุกซ์เลิกคิ้วขึ้นสูงขณะเอ่ยถามนำ พร้อมกันนั้นก็หันไปยักคิ้ว คลี่ยิ้มอย่างรู้กันกับกัปตันหนุ่ม

“ก็อย่างเช่น...”

ขวัญข้าวลากเสียงยาว ก่อนจะเอ่ยออกมาให้ผู้เป็นลุง กัปตันบารอน รวมทั้งนันท์นลินได้หัวเราะร่วนจนน้ำตาเล็ด

“ขวัญข้าวก็ชวนหนุ่มๆ พวกนั้นคุยเรื่องปืน ทั้งปืนสั้นเอ๋ย ปืนยาวเอ๋ย หรือปืนกลมือ ปืนไรเฟิล และอีกสารพัดปืน ที่ขวัญข้าวชอบ สุดท้ายขวัญข้าวก็เอาปืนพกที่มีมานั่งเช็คทำความสะอาดไปด้วย คุยไปด้วย แต่ไม่ทันได้เช็คทำความสะอาดครบทุกกระบอก บรรดาหนุ่มๆ ที่อามาร์ค อาจอห์นนี่ ต่างก็คุยนักคุยหนาว่าดียังงั้น ดียังงี้ ก็พากันโกยแนบออกจากบ้านแทบไม่ทัน”

ขวัญข้าวแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น และไม่ได้ยินว่าบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสามคน ได้พากันหัวเราะร่วนดังลั่นห้องนั่งเล่น จากนั้นก็ทำเป็นถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

“เฮ้อ...แล้วแบบนี้ลุงลุกซ์ พี่นลิน และกัปตันคิดว่าขวัญข้าวจะมีโอกาสได้แต่งงานกับเขาหรือคะ สงสัยได้จองคานทองนิเวศน์ไปจนแก่ตายแน่เลย”

ผู้เป็นลุงได้กลอกตาขึ้นบนอย่างอ่อนอกอ่อนใจ อีกทั้งนึกสงสัยว่าหลานสาวนั้นเอานิสัยห้าวดุ บ้าบิ่น แถมยังชอบอาวุธปืนเข้ากระดูกดำมาจากใคร เพราะจะว่าไปแล้วน้องสาวและน้องเขยของเขา ผู้ที่เป็นพ่อแม่ของขวัญข้าว ไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้เลย

“ขวัญข้าว ลุงคิดว่าขวัญข้าวควรเพลาๆ เรื่องปืนไว้หน่อยนะ ที่มีอยู่ก็สองกระบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วเวลาที่มีหนุ่มๆ มาแจกขนมจีบ ก็ไม่ต้องแจกลูกปืนตอบแทนพวกเขาก็ได้ ไม่งั้นลุงเกรงว่าขวัญข้าวจะได้ห้อยโตงเตงอยู่บนคานทองเหมือนที่ขวัญข้าวได้ออกพูดมา”

ต้นหนเรือวัยเฒ่าได้เอ่ยสอนหลานสาว ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรขวัญข้าวจะโยนนิสัยแก่นแก้วทิ้งลงทะเลไป และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขวัญข้าวได้ไล่บรรดาหนุ่มๆ ด้วยวิธีนี้

ผู้เป็นหลานสาวที่มีนิสัยกระโดกกระเดก หาได้เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้เป็นลุงไม่ หญิงสาวยักไหล่ราวกับไม่ยีระ ก่อนจะลอยหน้าลอยตาตอบออกมา

“เรื่องอะไรขวัญข้าวจะเพลาๆ ล่ะคะ ก็ขวัญข้าวชอบของขวัญข้าวแบบนี้ ถ้าใครจะมาสู่ขอขวัญข้าวไปแต่งงาน ไปเป็นศรีภรรยา เขาก็ต้องใจกล้าหน่อย และที่ลุงลุกซ์พูดว่าขวัญข้าวมีปืนสองกระบอกนะผิดไปแล้วค่ะ เพราะว่าขวัญข้าวกำลังจะได้ปืนพกเพิ่มมาอีกสองกระบอก”

“ฮ้า! ขวัญข้าว! เอาเงินมาจากไหนไปซื้อปืนทีละสองกระบอก”

ลุกซ์เบิกตาโตถามเสียงหลง คำนวณราคาปืนอยู่ในหัวสมองแล้วก็ได้แต่เบิกตาโตเท่าไข่ห่าน เพราะรู้ว่าหลานสาวนั้นชอบปืนพกแบบเก็บเสียงเสียด้วย ซึ่งราคาปืนพวกนี้ค่อนข้างแพงเอาการ แล้วหลานสาวตัวแสบบอกว่าจะซื้อปืนมาไว้ในครอบครองอีกสองกระบอก คำนวณราคาแล้วก็ปาไปหลายแสนเลยทีเดียว

ขวัญข้าวคลี่ยิ้มแป้น หันไปมองกัปตันบารอนที่ได้แย้มยิ้มบางๆ ให้กับเธออย่างรู้กัน จากนั้นก็ได้หันไปเอ่ยบอกให้ผู้เป็นลุง ได้รับรู้ว่าเธอจะได้ปืนอีกสองกระบอกมาจากใคร

“ขวัญข้าวไม่ได้เสียเงินซื้อสักบาท คุณลุงจำไม่ได้หรือคะที่กัปตันบอกว่าจะซื้อปืนให้ขวัญข้าว เป็นของขวัญที่ขวัญข้าวเรียนจบปริญญา และได้เกียรตินิยมด้วย ขวัญข้าวไม่ได้ขอมากเลยนะคะ แค่ขอเป็นปืนแบบเก็บเสียง เอาแบบที่ดีที่สุด และเบามือที่สุด เหมาะสำหรับสุภาพสตรีตัวเล็กๆ ที่แสนอ่อนแอเหมือนขวัญข้าว”

“ขวัญข้าว ทำไมถึงไปรบกวนกัปตันแบบนั้นล่ะ”

ลุกซ์เอ็ดหลานสาวเบาๆ แต่ไม่ทันได้เอ่ยพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงกัปตันหนุ่มได้เอ่ยให้ท้ายขวัญข้าว ทำเอาเขาต้องลอบถอนหายใจยาว เมื่อไม่สามารถเอ็ดหลานสาวได้อีก

“ไม่เป็นไรหรอกลุกซ์ เราสัญญากับขวัญข้าวแล้วว่าจะซื้อให้เป็นของขวัญ และเราก็สั่งซื้อไปแล้วด้วย ทางบริษัทผลิตปืนที่อเมริกาก็ส่งมาให้แล้ว คงมาถึงเร็วๆ นี้แหละ”

คำตอบของกัปตันบารอน ช่วยเรียกรอยยิ้มแป้นได้จากใบหน้ารูปไข่งดงามของขวัญข้าว ซึ่งเจ้าตัวได้คลานเข่าไปนั่งอยู่ใกล้ๆ กับกัปตันผู้องอาจแถมยังใจดีเป็นที่หนึ่ง จากนั้นก็บรรจงยกมือไหว้ขอบคุณอย่างสวยงาม โดยไม่ลืมเปล่งวาจาออกมาด้วย

“ขอบคุณกัปตันมากๆ เลยนะคะ ที่มอบของขวัญสุดวิเศษให้กับขวัญข้าว”

กัปตันบารอนคลี่ยิ้มบางๆ พลางหันไปยักคิ้วให้กับนันท์นลินผู้เป็นภรรยาอย่างรู้กัน จากนั้นก็ได้เอ่ยถามสาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้าตนเอง

“ขวัญข้าว พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า”

ผู้ที่ถูกเอ่ยถามได้ตีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบออกมา “ถ้าไม่นับหน้าที่ในการอยู่ดูแล พาเล่นและก็เอ่อ...แกล้งคุณหนูอารอนในบางครั้งบางครา ขวัญข้าวก็ว่างตลอดทั้งวันตามประสาคนว่างงานนะคะ”

สาวน้อยจอมแก่น ไม่รู้เลยว่าคำตอบของเธอกำลังเข้าทางของกัปตันบารอนและนันท์นลิน ที่กำลังทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักให้กับขวัญข้าวและเพื่อนรักของตนเอง เพราะเกรงว่าสองคนนี้จะแข่งกันเป็นโสดไปจนวันตาย จึงต้องรีบจับทั้งสองคนให้โคจรมาพบกันโดยเร็ววัน

“ขวัญข้าวไม่ต้องเป็นห่วงอารอนหรอก พี่ดูอารอนได้ อีกอย่างมีบรรดาคุณลุง คุณน้าอีกเป็นสิบ ที่รอคิวมาพากัปตันน้อยไปเล่นด้วย”

นันท์นลินเอ่ยบอกยิ้มๆ กัปตันน้อยอารอน ดี ทีสต์ นอกจากจะเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่แล้ว กัปตันน้อยยังเป็นที่รัก เป็นดั่งดวงแก้วของลูกเรือเดอะ รอยัล อาดามัส ด้วย เรียกว่าลูกเรือทุกคนทั้งรักทั้งหลงกัปตันน้อย ทุกคนพร้อมที่จะเลี้ยงดู พร้อมที่จะปกป้อง ไม่ให้ภยันตรายใดๆ ได้มาแผ้วพานในตัวของกัปตันน้อยอารอน ดี ทีสต์

ขวัญข้าวทำหน้ายุ่ง ขมวดคิ้วเข้าหากัน หันไปมองนันท์นลินที มองกัปตันบารอนที ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกมา

“กัปตันมีงานให้ขวัญข้าวทำหรือเปล่าคะ”

“อืม...พรุ่งนี้เพื่อนรักของกัปตันจะเดินทางมาถึงประเทศไทย กัปตันอยากไหว้วานให้ขวัญข้าวไปรับเรนย์ เจรามี่ ที่สนามบิน”

กัปตันบารอนเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ พอหันไปมองต้นหนเรือวัยเฒ่า ที่ได้มองมาทางเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกให้รู้ว่าไม่เห็นด้วยสักเท่าไร กับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ และเมื่อลุกซ์ทำท่าจะอ้าปากเอ่ยค้าน ก็ขึงตาจ้องมองเขม็งเป็นการห้าม ไม่ให้ต้นหนเรือได้พูดอะไรออกมา

‘เฉยไว้ลุกซ์ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง’

เจ้าของเรือสำราญเดอะ รอยัล อาดามัส คิดว่าหากมีโอกาสได้อยู่กันตามลำพักับต้นหนเรือผู้เป็นลุงของขวัญข้าว เขาจะเอ่ยบอกกับอีกฝ่ายเช่นนี้ และที่ขาดไม่ได้เขาจะบอกลุกซ์ว่าที่เขาทำเช่นนี้ ก็เพราะรักและหวังดีในตัวขวัญข้าว เด็กสาวที่เขาเอ็นดูไม่ต่างจากลูกหลาน

“เพื่อนรักของกัปตันจะมาถึงเมื่อไรคะ”

ขวัญข้าวเอ่ยถาม ยังไม่รับปากกัปตันบารอน ว่าตนเองจะไปทำงานนี้ให้กัปตันหรือเปล่า

“เครื่องบินลงตอนห้าโมงเย็น ขวัญข้าวไปรอรับที่สนามบินสุวรรณภูมินะ กัปตันบอกเรนย์ไว้แล้วว่าขวัญข้าวจะไปรับเขาถึงที่สนามบิน”

กัปตันบารอนบอกเวลาที่เครื่องบินจะลงจอดที่รันเวย์ ตามกำหนดเวลาที่ตนเองได้รับจากเรนย์ ซึ่งอีกฝ่ายได้โทรมาบอกให้ทราบก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน อีกทั้งยังย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ต้องส่งคนมารับ เดี๋ยวจะเรียกรถจากสนามบินให้มาส่งที่เกาะส่วนตัวของเขาเอง

แต่...ทำไมเขาจะต้องเชื่อฟังเรนย์ เจรามี่ ด้วย ยิ่งอีกฝ่ายไม่ให้ไปรับ เขาก็ยิ่งอยากส่งสารถีสาวจอมแก่นแก้วให้ไปรับถึงสนามบิน!

ขวัญข้าวทำหน้ามุ่ย เมื่อได้ยินระยะเวลาที่กัปตันได้เอ่ยออกมา “เครื่องมาถึงห้าโมงเย็น ก็ต้องออกจากเกาะตั้งแต่บ่ายสอง กว่าจะไปถึง กว่าจะได้รับเพื่อนรักของกัปตันกลับเกาะ ก็ปาไปเกือบหนึ่งวัน เฮ้อ...งานนี้ขวัญข้าวก็ไม่ได้แกล้งกัปตันน้อยตั้งหลายชั่วโมง”

เจ้าของนัยน์ตากลมโตแสร้งบ่นกับตัวเอง มากกว่าจะบ่นกับกัปตันบารอน แต่กระนั้นน้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ได้เบาเสียงเลยแม้แต่นิดเดียว เรียกว่าลูกเรือหลายสิบคน ที่กำลังจัดสถานที่แต่งงานอยู่ด้านนอกคฤหาสน์ ยังได้ยินเสียงบ่นของขวัญข้าวเลย

“เอาน่าขวัญข้าว...แค่วันเดียวเท่านั้นเอง อีกอย่างขวัญข้าวไม่ต้องออกไปตั้งแต่บ่ายสองโมงก็ได้ ระดับขวัญข้าวเคยเหยียบคันเร่งรถ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาแล้ว ออกจากเกาะสักสี่โมงเย็นก็ยังไปทันเลย”

ขวัญข้าวตีหน้ามุ่ย ทำตัวลีบทันที เมื่อกัปตันบารอนได้เผยความลับ ที่ตนเองนั้นอุตส่าห์ปกปิดไว้เสียนาน เพื่อไม่ให้ผู้เป็นลุงได้รับรู้ และนาทีต่อมาก็ต้องทำตัวลีบยิ่งกว่า

เดิม พร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ เมื่อถูกผู้เป็นลุงเค้นเสียงเรียกเสียงดังจนถึงกับสะดุ้งโหยง

“ขวัญข้าว!!!”

ผู้เป็นลุงได้ถลึงตาเขม็ง เค้นเสียงเรียกชื่อหลานสาวด้วยความโมโห เมื่อได้ล่วงรู้ความลับว่าหลานกำลังเป็นพวกตีนผี! เหยียบคันเร่งเสียเกือบมิดเท้า

“กัปตันคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ขวัญข้าวไปรับคุณเรนย์ให้นะคะ แต่ตอนนี้ขวัญข้าวขอตัวก่อนนะคะ”

ขวัญข้าวเอ่ยบอกรัวเร็วแทบไม่ได้หายใจ พร้อมกันนั้นก็กระโจนออกจากห้องนั่งเล่นแทบจะทันที เมื่อได้ยินเสียงห้าวดุห้วนจัดของผู้เป็นลุง ได้เค้นเสียงลอดไรฟันเรียกชื่อของตนอีกครั้ง

“ขวัญข้าว! จะไปไหนมาให้ลุงซักฟอกก่อน”

ลุกซ์ตะโกนไล่หลังตามหลานสาวจอมแก่นแก้ว ที่ได้วิ่งแนบเผ่นหนีออกไปจากคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว เมื่อจำเลยไม่อยู่ให้ซักฟอกแล้ว เขาก็ได้หันมามองผู้เป็นเจ้านาย ที่ได้หัวเราะร่วนผสมโรงกับเสียงหัวเราะของผู้เป็นภรรยา จากนั้นก็ได้เอ่ยถามถึงเรื่องที่ตนเองนั้นยังแคลงใจอยู่

“กัปตันจะจับคู่ขวัญข้าวกับคุณเรนย์จริงหรือครับ”

กัปตันบารอนพยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขยายความต่อ “จริงสิลุกซ์ เราจะหาเจ้าสาวให้เรนย์...เรนย์จะได้แต่งงานมีครอบครัวเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ สักที”

ลุกซ์ถอนหายใจยาว ราวกับไม่เห็นด้วยสักเท่าไร และก็อดไม่ได้ที่จะเผยความในใจออกมาให้ผู้เป็นเจ้านายได้รับรู้

“ผมเกรงว่าสองคนนี้จะไปด้วยกันไม่รอดนะสิครับกัปตัน คนของเรานะแสบใช่ย่อยซะที่ไหน กัปตันก็รู้นี้ครับ”

“เชื่อเราเถอะลุกซ์ ขวัญข้าว พาเรลส์กับเรนย์ เจรามี่ เป็นมวยที่ถูกคู่แล้ว”

กัปตันบารอนหัวเราะร่วนเสียงดัง ขณะเอ่ยบอกด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งยวด เขารู้ว่าเพื่อนรักไม่ชอบหญิงสาวที่แก่นแก้วดีดกะโหลกเหมือนที่ขวัญข้าวเป็นอยู่ ยิ่งเรนย์ไม่ชอบคนแบบขวัญข้าว เขาก็ยิ่งอยากจับให้คนทั้งสองได้โคจรมาพบกัน และเขาจะทำทุกวิถีทางให้เรนย์ เจรามี่ เจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ได้ร่วมหอลงโรงกับขวัญข้าวให้จงได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel