บทที่ 1 (2)
ครัว มีลูกกันจนหมดแล้ว ยังคงเหลือเขาแค่เพียงคนเดียว ที่หาเจ้าสาวไม่เจอสักที
“ก็มันเรื่องจริงนี่ครับคุณเรนย์ วันนี้ก็มีการ์ดแต่งงานส่งมาถึงคุณเรนย์อีกห้าใบ ไม่นับรวมของเมื่อวานอีกสองใบ ผมว่าเฉพาะสัปดาห์นี้ คุณเรนย์ได้รับการ์แต่งงานเกือบสิบใบแล้วนะครับ”
ขณะบ่นอุบเพราะอยากให้เจ้านายหนุ่มได้เป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนกันคนอื่นๆ บ้าง พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดก็ได้ยื่นถาดเงินซึ่งมีซองจดหมาย ซองเอกสารต่างๆ รวมถึงการ์ดแต่งงานที่ว่า ให้เจ้านายหนุ่มได้หยิบไปดูด้วย
เรนย์เหลือบสายตามองการ์ดแต่งงาน ที่วางอยู่บนถาดเงินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบการ์ดแต่งงานที่ว่ามาถือไว้ในมือ พร้อมกันนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหันไปเอ่ยถามพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดด้วยความพิศวงสงสัย
“เอ็ดเวิร์ด ทำไมบรรดาเพื่อนๆ ของเราถึงได้หาเจ้าสาวได้ง่ายนัก เดี๋ยวคนโน้นก็ส่งการ์ดเชิญมาให้ เดี๋ยวคนนี้ก็โทรมาเชิญให้ไปร่วมงานแต่งงาน พวกเขาไปเดินแถวไหนกันนะ ถึงได้เจอเจ้าสาวกันเป็นว่าเล่น”
“ทำไมหรือครับ คุณเรนย์จะไปเดินบ้างหรือครับ”
“ก็เออสิ...เผื่อว่าเราไปเดินแถวนั้นแล้วจะได้เจอเจ้าสาวของเราบ้าง” เรนย์เอ่ยตอบทันควันแกมประชดประชันพร้อมกันนั้นก็ได้เอ่ยถามพ่อบ้านวัยดึกต่อ
“เอ็ดเวิร์ด นายว่าเราจะเจอเจ้าสาวในเร็วๆ วันนี้ไหม”
“ก็น่าจะเจอนะครับ หากคุณเรนย์ทำตัวให้ว่าง ให้บรรดาสาวๆ ได้ย่างกรายเข้ามาในชีวิตของคุณเรนย์บ้าง และก็เพลาๆ เรื่องการทำงานลงสักหน่อย ผมเชื่อว่ายังไงก็คงเจอเข้าสักวัน แต่เจอเร็วหน่อยก็ดีนะครับ เพราะผมอยากเลี้ยงคุณหนูตัวเล็กๆ แล้ว”
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์รดเอ่ยตอบเสียยืดยาว อยากจะบอกผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ตามตรงว่าหากลดชั่วโมงในการทำงานให้เหลือสัก 7-8 ชั่วโมงเหมือนคนอื่นๆ และหากเจ้านายเลิกทำตัวเป็นฤาษีเฝ้าถ้ำ เขาคิดว่าป่านนี้คฤหาสน์หลังโตโอ่อ่าหลังนี้ คงมีเรนย์จูเนียร์วิ่งเล่นสักโขยงได้แล้วล่ะมั้ง
ผู้เป็นเจ้านายได้แต่ถอนหายใจลึก เมื่อได้ยินคำบ่นของพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ด ก่อนจะเอ่ยตอบตามความเป็นจริงที่เขาเองก็อยากจะทำอย่างที่พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดแนะนำบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้สักที
“เราก็อยากลดเวลาการทำงานเหมือนที่นายบอกเรานะ แต่งานที่วางสุมเป็นกองอยู่บนโต๊ะ ทำให้เราตัดใจไม่ทำไม่ได้ เราไม่ชอบทำตัวเป็นพวกดินพอกหางหมู พลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ เมื่อมีงานมาให้เราสะสาง เราก็ต้องจัดการให้เสร็จสิ้นในเวลานั้น”
“เฮ้อ...ก็เพราะแบบนี้ยังไงล่ะครับ คุณเรนย์ถึงไม่มีเจ้าสาวกับเขาสักที”
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวๆ และต่อว่าผู้เป็นเจ้านายอีกครั้ง เห็นท่าว่าความต้องการของเขาคงจะเป็นหมันแน่แท้ เขาคงเข้าไปนอนอยู่ในหลุมฝังศพอันเย็นยะเยือก โดยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าน่ารักๆ ของบรรดาคุณหนูเรนย์จูเนียร์
“ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม เคยได้ยินไหมเอ็ดเวิร์ด”
ผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้า ได้เอ่ยบอกยิ้มๆ พร้อมกันนั้นก็เริ่มหยิบการ์ดเชิญแต่งงาน ออกมาเปิดดูในแต่ละใบ ว่าบรรดาเพื่อนๆ คนใดที่กำลังจะเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์
“ถ้าช้าเกินไปผมกลัวว่าจะถูกสุนัขคาบไปรับประทานหมดนะสิครับ”
แม้รู้ว่าเป็นคำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงไปหน่อย แต่มันก็เป็นจริงอย่างที่พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดได้พูดออกมา เพราะหญิงสาวที่แสนดีมีคุณสมบัติเพียบพร้อม พอที่จะเป็นคุณนายของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ได้หลุดมือไปหมดแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าเจ้านายของเขาได้สานสัมพันธ์อยู่กับพวกเธอแค่พักใหญ่ๆ จากนั้นก็จะหยุดสานสัมพันธ์เสียดื้อๆ และเมื่อสาวเจ้าขี้เกียจรอฤาษีเฝ้าถ้ำอย่างเรนย์ เจรามี่ พวกเธอก็ต้องหันไปคบหรือแต่งงานกับคนที่พร้อมและรักพวกเธอ แทนที่จะมานั่งจับเจ่ารอคอยอย่างลมๆ แล้งๆ ว่าเมื่อไรเจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ จะสานสัมพันธ์กับพวกเธอต่อ จนถึงขั้นร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยกัน
เรนย์ส่งสายตาขุ่นๆ ให้พ่อบ้านเฒ่า ขณะได้ยินคำบ่นแกมต่อว่าที่อีกฝ่ายได้ว่าตนเอง จากนั้นก็ได้เอ่ยแก้ตัวด้วยการบอกถึงคุณสมบัติของเจ้าสาว ที่ตนเองวาดวางไว้เสียเลิศเลอเพอเฟคให้พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดได้ฟัง
“ที่ช้าก็เพราะว่าเราอยากเลือกเฟ้นเจ้าสาวที่เพอร์เฟคที่สุด คนที่จะมานายหญิงของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ต้องสวย สง่า ไม่ต่างจากนางพญา การศึกษาก็ต้องจบอย่างน้อยๆ ระดับปริญญาโท เป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว การบ้านการเรือนต้องเพียบพร้อม เสน่ห์ปลายจวักก็ต้องเป็นหนึ่งไม่มีสองรองใคร ถ้าหากเจอหญิงสาวที่ว่าเมื่อไร เราจะคุกเข่าขอเธอแต่งงานทันที”
พอได้ยินคำตอบของผู้เป็นนาย พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดก็ได้แต่กลอกตาขึ้นบนอย่างเซ็งจัด ก่อนจะเอ่ยพูดแกมประชดออกมาตามตรง โดยไม่กลัวว่าผู้เป็นเจ้านายจะถือโทษโกรธเอา
“ยากสิยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร คุณสมบัติเลิศเลอเพอร์เฟค เสียยิ่งกว่านางงามจักรวาล ผมคิดว่าคุณเรนย์คงได้เจอเข้าสักวันหรอกนะครับ”
“เอาน่าเอ็ดเวิร์ด สักวันเราคงได้เจอสาวเจ้าที่ว่า และสักวันเราคงได้มีโอกาสแจกการ์ดแต่งงานให้กับบรรดาเพื่อนๆ ของเราบ้าง”
เรนย์เอ่ยตอบยิ้มๆ พลางเก็บการ์ดใบแรกและใบที่สองไว้บนถาดเงินตามเดิม จากนั้นก็หยิบการ์ดใบที่เหลือมาถือไว้ในมือ เพื่อเปิดดูว่าเพื่อนคนไหนที่กำลังจะแต่งงานและแต่งในวันใด เขาจะได้จัดตารางการไปร่วงงานแต่งงานได้อย่างถูกต้อง
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดอยากจะบอกเจ้าของคฤหาสน์หลังงามเหลือเกินว่า คงไม่มีหญิงใดในโลก ที่จะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เจ้านายหนุ่มได้เอ่ยบอกมา ต่อให้หาทั้งชาตินี้และชาติหน้า ก็คงไม่มีทางเจออย่างแน่นอน
“คุณเรนย์ครับ แล้วถ้าเกิดว่าไม่เจอหญิงสาวที่ว่าเอาเลยสักราย คุณเรนย์ไม่นึกสนใจหรืออยากได้สาวน้อยที่แก่นแก้ว ห้าวๆ ดุๆ บ้างหรือครับ ผมว่าผู้หญิงแบบนี้ถึงจะเหมากับฤาษีเฝ้าถ้ำอย่างเจ้านาย”
คราวนี้เรนย์ได้ตีสีหน้าบึ้งตึง ขึงตาเขียวปั้ดใส่ผู้เป็นพ่อบ้านคนเก่าคนแก่ที่อยู่กับตนเองมาช้านาน ด้วยไม่ชอบใจสักเท่าไร ที่พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดได้พูดถึงคุณสมบัติของบรรดาสาวๆ ที่เขานั้นไม่ชอบเอาเสียเลย หรือถ้าหากจะเรียกว่าเกลียดก็คงไม่ผิดเช่นเดียวกัน
“อย่าได้พูดถึงสาวๆ พวกนั้นเป็นอันขาดนะเอ็ดเวิร์ด นายก็รู้ว่าเราเกลียดผู้หญิงที่มีคุณสมบัติอย่างที่นายได้พูดมา หากเราไม่เจอหญิงสาวตามคุณบัติที่เราต้องการ เราก็ขออยู่เป็นโสดไปจนวันตายนั่นแหละ”
“ระวังเถอะครับเจ้านาย สุภาษิตเขาว่าไว้ เกลียดอย่างไรก็ได้อย่างนั้น เกลียดสาวแก่นแก้วเข้ากระดูกดำ ก็อาจจะได้สาวน้อยห้าวดุ พยศเป็นที่หนึ่งมาเป็นศรีภรรยา”
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดเอ่ยพูดยิ้มๆ ชักอยากจะให้สาวที่ว่า ได้กลายมาเป็นเจ้าหัวใจของเรนย์ เจรามี่ ซะแล้ว ถึงตอนนั้นคงสนุกไม่หยอก ที่ได้เห็นเจ้านายหนุ่มคอยวิ่งปราบพยศแม่สาวน้อยแก่นแก้วจนลิ้นห้อย!
เรนย์ยักไหล่ยียวนทำราวกับไม่ได้ยินคำสบประมาทของผู้เป็นพ่อบ้าน จากนั้นก็ได้เอ่ยตอบกลับมาอย่างทะนงตนยิ่งนัก
“ไม่มีทางหรอกเอ็ดเวิร์ด ยังไงๆ เราก็ไม่ยอมคว้าแม่สาวพวกนั้น มาเป็นเมียเป็นอันขาด”
“แล้วผมจะคอยดูนะคะรับคุณเรนย์”
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดสวนกลับทันควัน ตอนนี้รู้สึกว่าตนเองแทบจะทนรอเวลาที่ว่าไม่ไหว อยากรู้ว่าเจ้านายหนุ่มจะทำหน้าอย่างไร เมื่อต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่เขาบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา
“คอยไปเถอะเอ็ดเวิร์ด คอยไปอีกทั้งชาติ นายก็ไม่ได้เห็นเราแต่งงานกับสาวแก่นแก้วหรอก”
เรนย์ต่อว่าพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ด โดยไม่ได้สนใจหันไปมองอีกฝ่าย เขายังคงมองดูการ์ดแต่งงานที่ทำขึ้นอย่างวิจิตรหรูหราที่ถูกส่งมาหาตนเอง จวบจนกระทั่งเห็นการ์ดใบสุดท้าย ที่ถูกทำขึ้นอย่างเรียบๆ ทว่าดูหรู สะกิดใจเข้าเป็นที่สุด ด้วยมันถูกทำขึ้นจากกระดาษมัน มีสีเดียวกันกับท้องทะเลสีคราม ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรจากคฤหาสน์ของเขา
ชายหนุ่มรีบเปิดการ์ดใบดังกล่าวออกดูทันที พอได้เห็นตัวอักษรสีทองที่พิมพ์ไว้อย่างสวยงาม แถมยังมีภาพของเรือ The Royal Adamas (เดอะรอยัล อาดามัส) ของผู้เป็นเจ้าบ่าวประกอบอยู่ด้วย ก็ถึงกับเบิกตาโต ต้องกวาดสายตามองซ้ำราวกับไม่เชื่อสายตา ก่อนจะเอ่ยบอกพ่อบ้านวัยดึกด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นยิ่งนัก
“เอ็ดเวิร์ด บารอนกำลังจะแต่งงาน”
พ่อบ้านเฒ่ามีสีหน้าตื่นเต้นไม่ต่างจากผู้เป็นนาย หากแม้เจ้านายของตนนั้นรู้จักและสนิทสนมกับกัปตันบารอน ดี ทีสต์ มากเพียงใด เขาเองก็รู้จักกัปตันบารอน เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน และเมื่อได้ยินผู้เป็นนายบอกว่ากัปตันหนุ่มผู้อาจหาญกำลังจะแต่งงาน ก็พลอยตื่นเต้นและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจ้าสาวของกัปตันบารอน จะเป็นหญิงสาวคนเดียวกันที่เขาได้ไปส่งขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยเมื่อสองปีก่อน
“จริงหรือครับ ผมขอดูการ์ดแต่งงานหน่อยครับ ผมอยากรู้ว่ากัปตันบารอนแต่งงานกับใคร”
“คุณนันท์นลิน บารอนกำลังจะแต่งงานกับคุณนันท์นลิน”
เรนย์ยื่นการ์ดแต่งงานให้กับพ่อบ้าน ขณะได้เอ่ยตอบออกไป เขารู้สึกมึนงงระคนแปลกใจว่าจู่ๆ ทำไมกัปตันบารอนเพื่อนรัก ถึงได้แต่งงานกับนันท์นลิน หลังจากที่กัปตันบารอนได้ไล่นันท์นลินลงจากเรือเดอะ รอยัล อาดามัส และยังให้เขาเป็นธุระเรื่องส่งหญิงสาวกลับประเทศไทยด้วย
พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดรับการ์ดแต่งงานมาจากเจ้านาย ก่อนจะกวาดสายตามองชื่อของเจ้าสาวเป็นอันดับแรก พอได้เห็นตัวอักษรสีทองบอกชื่อของเจ้าสาว ซึ่งเป็นเช่นดั่งที่เจ้านายได้เอ่ยบอกเมื่อสักครู่ ก็ถึงกับแย้มยิ้มกว้างด้วยความดีใจไม่แพ้กัน
“กัปตันบารอนกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับคุณนันท์นลินจริงๆ ด้วยครับ”
“เรางงไปหมดแล้วเอ็ดเวิร์ด ทำไมจู่ๆ สองคนนั้นถึงได้โคจรมาพบกัน หลังจากที่พรากจากกันถึงสองปีเต็ม”
เรนย์พึมพำเอ่ยถาม พร้อมกันหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เตรียมจะกดโทรหาเพื่อนรัก แต่ปลายนิ้วยาวแข็งแกร่ง ที่กำลังจิ้มลงไปบนตัวเลข มีอันต้องชะงักไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดได้ลอยมากระทบโสตประสาท
“กัปตันอารอน ดี ทีสต์ ขอเชิญร่วมเป็นสักขีพยาน ในพิธีมงคงสมรสระหว่างกัปตันบารอน ดี ทีสต์ และนันท์นลิน ดี ทีสต์” พ่อบ้านเอ็ดเวิร์ดเงยหน้าขึ้นจากการ์ดสวยหรู จากนั้นก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยเหลือกำลัง
“คุณเรนย์ครับ กัปตันอารอน ดี ทีสต์นี่คือใคร แล้วทำไมคุณนันท์นลินถึงได้ใช้นามสกุลของกัปตันบารอน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานกันล่ะครับ”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกันเอ็ดเวิร์ด ตอนนี้เรางงไปหมดแล้ว คนที่จะตอบคำถามของนายและเราได้ดีที่สุด คงเป็น
บารอนเพียงคนเดียวเท่านั้น”
ว่าแล้วก็เตรียมกดโทรศัพท์ข้ามทวีปไปหาเพื่อนรัก เพื่อนตายของตนเอง แต่ไม่ทันได้จิ้มนิ้วลงไปบนโทรศัพท์ ผู้ที่ถูกพาดพิงถึงราวกับเป็นนกรู้ว่ามีคนกำลังพูดถึงตนเอง เพราะเสียงโทรศัพท์ในมือของเจ้าของคฤหาสน์เดอะ บลู เฮ้าส์ ได้กรีดเสียงดังขึ้น และแน่นอนว่าผู้ที่โทรมาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกัปตันบารอน ดี ทีสต์...