บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

“เอริณ!”

เมื่อหมดความอดทนแถมอับอายกับความเสียมารยาทของลูกสาว ผู้เป็นบิดาก็ตวาดลั่นยกมือตบลงบนใบหน้าของลูกสาวเต็มแรงด้วยความลืมตัว

เผียะ!!!

“คุณพ่อ! คุณพ่อตบหน้าเอริณ!”

เอริณเค้นเสียงห้วนดวงตาแดงก่ำด้วยความเสียใจระคนโกรธเคือง ยกมือกุมใบหน้าตัวเองขณะจ้องมองบิดาเขม็ง

“ใช่! พ่อจะตีเอริณมากกว่านี้หากยังทำให้พ่อกับแม่ขายขี้หน้าคนอื่นอยู่” ผู้เป็นพ่อตอบอย่างเหลืออด ทนไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวไร้มารยาทกับญาติผู้ใหญ่ที่เชิญมา

“คุณพ่อ!”

เอริณเค้นเสียงลึกลอดไรฟัน และนาทีต่อมาทุกคนในงานเลี้ยงก็มีอันต้องกระเจิง หนีออกจากบริเวณงานเลี้ยงแทบไม่ทัน เมื่อเอริณอาละวาดไม่เลือกหน้าคว้าทุกสิ่งทุกอย่างที่หยิบฉวยได้ขว้างใส่ผู้คนที่อยู่ใกล้

“กรี๊ด!!! ออกไป ออกไปให้หมด”

“เอริณ...หยุดเดี๋ยวนี้นะลูก”

พอเห็นลูกสาวอาละวาด ทั้งโยนแก้ว ขว้างขวดไวน์ คว้าอาหารขว้างใส่แขก แถมยังทึ้งเส้นผมตัวเองจนยุ่งเหยิงไม่ต่างจากคนบ้า อรสุดาก็รีบเข้าไปห้ามลูกสาวไว้

และจังหวะที่เข้าไปใกล้นั้น เอริณก็ขว้างแก้วไวน์ออกมากระแทกโดนหน้าผากของมารดาเข้าอย่างจังจนแก้วไวน์แตกบาดหน้าผากเลือดอาบทันที

“โอ๊ยยย...”

ผู้เป็นมารดาร้องครางด้วยความเจ็บปวด ยกมือกุมหน้าผากกดห้ามเลือดพร้อมกับทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหญ้า

“อร...” ปวินทร์รีบเข้าไปประคองร่างของภรรยา ซึ่งร้องครวญด้วยความเจ็บปวด “อร...เป็นยังไงบ้าง มีเลือดไหลออกมาด้วย ขอผมดูแผลหน่อย”

“อร...อรไม่เป็นไรค่ะ คุณวินดูลูกก่อน เอริณเป็นยังไงบ้างคะ”

ขณะเอ่ยบอกสามี อรสุดาก็พยายามจะลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองหาลูกหัวแก้วหัวแหวนด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วงเอริณ ลูกไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่จะพาอรไปหาหมอก่อน เลือดไหลไม่หยุดเลย” ผู้เป็นสามีเอ่ยบอกเสียงเป็นกังวล แล้วประคองร่างบางของภรรยาให้ลุกขึ้นยืน

แทนที่จะทำตามคำบอกของสามี อรสุดากลับส่ายหน้าปฏิเสธ เป็นห่วงลูกสาวมากกว่าอาการบาดเจ็บของตนเอง

“อรอยากไปดูลูกก่อนค่ะ”

“ไปหาหมอก่อน...อร”

ปวินทร์ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น พอประคองภรรยาให้ลุกขึ้นยืนได้แล้วก็ตะโกนเรียกคนรับใช้ด้วย

“ป้ากาญ...ป้ากาญอยู่ไหน”

ไม่ต้องรอนาน ป้ากาญซึ่งอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุและเฝ้าดูเอริณอาละวาดอยู่ห่างๆ พอถูกเจ้านายเรียกก็รีบวิ่งมาหาในทันที

“ค่ะ คุณท่าน ป้ามาแล้วค่ะ”

ปวินทร์หันไปมองแม่บ้าน แล้วเอ่ยสั่งรัวเร็ว “บอกคนขับรถให้เอารถออก แล้วตามนลินมาด้วย ให้ไปโรงพยาบาลกับคุณอร”

“ค่ะๆ คุณท่าน”

ป้ากาญรีบทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว และขณะวิ่งไปตามนลินดาก็อดบ่นอุบอยู่คนเดียวไม่ได้

“เฮ้อ...ลูกที่ขอมาเลี้ยง นิสัยดีแสนดี แต่ไม่รักไม่สนใจ ส่วนลูกของตัวเองกำลังเข้าข่ายลูกทรพีทำร้ายพ่อแม่ กลับรักลูกจนไม่ลืมหูลืมตา”

ในขณะเอริณอาละวาดด่าผู้หลักผู้ใหญ่แทบทุกรายจนงานเลี้ยงต้องเลิกรา ซึ่งมีสาเหตุมาจากอารมณ์เสียและโกรธเพราะหนุ่มคนรักไม่มาร่วมงานเลี้ยง

แต่ทว่า...จริงๆ แล้วชายหนุ่มที่เอริณหมายปองและบอกกับทุกคนว่าจะมีการประกาศงานหมั้นในคืนนี้ ได้เดินทางมาถึงงานเลี้ยงเกือบสามสิบนาทีแล้ว แต่ไม่ได้มาทักทายเจ้าของงาน เพราะเขาเดินไปด้านหลังบ้านตรงไปยังห้องครัวด้วยต้องการกาแฟดำสักแก้วเพื่อดื่มแก้อาการเมาค้าง

“ปวดหัวชะมัด รู้ยังงี้ไม่ลุกมาจากเตียงนอนก็ดี”

รามิล เจ้าของร่างใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาบาดใจสาวๆ ทั่วทั้งประเทศบ่นอยู่คนเดียว ขณะเดินลัดเลาะไปด้านหลังคฤหาสน์หลังใหญ่ เขาอยากได้กาแฟร้อนสักแก้วให้คาเฟอีนช่วยไล่แอลกอฮอล์ออกจากร่างกายก่อนจะไปร่วมงานเลี้ยง ซึ่งตอนอยู่ในประเทศอังกฤษ เอริณลงทุนมาส่งการ์ดเชิญให้เขาถึงห้อง และแน่นอนว่าจบลงด้วยเรื่องบนเตียงด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย

“หวังว่าจะมีคนใช้อยู่ในห้องครัวสักคน”

บอกกับตัวเองไปแล้ว เจ้าของร่างใหญ่ก็โผล่หน้าไปตรงช่องประตูห้องครัว เห็นคนรับใช้ร่างบางผมยาวแลดูนุ่มสลวยยืนหันหลังให้ จึงเอ่ยเรียกว่า

“น้อง!”

“อุ้ย! โอ๊ยย...”

นลินดากำลังปอกผลไม้อยู่คนเดียวเงียบๆ พอถูกเรียกเสียงดังก็สะดุ้งตกใจ มีดปอกผลไม้คมกริบแฉลบบาดมือตัวเองในทันที

“น้องสาว เป็นอะไรครับ”

เพราะนลินดายืนหันหลังให้จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอได้ยินเสียงร้องครางเพราะความเจ็บ รามิลก็รีบเดินเข้าไปในห้องครัวก้าวไปประชิดร่างบาง เพื่อมองว่าอะไรคือต้นเหตุให้หญิงสาวร้องเพราะความเจ็บปวด

“มีดบาดมือหรือครับ”

น้ำเสียงที่เอ่ยถามเต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนนลินดาจับความรู้สึกได้ หญิงสาวหันมามองหน้าอีกฝ่ายแล้วอึกอึกเอ่ยตอบออกมา

“เอ่อ...ค่ะ มีดบาดนิดหน่อยค่ะ”

“ขอผมดูแผลหน่อยสิ”

ไม่ได้บอกปากเปล่าเท่านั้น รามิลคว้ามือเล็กที่เจ้าตัวกุมไว้มาดูด้วย พอเห็นบาดแผลมีเลือดไหลซึม ก็ขบกรามนึกโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้หญิงสาวนัยน์ตาเศร้าคนนี้ต้องเลือดตกยางออก

“แผลไม่ลึกมาก แต่เลือดยังไหลอยู่ เดี๋ยวล้างทำความสะอาดแผลก่อนนะครับ”

นลินดาไม่มีโอกาสร้องห้าม เมื่อชายหนุ่มผู้หล่อเหลาดึงตัวเธอให้ขยับกายไปตรงอ่างล้างจานแล้วเปิดน้ำก๊อกล้างแผลให้ด้วย

“คุณมีพลาสเตอร์ไหมครับ ผมจะปิดแผลให้คุณ”

“ไม่มีค่ะ”

นลินดาปฏิเสธ ลอบมองบุรุษพยาบาลจำเป็น สังเกตเห็นได้ว่าชายผู้นี้เป็นลูกครึ่ง นอกจากร่างสูงใหญ่แล้วยังมีดวงตาสีฟ้าสวยงามชวนหลงใหล ซึ่งหญิงสาวยังไม่รู้ว่าเขาคือใคร และเข้ามาในห้องครัวทำไม

“ถ้าไม่มีไม่เป็นไรครับ เอาผ้าเช็ดหน้าของผมกดห้ามเลือดไว้ก่อนก็แล้วกัน”

ว่าแล้วรามิลก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง พับเป็นรูปสามเหลี่ยมแล้วพันรอบนิ้วเล็กที่ถูกมีดบาดยังมีเลือดซึมอยู่

“เรียบร้อย...อย่าลืมหาพลาสเตอร์มาพันแผลนะครับ”

รามิลเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง นึกชอบผลงานของตนเองที่พันแผลได้เรียบร้อยทั้งๆ เพิ่งทำเป็นครั้งแรก และแน่นอนว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนแรกที่เขาทำแผลให้

“ขอบคุณมากค่ะ”

นลินดายิ้มบางๆ ขณะเอ่ยขอบคุณ ก่อนหลุบสายตาลงมองนิ้วของตนเอง และนั่นทำให้ไม่มีโอกาสได้เห็นดวงตาของรามิล ซึ่งกำลังอยู่ในอาการนิ่งขึงเพราะถูกน็อกด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจจากเธอ

‘ให้ตายเถอะ เป็นรอยยิ้มที่พิฆาตหัวใจเราจริงๆ’

รามิลร้องครางอยู่ในใจ ทั้งชีวิตพบเจอผู้หญิงเซ็กซี่มาเป็นร้อย แต่ไม่เคยมีใครยิ้มได้บาดใจเขาเท่ากับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าในยามนี้

ทางด้านของนลินดาพอหลุบสายตามองบาดแผลเห็นว่าไม่มีเลือดไหลซึมแล้ว ก็เอ่ยบอกพร้อมกับทำท่าจะแกะผ้าเช็ดหน้าออกจากนิ้วด้วย

“เลือดคงไม่ไหลแล้ว เดี๋ยวฉันคืนผ้าเช็ดหน้าให้คุณนะคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ พันไว้แบบนั้นนั่นแหละดีแล้ว” รามิลปฏิเสธพร้อมกับจับยึดมือเล็กไว้ไม่ให้หญิงสาวทำตามที่เอ่ยบอก

นลินดาบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกอุ่นวาบไปถึงหัวใจ ในทุกคราที่ชายผู้นี้ได้กุมมือเล็กของเธอไว้ ด้วยสงสัยว่าเขาคือใครและมาทำอะไรในห้องครัว หญิงสาวจึงเอ่ยถามไปว่า

“เอ่อ...คุณเป็นใครคะ”

รามิลไม่ทันได้เอ่ยตอบ ไม่ทันได้แนะนำตัว ก็มีเสียงของป้ากาญตะโกนเรียกนลินดาเสียงดัง

“นลิน! คุณท่านให้พาคุณผู้หญิงไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”

นลินดาตกใจกับคำบอกของป้ากาญ หญิงสาวดึงมือมาจากมือใหญ่ที่กุมมือเธอไว้ รีบวิ่งไปหาป้ากาญแล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน

“คุณผู้หญิงเป็นอะไรคะ”

“ถูกคุณเอริณปาแก้วไวน์ใส่จนแก้วแตกบาดหน้าผากคุณผู้หญิง นลินรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”

“ค่ะๆ ป้า”

นลินดาวิ่งออกจากห้องครัวไปพร้อมๆ กับป้ากาญทิ้งให้รามิลมองตามไปจนลับสายตา

“ชื่อนลินยังงั้นหรือ นลินแปลว่าดอกบัว อืม...ชื่อนี้ช่างเหมาะกับเธอจริงๆ ผิวพรรณนุ่มนวลหอมละมุนเหมือนดอกบัวไม่มีผิด”

รามิลพึมพำพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา แม้เสียดายอยู่บ้างที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักกับหญิงสาวคนนี้

แต่ก็ไม่มีอะไรยากสำหรับเขา หากผู้ชายอย่าง ‘รามิล มิคาอิล’ ลูกชายคนเดียวของ

เดนิซอฟ มิคาอิล มาเฟียอันดับต้นๆ ในรัสเซียต้องการข้อมูลของใครสักคน สาบานได้ว่าไม่เกิน 24 ชั่วโมง เขาก็จะได้ประวัติของหญิงสาวมาอยู่ในมือทันที

และขณะเดินออกจากห้องครัวไปอีกคน รามิลก็อดหัวเราะด้วยความขบขำไม่ได้ เมื่อเอ่ยสัพยอกตัวเองว่า

“รามิล...นายจะบ้าไปแล้วหรือ นายกำลังชอบคนใช้ ทั้งๆ มีดารานางแบบให้นายฟันไม่เลือกหน้า”

ใช่! รามิลกำลังเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาชอบหญิงสาวที่เพิ่งพบหน้าไม่ถึงสิบนาที ชอบ

รอยยิ้มพิฆาตใจของหญิงสาว จนนึกอยากสืบประวัติว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครมาจากไหน และเขายอมทุ่มเงินไม่อั้น เพื่อให้ได้หญิงสาวมาเล่นเกมรักกับเขาในอนาคต

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel