บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

ดวงตาคู่สวยทว่าแฝงไปด้วยแววหมองเศร้าจับจ้องมองเจ้าของงานเลี้ยง ซึ่งดูเซ็กซี่ในชุดเดรสเปิดไหล่สีแดงเพลิง เดินเคียงคู่กับบิดาและมารดาเพื่อต้อนรับแขกเหรื่อที่ทยอยมาร่วมงานเลี้ยง

“เกิดมามีพร้อมทั้งรูปกายและรูปทรัพย์เหมือนคุณเอริณ ชีวิตคงมีความสุขที่สุด”

นลินดาพึมพำออกมาเบาๆ ด้วยความอิจฉาในวาสนาของเอริณ พอนึกถึงโชคชะตาของตัวเองก็ได้แต่ตีหน้าสลด ซึ่งเธอไม่รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอคือใคร พวกท่านยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า และมารดาของเธอเป็นหญิงโสเภณีเหมือนดั่งที่แม่บุญธรรมได้เค้นด่าหรือไม่?

“กลับไปทำงานต่อเถอะนลิน...ยิ่งแอบดูพวกเขามากเท่าไรเธอก็ยิ่งอิจฉาเขามากเท่านั้น”

นลินดาบอกกับตัวเองอย่างปลงๆ ละสายตาจากเอริณแล้วเดินลากเท้ากลับไปเป็นนางซินฯ อยู่ในห้องครัวเหมือนเดิม

ในขณะนลินดาอิจฉาชีวิตอันสวยหรูของเอริณซึ่งเพียบพร้อมไปทุกอย่าง บิดามารดาต่างก็เอาอกเอาใจ ก่อนไปเรียนต่อในเมืองนอกก็จัดงานเลี้ยงส่งใหญ่โต พอเรียนจบกลับมาประเทศไทยก็จัดงานเลี้ยงต้อนรับทุ่มทุนไม่อั้นหวังเอาใจลูกสาวเพียงคนเดียว

แต่ตอนนี้เอริณกลับหน้าหงิกหน้างอ อารมณ์เสียจนไม่อยากรับแขกหน้าไหนทั้งนั้น เพราะงานเลี้ยงเริ่มไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่ว่าที่คู่หมั้นของเธอยังเดินทางมาไม่ถึงงานเลี้ยงสักที

“เอริณ...ไปไหว้คุณหญิงพรพรรณหน่อยสิลูก คุณหญิงเพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้นี่เอง”

อรสุดาสะกิดบอกลูกสาวซึ่งกำลังนั่งดื่มไวน์ต่างน้ำโดยไม่สนใจต้อนรับแขกเหรื่อแม้แต่คนเดียว ก่อนหน้านี้หญิงสาวยิ้มแย้มแจ่มใสเดินทักทายแขกทั่วงาน เพราะรอการมาถึงของแขกคนสำคัญที่สุด แต่เมื่อชายคนรักไม่มาสักที ซ้ำร้ายยังติดต่อไม่ได้ อีกฝ่ายปิดโทรศัพท์ตลอด

เวลา ก็ทำให้อารมณ์เสียพาลไปทั่ว

“ใครจะมาก็ช่าง เอริณไม่สนใจไม่อยากไปยกมือไหว้ใครทั้งนั้น”

เอริณหันมาตวาดมารดาก่อนจะกระดกไวน์เข้าสู่ลำคอต่อโดยไม่สนใจสีหน้าซีดเผือดของมารดา

ด้วยต้องการอาศัยอำนาจบารมีของคุณหญิงพรพรรณ ผู้เป็นมารดาจึงคะยั้นคะยอให้ลูกสาวไปไหว้คุณหญิงให้ได้

“อย่าเสียมารยาทกับคุณหญิง ไปไหว้ท่านแค่แป๊บเดียวเองนะลูก”

“ก็บอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปสิ”

“เอริณ แม่ขอร้องนะลูก...”

ขณะขอร้องลูกสาว อรสุดาก็จับยึดต้นแขนเล็กไว้ไม่ให้ลูกสาวกระดกไวน์เข้าสู่ลำคอ และนั่นเป็นการสร้างความรำคาญระคนโกรธเคืองให้กับเอริน เธอจึงสะบัดมือออกเต็มแรงจนไวน์แดงในแก้วทรงสูงกระฉอกรดตั้งแต่ลำคอลงมาเปื้อนชุดเดรสตัวสวยราคาแพง ทำเอาเอริณร้องกรี๊ดผุดลุกขึ้นยืนผลักร่างของมารดาเต็มแรงตวาดท่านเสียงดังลั่น

“คุณแม่! ทำไมพูดไม่รู้จักฟัง ก็บอกแล้วว่าเอริณไม่อยากไปไหว้หัวหงอกหัวดำคนไหนทั้งนั้น แล้วคุณแม่เห็นไหมคะว่าตอนนี้ชุดของเอริณเปื้อนหมดแล้ว เพราะคุณแม่คนเดียว”

เสียงตวาดด่าของเอริณนอกจากจะทำให้ผู้เป็นมารดาหน้าถอดสีซีดด้วยความเสียใจและอับอายขายขี้หน้าแล้ว ยังสร้างความโกรธขึงให้กับบรรดาแขกเหรื่อที่ถูกด่าแบบเหมารวมด้วย

“เอริณ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะลูก”

อรสุดาเอ็ดลูกสาวเบาๆ และแทนที่จะสำนึกเอริณกลับตวาดมารดาต่อ

“ก็คุณแม่นั่นแหละมาเซ้าซี้อยู่ได้ เอริณบอกแล้วยังไงว่าไม่มีอารมณ์ไปยกมือไหว้ใคร”

“แต่นี่มันงานเลี้ยงของหนู เอริณเป็นเจ้าภาพก็ต้องไปต้อนรับแขกที่แม่เชิญมา”

“แขกของคุณแม่ทั้งนั้น เชิญคุณแม่ไปต้อนรับเองเลยค่ะ แขกของเอริณมีเพียงคนเดียวคือคนรักของเอริณ และตอนนี้เอริณกำลังรอเขาอยู่”

เสียงโต้เถียงของแม่ลูกดังลั่นจนแขกเหรื่อที่ได้ยินต่างก็ส่ายหน้าไปตามๆ กัน แขกบางคนที่ถูกเด็กเมื่อวานซืนอย่างเอริณถอนหงอกเข้าให้ถึงกับเดินออกจากงานในทันทีโดยเฉพาะคุณหญิงพรพรรณ เมื่อยื่นของขวัญให้กับปวินทร์บิดาของเอริณแล้วก็ลากลับโดยไม่อยู่ร่วมงานเลี้ยงต่อ

และก่อนเอริณจะโต้เถียงกับมารดาไปมากกว่านี้ก็ถูกบิดาเอ็ดเสียงดัง

“เอริณ...หยุดเถียงคุณแม่ได้แล้ว เห็นไหมว่าแขกหนีกลับบ้านหมดแล้ว”

เอริณหาได้สนใจไม่ หญิงสาวกวาดสายตามองรอบๆ บริเวณงานเลี้ยง ซึ่งแขกบางคนที่ยังไม่กลับต่างก็จ้องมองเจ้าของงานเลี้ยงด้วยแววตาเอือมระอา บ้างก็ซุบซิบนินทาเยาะหยันกับกริยาหยาบคาย และนั่นทำให้หญิงสาวโกรธจนขาดสติ ตวาดด่าแขกไม่เลือกหน้าโดยไม่สนใจเสียงห้ามของบิดามารดา

“มองอะไร! จะนินทากันอีกนานไหม งานเลี้ยงเลิกแล้ว มากินฟรีดื่มฟรีกินอิ่มแล้วก็กลับบ้านไปซะ อยู่ให้รกหูรกตาทำไม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel