บทที่ 2
“ถ้าพวกมึงแตะต้องรถของกู สาบานได้ว่ามึงจะไม่มีมือไว้จับช้อนกินข้าวแน่”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกที่ดังขึ้นมาในความมืด ก่อนผู้เป็นเจ้าของจะก้าวเดินออกมาพร้อมกับปืนพกในมือ ซึ่งเล็งตรงมาข้างหน้าไม่มีไหวติง ดวงตาคมกริบไม่ต่างจากดวงตาของพญาอินทรี ที่จ้องมองเขม็งไม่กะพริบตา ทำเอากลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้จำต้องล่าถอยออกห่างจากรถสปอร์ตในทันที
“เอาไงดีลูกพี่” หนึ่งในลูกน้องกระซิบถามอยู่ในความมืด
และก็ได้รับคำตอบที่ติดสั่นเทา เพราะความหวาดกลัวว่า “ถอย...ถอยสิว่ะ”
“แล้วผู้หญิงคนนั้น”
“ปล่อยมันไปก่อน กูไม่อยู่กินลูกปืนแน่ หรือว่ามึงอยากกินลูกปืนแทนข้าว”
ทั้งลูกพี่ ทั้งน้องไม่ทันได้ปรึกษากันไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงของผู้เป็นเจ้าของรถสปอร์ต เค้นออกคำสั่งเย็นยะเยือกไม่ต่างจากครั้งแรก
“กูให้เวลาพวกมึงหนึ่งนาทีในการออกไปให้พ้นสายตาของกู ไม่เช่นนั้นพวกมึง...”
ไม่มีใครฟังต่อจนจบประโยค ใครจะโง่อยู่รอกินลูกปืน แม้พวกมันมีคนมากกว่า ห้าต่อหนึ่ง แต่! มือเปล่าหรือจะสู้กับลูกปืนได้ ดูท่าว่าชายผู้นี้คงยิงพวกมันไม่เลี้ยง และแน่นอนว่าคงยิงแม่นไม่ต่างจากจับวาง!
“ไอ้นักเลงกระจอก!”
ไคล์ พาร์กเคอร์ เจ้าของรถสปอร์ตเค้นเสียงเยาะ ขณะมองตามสวะสังคมที่กำลังวิ่งหนีกระเจิงคนละทิศคนละทาง มือใหญ่ล้วงหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง ด้วยคิดว่าก่อนลงไปทำธุระ ตนเองล็อกรถเรียบร้อยแล้ว พอหยิบกุญแจออกมา จึงกดปลดล็อกประตูรถยนต์อีกครั้ง
“ถ้าขโมยรถได้ คงเอาไปแลกเงินพี้ยากันสบายไปอีกหลายวัน”
ไคล์เข้าไปนั่งในรถยนต์ พร้อมกับโยนปืนทิ้งไปบนเบาะด้านซ้ายมือ ชายหนุ่มยกมือลูบหน้า พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อได้รับรู้ข่าวร้ายของญาติห่างๆ ของตนเองว่าถูกฆ่าตายเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“เป็นเจ้าพ่อดังของเมืองพัทยา หวุดหวิดรอดจากกระสุนปืนมาเป็นสิบๆ ครั้ง แต่ไม่อยากเชื่อว่านายจะตายเพราะมีดเล่มเดียว”
ใช่! ไคล์ไม่อยากเชื่อว่าญาติของตนจะกลายเป็นพวก ‘ปลาตายน้ำตื้น’ ตั้งแต่เดินบนเส้นทางมืด กลายเป็นมาเฟียในเมืองท่องเที่ยวใหญ่อย่างเมืองพัทยา ปีเตอร์ถูกลอบยิง ถูกรอบทำร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ชายคนนี้ก็เอาชีวิตรอดได้เสมอมา แต่กลับพลาดท่าถูกฆ่าตายอยู่ในบาร์ของตัวเอง และที่สำคัญ เขาได้ยินแว่วๆ ว่าคนที่ฆ่าปีเตอร์เป็นผู้หญิงในบาร์ของมันเอง
“แกพ้นทุกข์แล้วปีเตอร์ ถือซะว่าความตายของแก เป็นการเปิดทางให้เจ้าพ่อรุ่นใหม่ ได้ก้าวขึ้นมาผงาดแทนที่แกก็แล้วกัน”
ไคล์พึมพำอย่างปลงๆ จากนั้นก็สตาร์ทรถ พารถสปอร์ตเคลื่อนตัวมุ่งตรงกลับบ้านของตนเอง โดยไม่รู้แม้แต่นิดเดียว ว่ามีกระต่ายน้อยหลงทางเข้ามาซุกตัวอยู่ในรถของเขาด้วย
ธารานั่งซุกตัวนิ่งเงียบ ยกมือปิดปากตัวเองตลอดเวลา อีกทั้งไม่กล้าหายใจเสียงดัง นั่นก็เป็นเพราะว่ายังคงหวาด
กลัว ไม่กล้าให้ชายผู้เป็นเจ้าของรถรู้ว่าเธออยู่ในรถยนต์ของเขาด้วย
‘ไม่อยากเชื่อว่านายจะตายเพราะมีดเล่มเดียว’
หญิงสาวนึกถึงคำพูดของชายผู้นี้ พร้อมกับร้องตะโกนตอบอยู่ในใจ
‘ตาย ปีเตอร์ตาย ไม่...ไม่จริง ฉันไม่ได้ฆ่าเขา’
ธาราตัวสั่นเทา เบิกตากว้าง ช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน หญิงสาวไม่อยากเชื่อว่ามีดปอดผลไม้ที่เธอคว้ามาจากโต๊ะ แล้วเสียบเข้าไปที่พุงของปีเตอร์ ตอนที่อีกฝ่ายพยายามจะข่มขืนเธอ จะทำให้ปีเตอร์ตายได้ หญิงสาวเห็นปีเตอร์ล้มลงไปนอนจมกองเลือด เห็นเขาหมดสติ แต่ยังหายใจอยู่ ซึ่งเธอไม่คิดว่าเขาจะตาย! ตอนนี้เธอกลายเป็นฆาตกรฆ่าคน อย่างไม่ได้ตั้งใจ
‘ฉัน...ฉัน...ฆ่าคนตาย...ฉันต้องติดคุก...ไม่! ฉันแค่ป้องกันตัวเท่านั้น’
ธาราตะโกนร้องอยู่ในใจ แค่เพียงนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมันคือความจริง ไม่ใช่แค่เพียงฝันร้าย หญิงสาวก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่ยังคงเปรอะเปื้อนอยู่กับมือเล็กของเธอ ทำเอาน้ำลายข่มปร่าทำท่าจะอาเจียนออกมา จนต้องรีบยกมือทั้งสองปิดปากตัวเองไว้แน่
‘หนี เราต้องหนี’
ธาราบอกตัวเองอีกครั้ง ภาวนาให้ชายผู้นี้จดรถที่ไหนสักแห่ง เพื่อเธอจะได้หนีเอาตัวรอดอีกครั้ง และแค่เพียงคิดว่าตนเองกลายเป็นฆาตกรโดยไม่ได้ตั้งใจ หยาดน้ำตาใสก็หลั่งรินรดพวงแก้มขาวซีด โดยปราศจากเสียงร่ำไห้
เธอไม่ได้ตั้งใจฆ่าปีเตอร์ เธอแค่ต้องการป้องกันตัวเท่านั้น แล้วใคร? ใครจะช่วยเธอให้พ้นจากสถานการณ์นี้ได้ ได้โปรด...ขอใครสักคนที่จะช่วยเธอให้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้ด้วย!