บทที่ 1
‘หนี! เราต้องหนี ต้องออกไปจากนรกแห่งนี้ให้ได้’
ร่างเล็กที่กำลังอยู่ในอาการขวัญหนีดีฝ่อ พร่ำบอกตัวเอง ขณะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกมาจากบาร์แห่งหนึ่ง เท้าเล็กเปล่าเปลือยย่ำลงไปบนพื้นถนนโดยไม่นำพาต่อความแหลมคมของก้อนหินและก้อนกรวดที่ทิ่มแทงฝ่าเท้าเล็กทั้งสองข้างอยู่ตลอดเวลา
‘ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย ฉันกลัวเหลือเกิน...’
ธารา ตะโกนวิงวอนร่ำไห้อยู่ในใจ ใบหน้างามขาวซีดไร้สีเลือด ดวงตาตื่นตระหนกไม่ต่างจากกระต่ายไร้ทางสู้ ที่กำลังถูกนายพรานตามล่าเอาชีวิต
“ตามหามันให้เจอ อย่าให้นังนี่หนีรอดไปได้”
เสียงของมัจจุราชที่ดังไล่หลังมาติดๆ ไม่อาจทำให้ธาราหยุดวิ่งได้ แม้เหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ แม้ปวดระบมไปทั้งต้นขาจนแทบยกไม่ขึ้น แต่เจ้าตัวต้องวิ่งและวิ่งต่อ เพื่อหนีไปให้พ้นจากนรกขุมนี้
ความมืดของตรอกซอกซอย แสงไฟที่สาดส่องบางเบาไม่ได้ช่วยให้ธารามองเห็นเส้นทางมากนัก พอเท้าเล็กเหยียบไปบนถนนที่เป็นหลุมมีน้ำสกปรกเอ่อนองอยู่ ร่างบางก็ล้มลงหน้าคะมำไปกับพื้นถนนในทันที
“โอ๊ย...”
ธาราสูดปากหลุดเสียงครางออกมา แต่ก็รีบยกมือปิดปากของตัวเอง กลัวว่าเสียงครางเพราะความเจ็บปวดจะดังเล็ดลอดเข้าสู่โสตประสาทของคนชั่ว พอยกมือเล็กปิดปากตัวเอง หญิงสาวก็ได้กลิ่นคาว ‘เลือด’ ที่เปรอะเปื้อนอยู่บนมือเล็กของเธอ
“เลือด...ไม่...ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ใบหน้าเล็กขาวซีดส่ายหน้าไปมา เรียวปากแห้งผากสั่นระริก ขณะเจ้าตัวพึมพำปฏิเสธเสียงสั่นสะท้าน ดวงตาแดงก่ำเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อฝันร้ายที่สุดในชีวิตซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่สิบนาทีที่ผ่านมา ได้ผุดขึ้นมาในมโนภาพอีกครั้ง
“เขาทำร้ายฉัน...ฉันแค่ป้องกันตัว...”
ธาราไม่สนใจว่าน้ำที่เอ่อนองอยู่ในหลุมเล็กๆ บนพื้นถนน จะสกปรกหรือส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งมากเพียงใด หญิงสาวจุ่มมือเล็กทั้งสองลงไปในแอ่งน้ำ พยายามล้างคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนออกไปจากมือเล็กทั้งสองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ลากตัวนังสารเลวมาให้ได้ แยกกันค้นหามัน เร็ว!”
ธาราไม่อาจล้างคราบเลือดจากมือเล็กทั้งสองให้สะอาดหมดจดได้ น้ำเสียงโหดเหี้ยมดังก้องอยู่ทางด้านหลัง เป็นตัวสั่งให้เธอลุกขึ้นวิ่งหนีอีกครั้ง
‘เหนื่อย...ฉันเหนื่อย ได้โปรด ใครก็ได้ ช่วยฉันด้วย’
เจ้าของร่างบางตะโกนร่ำร้องอยู่ในใจ เท้าเล็กที่ปวดระบมแทบยกไม่ขึ้น ยังพาผู้เป็นเจ้าของวิ่งกะเผลกๆ ไปตามตรอกซอกซอยมืดๆ เพื่อให้รอดพ้นจากมัจจุราชที่กำลังตามล่าเธออยู่
“มันเข้ามาในซอยนี้นี่แน่นอน ลากตัวมันมาให้ได้ เจอตัวเมื่อไร เอาไปทิ้งทะเลได้เลย”
น้ำเสียงที่ดังเข้ามาใกล้ทุกขณะ ทำให้ธารารู้ว่าตนเองกำลังจะหนีไม่รอด! แต่เธอจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้เด็ดขาด
‘รอด! เราต้องหนีรอดให้ได้’
หญิงสาวตะโกนบอกตัวเอง ดวงตาทั้งคู่กวาดมองข้างๆ ถนน เห็นรถยนต์จอดเรียงรายอยู่หลายสิบคัน จึงรีบวิ่งตรงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ยกเท้าแทบจะไม่ขึ้นแล้ว
“ได้โปรดเถอะ ขอให้มีสักคันที่ฉันจะเข้าไปหลบได้”
มือเล็กสั่นเทาเอื้อมไปเปิดประตูรถยนต์คันแรกที่วิ่งไปถึง แต่! รถยนต์ติดล็อก ไม่สามารถเปิดออกได้ กระนั้นธาราก็ไม่ละความพยายาม หญิงสาววิ่งไปเปิดประตูรถคันต่อไป ขณะเดียวกันก็หันไปมองทางข้างหลังตัว ว่าชายฉกรรจ์พวกนี้วิ่งตามเข้าใกล้หรือยัง
รถยนต์คันแล้วคันเล่าติดล็อกทุกคัน เสียงฝีเท้าของมัจจุราชที่กำลังตามล่าดังเข้ามาใกล้ทุกขณะ ทำเอาธารากลั้นน้ำตาเพราะความหวาดกลัวเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อรู้ว่าตนเองคงไม่มีทางหนีรอดแล้ว
“คุณพ่อ คุณแม่ ช่วยธาราด้วย...”
ธาราวิงวอนพร้อมกับหยาดน้ำตาอาบแก้ม รถสปอร์ตสีดำมันปลาบเป็นรถยนต์คันสุดท้ายของบรรดารถยนต์ที่จอดเรียงรายอยู่ข้างถนนเส้นนี้
“ได้โปรดเถอะ...”
มือเล็กแทบไร้เรี่ยวแรง ขณะเอื้อมไปเปิดประตูรถยนต์ด้วยความสิ้นหวัง เธอคงถูกคนพวกนี้จับตัวได้ และเอาไปโยนทิ้งทะเล ตามคำสั่งของเจ้านายพวกมัน
คนดีผีคุ้มเสมอ...จากที่คิดว่ารถสปอร์ตสีดำราคาแพงลิบลิ่วคงติดล็อกไม่ต่างจากรถยนต์คันอื่นๆ กลับกลายว่าไม่ได้เป็นเช่นดั่งที่คิด
ประตูรถถูกเปิดออกได้อย่างง่ายดายตอนมือเล็กเอื้อมไปเปิดประตูรถ ธารารีบผลุบกายเข้าในรถสปอร์ต ขดตัวแทรกอยู่ตรงที่วางเท้าระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลัง นั่งนิ่งเงียบหายใจติดขัด ยกมือพนมไหว้วิงวอนให้ตนเองหนีรอดจากคนชั่วเหล่านี้
และเมื่อจมูกยังคงได้กลิ่นคาวเลือด ธาราจึงกระทำในสิ่งที่เรียกว่าผิดมหันต์ หญิงสาวถูมือไปกับเบาะรถแรงๆ หลายครั้งติดกัน หวังให้มือเล็กทั้งสองของตนเองหมดคราบเลือดของคนชั่วสักที
“นังนี่มันหายไปไหนแล้วว่ะ ไวยังปรอท”
ธารานั่งขดตัวกอดเข่าตัวเองแน่น ขณะได้ยินเสียงของกลุ่มชายฉกรรจ์ดังเล็ดลอดเข้ามาในรถ
“มีรถจอดเต็มไปหมด เปิดดูทุกคัน เผื่ออีนี่มันเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในรถ”
“ช่วยฉันด้วย อย่าให้เขาหาฉันเจอเลย”
ธาราวิงวอนเสียงแผ่วเบา หวาดกลัวแทบสิ้นสติ ไม่กล้าเงยหน้าจากการซบอยู่กับหัวเข่าของตัวเอง แม้ไม่เห็นเหตุการณ์นอกตัวรถ แต่ก็เดาได้ว่าชายฉกรรจ์เหล่านั้นคงกำลังทำตามคำสั่งของหัวหน้าพวกมันอยู่
กลุ่มชายฉกรรจ์ห้าคนกระจายกำลังกันค้นหาธารา พวกเขาทำเช่นดั่งที่หญิงสาวทำเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา คือพยายามเปิดประตูรถยนต์ และส่องเข้าไปในตัวรถทุกคัน เพื่อตามล่าเหยื่อสาวของพวกมัน
“นังนี่หายหัวไปไหนว่ะ”
โครม!
ธาราสะดุ้งเฮือกยกมือสั่นเทาปิดปากตัวเองไม่ให้หลุดเสียงร้องเพราะความตกใจออกมา เมื่อได้ยินเสียงสบถตามด้วยเสียงวัตถุกระแทกกับตัวรถยนต์ใกล้กับรถสปอร์ตคันที่เธอหลบซ่อนตัวอยู่
‘ช่วยฉันด้วย...ช่วยฉันด้วย...’
ธาราร่ำร้องอยู่ในใจ แทบไม่กล้าหายใจออกมา ด้วยเกรงว่าเสียงลมหายใจอันแผ่วเบาของเธอจะลอยไปกระทบหูคนชั่วเหล่านี้ อีกทั้งไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว เพราะเกรงว่าคนชั่วจะเห็นอาการเคลื่อนไหวภายในรถสปอร์ตคันนี้
“เจอตัวมันหรือยัง” เสียงของผู้เป็นหัวหน้าตะโกนถามลูกน้อง
“ยังครับ ลูกพี่” หนึ่งในลูกน้องชั่วตะโกนตอบกลับคืน
“รถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างหน้า มึงเปิดดูหรือยัง”
“ยังครับ”
“มัวทำอะไรอยู่ว่ะ รีบๆ หานังนี่ให้เจอ ถ้าไม่ได้ตัวมันกลับไป พวกมึงและกู ต้องโดน ‘นาย’ เล่นงานแน่”
“ครับๆ ลูกพี่”
ลูกน้องคนเดิมรับคำ รีบทำตามคำสั่งของหัวหน้าด้วยการเอื้อมมือไปจับประตูรถสปอร์ต แต่! ไม่ทันได้ลองเปิดดูว่าติดล็อกเหมือนรถยนต์คันอื่นๆ หรือไม่ ก็มีอันต้องสะดุ้งโหยงไปตามๆ กัน