บทที่ 3
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
เอมิลี่กับเกตุกัญญาเดินเข้ามาในห้องอาหารแห่งหนึ่งกลางกรุงโรม หลังจากที่ตระเวนชอปปิงกันจนเหนื่อย เมื่อยขากันครึ่งค่อนวัน ก็ถึงคราวที่จะต้องเติมพลังกันบ้าง
“โอ๊ย! เหนื่อยชะมัดเลย ปวดขาเมื่อยแขนไปหมด” เกตุกัญญาร้องโอดครวญในขณะที่หย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้
“มันก็น่าเมื่อยน่าเหนื่อยอยู่หรอก ก็แกเล่นเดินเข้าเดินออกทุกร้านเลย แถมบ้าพลังเดินซื้อของตั้งสี่ชั่วโมงซ้อน ไม่เหนื่อยก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว” เอมิลี่ไม่สงสารเพื่อน หนำซ้ำยังพูดกระทบสาวนักชอปอีกด้วย
“ก็นานๆ ทีจะซื้อสักทีนี่ แกก็รู้ว่างานฉันยุ่งแค่ไหน เลิกงานก็ไม่มีเวลาจะไปชอปปิงไปหาอะไรอร่อยๆ กินแล้ว ต้องกลับบ้านไปนอนเอาแรงอย่างเดียว”
ตั้งแต่ราฟาเอลโลเข้ามาทำหน้าที่ประธานบริษัท เขาได้จัดระเบียบการทำงานใหม่หมด ปรับปรุงแก้ไขไปในทางที่ดีขึ้น งานของแต่ละคนจึงเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย กว่าจะได้กลับบ้านก็ทำงานล่วงเวลาคนละสองชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ และนั่นทำให้เกตุกัญญาไม่มีเวลาชอปปิง ดูหนังหรือกิจกรรมอื่นๆ ได้เหมือนก่อน พอมีเวลาก็จัดหนักจัดเต็ม
“คุณราฟาเอลโลนี่ก็บ้าพลังดีนะ มาทำงานได้หนึ่งอาทิตย์เปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ ทำงานเร็วอย่างกับจรวด สั่งปุ๊บจะเอาปั๊บฉันละหัวหมุนเลยดีนะที่ฉันน่ะมืออาชีพงานก็เลยได้สมดังใจ ไม่งั้นฉันคงถูกไล่ออกจากงานแน่ๆ เลย”
ราฟาเอลโลเป็นเจ้านายที่เฮี้ยบและเนี้ยบมาก งานแต่ละชิ้นที่ให้ทำจะต้องทำให้เสร็จตามเวลาที่กำหนด หากทำสำเร็จตรงตามกำหนดราฟาเอลจะถือว่า พนักงานคนนั้นๆ ทุ่มเทเอาใจใส่กับงานเต็มที่ งานจึงแล้วเสร็จในระยะเวลาที่เขาให้ไว้
“ฉันว่ามันก็ดีนะที่มีเจ้านายแบบนี้ มันทำให้เราตื่นตัวในการทำงานตลอดเวลา ไม่อืดหรือลอยชายมากเกินไป สนใจและตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ตอนที่คุณวอร์คมานั่งบริหาร ท่านไม่เข้มงวดกับลูกน้อง งานมันก็เลยออกมาคนละแบบ ให้ส่งงานวันมะรืนลูกน้องก็เลยทำมันวันมะรืนก่อนหน้าจะส่งงานหนึ่งชั่วโมง ส่วนคุณราฟาเอลโลสั่งว่า ถ้าไม่เสร็จไม่ต้องกลับบ้าน แม่คุณเอ๊ย!...สั่งแบบนี้ลูกน้องเร่งทำงานกันหัวเป็นน็อตเลยทีเดียวเพราะกลัวถูกไล่ออก”
เกตุกัญญาคิดในทางที่ดีถือว่าเป็นการกระตือรือร้นในการทำงานไปในตัว มีวินัยกับตนเองและงานที่ได้รับมอบหมาย
“วันนี้วันหยุด อย่าพูดเรื่องงานเลย เรามาสั่งอาหารกันดีกว่านะฉันหิวจนไส้บิดแล้ว” สองสาวจึงเปิดเมนูอาหาร ก่อนจะสั่งอาหารที่ทั้งสองต้องการกับพนักงานของร้าน
“ทำไมแกสั่งอาหารมาเยอะจัง หิวจัดเลยหรือไง”
เกตุกัญญาเอ่ยถามเพื่อนเมื่อพนักงานเดินห่างโต๊ะไป เนื่องจากเอมิลี่สั่งอาหารเยอะเป็นพิเศษ ทั้งที่มาทานอาหารกันเพียงสองคน
เอมิลี่ทำหน้าทำตามีลับลมคมใน “ฉันสั่งมาเผื่อเพื่อนร่วมงานของเราน่ะ”
“เพื่อนร่วมงาน” เกตุกัญญาทวน “ใครล่ะ”
“เดี๋ยวแกก็รู้ ตอนนี้เขากำลังจอดรถอยู่อีกไม่เกินห้านาทีแกก็จะรู้แล้วว่าเป็นใคร”
เอมิลี่ไม่ยอมเปิดเผยว่าบุคคลที่สามที่จะเข้ามานั่งรับประทานอาหารคือใคร เพราะเธอต้องการเซอร์ไพรส์เพื่อนสนิท และแน่ใจว่าเกตุกัญญาจะต้องพอใจกับเพื่อนร่วมโต๊ะคนนี้แน่นอน
ไม่นานเกินรอบุรุษคนหนึ่งก็เดินเข้ามาใกล้โต๊ะที่สองสาวเพื่อนซี้นั่งอยู่ มือของเกตุกัญญาที่กำลังตักอาหารใส่ปากสั่นเล็กน้อย อ้าปากค้าง ดวงตาส่อแววตกใจไม่คิดว่าริคคาร์โด้คือคนที่เอมิลี่พูดถึง
“ริคนั่งสิ นั่งตรงนั้นแหละนั่งใกล้ๆ เกรซ”
เอมิลี่ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก จัดแจงเสร็จสรรพ ริคคาร์โด้ทำตามที่เอมิลี่บอก ทรุดกายลงนั่งข้างร่างสาวสวยที่บัดนี้ตกอยู่ในอาการประหม่า
“สวัสดีครับเกรซ” เขาทักทายด้วยภาษาอิตาลี
“ค่ะ สวัสดีค่ะ” เกตุกัญญาทักทายกลับด้วยภาษาเดียวกันเพราะเธอพูดได้คล่องทว่าน้ำเสียงติดจะสั่นๆ ยิ้มเขินให้ชายหนุ่มที่ตนแอบชื่นชอบ
“เมื่อกี้ริคโทรมาปรึกษาฉันเรื่องงาน ฉันขี้เกียจคุยทางโทรศัพท์ก็เลยนัดริคให้มาที่นี่ จะได้นั่งทานอาหารไปด้วยคุยไปด้วยไม่เสียเวลาไงล่ะ” เอมิลี่แก้ตัว เธอเองก็คล่องภาษาอิตาลีเพราะได้สามีเป็นผู้ฝึก
“ริคจะปรึกษาเรื่องงานกับแกเหรอ เรื่องอะไรล่ะ แล้วทำไมริคไม่ไปปรึกษาปีเย่ร์มาปรึกษาแกที่อยู่ต่างแผนกทำไม”
เกตุกัญญาถามเพื่อนด้วยความสงสัย งานของเอมิลี่กับริคคาร์โด้อยู่คนละฝ่าย คนละแผนกแล้วเหตุใดเขาจึงต้องมาปรึกษาเอมิลี่ด้วย น่าจะไปปรึกษาผู้จัดการแผนกที่ริคคาร์โด้ทำงานด้วยมากกว่า
“ก็งานใหม่ของริคมันต้องโคกับแผนกของฉันยังไงล่ะ ก็เลยต้องคุยงานกัน แกจะสงสัยอะไรมากมายเนี่ย” เอมิลี่แก้ตัวได้อย่างหวุดหวิด “แต่จะว่าไปนะริค เวลานี้มันนอกเวลางาน เราอย่าคุยกันเรื่องงานเลยนะ คิดถึงเรื่องงานแล้วมันพาอยากจะอ้วก เรามาทานอาหาร นั่งคุยกันดีกว่า ผ่อนคลายดีด้วย”
สาวที่ผันตัวมาเป็นแม่สื่อแม่ชักแก้สถานการณ์อีกครั้ง หากไม่พูดเช่นนี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดคุยเรื่องงานกับริคคาร์โด้อย่างไรดี เป็นเพราะงานใหม่ที่ว่านั้นไม่มีจริง
“ฉันอยู่แผนกเดียวกับแกแท้ๆ ทำไมฉันไม่รู้ล่ะว่าแกมีงานส่วนที่ต้องโคกับริค”
ความสงสัยของเกตุกัญญายังไม่หมดไป จะไม่ให้เธอสงสัยต่อได้อย่างไร ในเมื่อเกตุกัญญาอยู่แผนกเดียวกันกับเอมิลี่ แต่เหตุไฉนเธอจึงไม่ทราบว่า มีงานใหม่ในแผนก และเป็นงานที่ทำร่วมกับริคคาร์โด้
เอมิลี่เจอคำถามนี้เข้าไปถึงกับอึ้ง แต่มีหรือที่เธอจะแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้ “ก็ตอนที่งานเข้ามา แกประชุมอยู่ไง อีกอย่างนะคุณราฟาเอลโลก็มีคำสั่งลงมาว่า ให้ฉันทำหน้าที่นี้ร่วมกับแผนกของริค ฉันก็เลยไม่ได้บอกแกไง”
“มิน่าล่ะฉันถึงไม่รู้เรื่อง” ความสงสัยของเกตุกัญญาจึงคลายลง
“วันนี้วันหยุด เพราะฉะนั้นงดพูดเรื่องงาน มาคุยเรื่องจรรโลงใจดีกว่า กินอะไรอร่อยๆ เสร็จเราก็ไปดูหนังสักรอบไปฟังเพลงต่อกันอีกหน่อย แล้วค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน”
แม่สื่อแม่ชักจัดเตรียมโปรแกรมไว้เป็นอย่างดี ก่อนจะลงมือรับประทานอาหารที่พนักงานของร้านนำมาเสิร์ฟ
เกตุกัญญารับประทานอาหารด้วยความเขินอาย เนื่องจากริคคาร์โด้เอาอกเอาใจเธอตลอดเวลา ตักอาหารจากจานของเขาให้เธอชิมบ้าง ใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดเศษอาหารที่ติดอยู่มุมปากของเธอออก หันมาส่งยิ้มบาดหัวใจ และบางครั้งที่มือของทั้งคู่เผลอสัมผัสกัน ดวงหน้าหวานของสาวชาวไทยจะเปื้อนสีแดงระเรื่อ ราวกับเป็นสาวน้อยริหัดรักก็ไม่ปาน อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอแอบชอบชายอื่น เพราะก่อนหน้านี้ ฝ่ายชายจะเป็นคนเข้ามาจีบเธอเอง
เอมิลี่ลอบมองบุคคลทั้งสองด้วยรอยยิ้ม เธอตัดสินใจอยู่หลายวันว่า จะทำอย่างไรให้เพื่อนสนิทสมหวังในความรัก เห็นเพื่อนหลบซ่อนความรักแล้วพานหงุดหงิด หากไม่ทำอะไรเกตุกัญญาคงต้องลอบมองริคคาร์โด้ไปตลอดชีวิตแน่
เอมิลี่มองดูว่า ริคคาร์โด้เป็นคนขยัน จริงจังกับงานและที่สำคัญเธอสืบจนรู้แน่ชัดว่า เขาไม่มีคนรัก นอกจากนี้ริคคาร์โด้ยังมีท่าทีสนใจเกตุกัญญาด้วย นั่นทำให้เอมิลี่ตัดสินใจวางแผนการสื่อรักในครั้งนี้
เสียงโทรศัพท์มือถือของแม่สื่อตัวดีดังขึ้น เจ้าของเครื่องหยิบมือถือมารับสาย และสนทนากับต้นสายไม่นานนักก็ตัดสายทิ้ง สีหน้าของเอมิลี่ออกจะร้อนรนเล็กน้อย
“เกรซริค” เอมิลี่เรียกชื่อคนร่วมโต๊ะ “ฉันลืมไปเลยว่าวันนี้มีนัดกับแบร์โต้ไว้ ฉันต้องไปก่อนนะ เธอกับริคก็ไปดูหนังฟังเพลงกันสองคนก็แล้วกัน”
แม่สื่อทำตามแผน ก่อนหน้าที่เสียงโทรศัพท์มือถือจะดังขึ้น เธอได้ส่งข้อความไปหาสามีสุดที่รักว่า ให้โทรกลับมาหาเธอตามแผนที่วางไว้ ซึ่งโรแบร์โต้ก็ทำตามคำสั่งของภรรยาเป็นอย่างดี โทรกลับมาหาโดยพลัน
“ฉันไปกับริคสองคนเหรอ” เกตุกัญญาถามเสียงสั่น อาการประหม่าเพิ่มมากขึ้น เมื่อรู้ว่าจะต้องไปดูหนังฟังเพลงกับริคคาร์โด้ตามลำพัง
“ก็ใช่นะสิ แล้วแกก็ไม่ไปไม่ได้นะ เพราะฉันจองตั๋วหนังไว้แล้ว รหัสการจองฉันจะส่งเข้าเบอร์มือถือของแกเอง ส่วนเรื่องสถานที่ฟังเพลงฉันก็จองโต๊ะ สั่งซื้อไวน์ไว้แล้วด้วย แกไม่ไปไม่ได้เหมือนกัน” เอมิลี่จัดแจงเสร็จสรรพ ไม่ให้เกตุกัญญาปฏิเสธได้
“เราไปกันสองคนก็ได้เกรซ รับรองว่าผมจะดูแลคุณอย่างดีครับ” เสียงริคคาร์โด้ดังขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มให้เกตุกัญญาที่บัดนี้ความขวยเขินเปล่งปลั่งทั่วดวงหน้า
“ริค เอ็มมี่ฝากดูแลเกรซด้วยนะ ไปก่อนละ” เอมิลี่หันไปฝากฝังเพื่อนสนิทกับชายหนุ่มรูปงาม ก่อนจะเอี้ยวหน้ามามองหน้าเกตุกัญญา “เกรซ ฉันไปก่อนนะ ขอให้มีความสุขนะเพื่อน”
พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากห้องอาหารทันที ปล่อยให้เพื่อนสนิทอยู่ตามลำพังกับริคคาร์โด้สองต่อสอง
การรับประทานอาหารมื้อนี้ของเกตุกัญญา เป็นมื้อพิเศษอีกมื้อหนึ่งในรอบหลายเดือน เธอมีความสุขระคนเอียงอายกับการเอาอกเอาใจของริคคาร์โด้ หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉา และเข็ดหลาบจากเรื่องความรัก ชุ่มชื่นราวกับต้นไม้ขาดน้ำได้รับน้ำฝนจากฟากฟ้า
หลังจากรับประทานจนอิ่มหนำ ทั้งคู่ได้เดินทางต่อไปยังโรงภาพยนตร์ที่อยู่ไม่ไกลนัก ดูหนังรักโรแมนติก ที่ทำให้คนดูหวานชื่นไปกับภาพยนตร์เรื่องดัง จากนั้นทั้งสองก็ไปยังผับชื่อก้องของโรม ดื่มไวน์รสเลิศพร้อมกับนั่งฟังเพลงกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก นำพาความสุขให้กับสาวสวยผิดหวังในรักซ้ำซากเป็นอย่างมากรอยยิ้มแห่งความสุขไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าของเธอเลย...ซึ่งเกตุกัญญาภาวนาให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป