บทที่ 1
หกเดือนต่อมา
ดวงตายาวรีสีน้ำตาลอ่อนลอบมองบุรุษรูปงาม ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชีคนใหม่ที่เข้ามาทำงานในบริษัทได้หนึ่งเดือนยี่สิบวัน เจ้าของดวงตายิ้มเขินเมื่อคนที่ตนแอบมองหันมายิ้มและสบตาให้ หัวใจสาวเต้นระรัว ดวงหน้าหวานสวยพลันฉาบด้วยสีแดงระเรื่อ โดยเฉพาะแก้มนวลที่เปล่งปลั่งขึ้นทันตา
“แกจะมองริคอีกนานไหมเนี่ย ถ้าแกชอบเขาจริงๆ ก็เดินไปจีบเลยสิ มัวแต่มองอย่างนี้เดี๋ยวก็มีมือดีฉกตัดหน้าไปซะหรอก”
เอมิลี่สาวอเมริกันที่มาตั้งรกรากกับสามีชาวอิตาลีและเป็นเพื่อนสนิทของเกตุกัญญาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายตาของเพื่อน ลอบมองไปยังริคคาร์โด้อยู่ตลอดเวลา
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ใช่สาวไวไฟนะถึงได้ทำแบบนั้นน่ะ” เกตุกัญญาสวนกลับเพื่อน “อีกอย่างฉันก็กลัวผิดหวังด้วย” ประโยคนี้น้ำเสียงของผู้พูดแลดูเนือยเศร้าจับใจ
เอมิลี่รู้ความหมายของเพื่อนดี เธอเองก็อดแปลกใจไม่ได้ว่า เหตุใดสาวสวย รวยเสน่ห์และมากทรัพย์คนนี้ถึงได้พานพบกับความผิดหวังในความรักครั้งแล้วครั้งเล่า เกตุกัญญาน่าจะเป็นฝ่ายหักอกผู้ชายมากกว่า ไม่ใช่ให้ผู้ชายเป็นฝ่ายบอกเลิกถึงสี่ครั้งสี่ครา มีความรักครั้งใด ความผิดหวังจะต้องเกิดขึ้นทุกครั้งไปหรืออาจเป็นเพราะ ความรักไม่เลือกความสวย ไม่เลือกความรวย ไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ เรื่องการศึกษาไม่เกี่ยว แต่เกี่ยวที่คำว่า พรหมลิขิตล้วนๆ
“ฉันคิดว่าแกคงไม่ผิดหวังไปตลอดชีวิตหรอก ต้องมีสักคนที่เป็นคนที่ใช่ แกอย่าสิ้นหวังสิ” เอมิลี่ปลอบโยนเพื่อนสนิท
“แต่คนที่ใช่นั้นฉันยังไม่เจอใช่หรือเปล่า ฉันถึงได้ต้องเจ็บปวดทุกครั้งที่มีแฟน จนฉันไม่อยากจะรักใครอีกแล้ว”
เกตุกัญญากลายเป็นคนเข็ดขยาดในความรัก เธอไม่อยากจะมอบหัวใจให้ใครอีก เพราะกลัวว่าเหตุการณ์ซ้ำๆ นั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเอง เธอรักใครทุ่มให้ทั้งใจ ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเจ็บช้ำและถูกหักหลัง
หลังจากที่ถูกอันดิโน่ คนรักคนล่าสุดบอกเลิกเมื่อหนึ่งปีก่อนเกตุกัญญาทำใจอยู่เป็นเดือนกว่าจะยืนหยัดรับความผิดหวังนั้นได้ เพราะเธอคิดว่า อันดิโน่จะเป็นความรักครั้งสุดท้าย เป็นชายที่จะครองชีวิตคู่จนแก่เฒ่า เกตุกัญญาไม่ได้เผื่อใจให้กับความผิดหวังเลยแม้แต่น้อย พอเจ็บจึงเจ็บมากกว่าชายทุกคนที่เคยคบมา
เหมือนกามเทพเล่นกลกับหัวใจดวงนี้ ดวงที่คิดว่าจะปิดตายเรื่องความรักแต่มีอันเป็นต้องยอมเปิดประตูกว้าง ยามได้เห็นใบหน้ารูปงามของริคคาร์โด้ แล้วยิ่งรอยยิ้มของเขาเรียกร่างกายสาวให้อ่อนระทวยในพริบตา เธอเจอคนที่ใช่อีกแล้ว ทว่าไม่กล้าเปิดประตูหัวใจมากเกินไป เกรงว่าความผิดหวังจะเดินเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ทำได้เพียงแค่ลอบมอง ลอบยิ้มอยู่อย่างนี้
“เอาน่า แกก็คิดเสียว่ามันเป็นรสชาติของชีวิต เป็นบททดสอบความรู้สึก ให้แกแกร่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น ฉันเชื่อว่า สักวันหนึ่งแกจะต้องเจอคนๆ นั้น คนที่จะไม่ทำให้แกผิดหวังและเสียใจ”
เอมิลี่คิดว่า คนเราไม่มีใครสุขสมหวัง ผิดหวัง เสียใจ ดีใจ มีความสุข ได้พบพานความเศร้า ไม่ประสบความสำเร็จ หรือประสบความสำเร็จได้ตลอด ชั่วอายุของคนๆ หนึ่งต้องมีบททดสอบหลายสิ่งอย่างเข้ามาในชีวิต แต่ละคนมีวงจรชีวิตแตกต่างกันไป ดั่งเช่นเกตุกัญญาที่ถูกมรสุมความรักหักอกถาโถมเล่นงานหลายหน เอมิลี่เชื่อว่าสักวันหนึ่ง เกตุกัญญาคงได้พานพบกับความสุขของความรัก ที่ทุกคนเห็นแล้วต้องอิจฉา
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ฉันไม่อยากจะหวังแล้วนะเอ็มมี่” เสียงเศร้าของคนอกหักเป็นนิจเอ่ยถามเพื่อนสาว
“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละแก” คำตอบนี้เอมิลี่ก็หาตอบเพื่อนไม่ได้ “ฉันว่านะตอนนี้แกทิ้งสายตาจากริคก่อน แล้วเตรียมตัวไปรอรับท่านประธานดีกว่านะ อีกสิบห้านาทีท่านก็จะมาถึงบริษัทแล้ว แกดูคนอื่นสิเขาเตรียมตัวกันหมดเหลือแกคนเดียวนี่แหละ”
คนถูกเตือนความจำหน้าตาตื่นขึ้นมาทันที เธอลืมไปได้อย่างไรว่า วันนี้ประธานบริษัทคนใหม่จะเข้ามาทำงานเป็นวันแรก ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องน่าลืมเลยสักนิดเดียว อาจเป็นเพราะว่าเธอกำลังหลงอยู่ในห้องสีชมพูที่มีไอความรักคุกรุ่น จึงหลงลืมเรื่องสำคัญจนสิ้น
“ตายล่ะ!” เกตุกัญญาอุทาน “ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ย ฉันยังไม่ได้เตรียมเอกสารให้ท่านประธานเลย ตายแน่ๆ งานนี้ตายแน่ๆ” ผู้พูดกุลีกุจอจัดเตรียมเอกสารที่จะต้องให้ประธานคนใหม่ดูอย่างรีบเร่ง เอมิลี่ส่ายหัวกับท่าทางของเพื่อน
อันที่จริงแล้วเกตุกัญญาไม่จำเป็นต้องมานั่งทำงานในบริษัทแห่งนี้ เธอไปทำงานในบริษัทใหญ่โตของพ่อเลี้ยงก็ได้ ทว่าเกตุกัญญาอยากลองทำงานกับที่อื่นก่อน เพื่อเก็บเกี่ยวเรียนรู้ให้มากเวลาไปช่วยบริหารงานในบริษัทของพ่อเลี้ยงจะได้ทั้งประสบการณ์และวิสัยทัศน์กว้างไกลในการบริหารงาน เกตุกัญญาต้องการให้ทุกคนเห็นว่า ตนเองมีความสามารถ ไม่ใช่หวังพึ่งเส้นสายจากเจ้าของบริษัท ถึงแม้ว่าเธอจะมีสิทธิ์โดยชอบธรรมก็ตาม