2 ป๋าหายไป 1
ระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น สายตาคู่คมสอดส่ายไปรอบๆ เพื่อหาพยัคฆ์ชายสูงวัยที่ไม่เหลือความสง่างามแม้แต่น้อย เมื่อตอนเด็กสิงหายังจำได้ถึงบุคลิกอันโดดเด่นของชายที่เคยเป็นนายใหญ่ของไร่แห่งนี้
ภาพนั้นปรากฏแค่เพียงแวบเดียวมีอันต้องชะงักเมื่อเห็นคนงานชายสองคนกำลังช่วยกันต้อนหน้าต้อนหลังชายสูงวัยร่างกายซูบผอม ความสง่างามที่เคยมีบัดนี้มลายหายไป ทิ้งไว้แค่เพียงคนแก่ไหล่เอียงลู่ เส้นผมหงอกขาว ผิวหน้าเหี่ยวย่น เขาแก่ก่อนวัย เหมือนคนอายุ 70 แม้ว่าสวมใส่เสื้อผ้ามีราคาแต่ไม่อาจช่วยให้ดูดีขึ้นมาได้
เหตุที่มีสภาพร่างกายเช่นนี้เพราะพยัคฆ์ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนัก สุดที่จะรับไหว แต่ไม่มีใครช่วยได้เพราะพยัคฆ์ทำตัวเอง
“ปล่อย! ปล่อยฉันนะ”
เสียงแหบพร่าร่ำร้องบอกให้คนงานทั้งสองปล่อยแขนเล็กเหี่ยว แต่คนงานยังคงช่วยกันดึงร่างเกือบสิ้นสภาพความเป็นคนออกไปจากที่ตรงนั้นแล้วพามาที่รถ พยัคฆ์ดิ้นสะบัดเนื้อตัวไปมา คนงานหาได้ใส่ใจช่วยกันจับพยัคฆ์ขึ้นมานั่งบนรถจนได้
สิงหาหันไปมองทางเบาะหลัง เห็นพยัคฆ์นั่งก้มหน้า ไหล่ที่เคยผึ่งผายบัดนี้ลู่ลง เรือนร่างสั่นน้อยๆ ราวกับเป็นโรคพาร์คินสัน
“ป๋าหนีออกจากบ้านอีกแล้วนะ”
“ฉันจะกลับบ้าน”
“บ้านป๋าอยู่ที่นี่แล้วไง”
“ไม่ใช่ บ้านฉันต้องมีพ่อแม่ ฉันจะเอาใบปริญญาไปอวด”
“ไหน ใบปริญญาน่ะ”
“นี่ไง ฉันเก็บเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อตลอดเวลา”
ยืนยันในคำตอบ พยัคฆ์หยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้วส่งให้สิงหาดูด้วยมืออันสั่นเทา สิงหาเห็นแล้วน้ำตารื้นขึ้นมาเวทนาจับใจ
“ใบไม้ครับป๋า”
“อ้าว ใบไม้หรือแล้วใบปริญญาของฉันอยู่ที่ไหนนะ?”
“ป๋า กลับบ้านไปนอนพักก่อนนะครับ วันนี้ป๋าเหนื่อยมากแล้ว”
“นั่นสินะ ฉันรู้สึกเมื่อยไปทั้งตัว มณีล่ะอยู่ไหน?”
“รอป๋าอยู่ที่บ้านครับ ป๋าทำใจให้สบายนะ”
พยัคฆ์เอนร่างอิงศีรษะเต็มไปด้วยผมหงอกขาวลงกับพนักพิง หลับตานิ่งๆ ครู่หนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมา มองรอบๆ ตัว คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน ทำหน้างุนงง
“สิงห์ จะพาฉันไปไหนเนี่ย”
“อ้าว จำได้แล้วหรือป๋า”
“อย่ามาถามยอกย้อน จะไปไหนกัน เอาไปหมกหรือไง?”
“ป๋าหนีออกจากบ้าน พวกเราออกตามหาจนเจอ”
“ไม่จริง แกโกหก ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“จริงๆ นะครับนายเสือ ไอ้จ้อนรับประกันได้ ไม่เชื่อถามไอ้นี่ดูสิ”
จ้อนคนงานที่ทำหน้าที่ดูแลพยัคฆ์ยืนยันต่อคำพูดของสิงหาก่อนที่จะหันไปขอความเห็นจากคนงานชายร่างกำยำขณะนี้พยักหน้าเห็นด้วยอีกคน พยัคฆ์ทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ ปิดปากเงียบ ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เสียงทอดถอนใจตามมา สิงหายิ้มที่มุมปากแล้วขับรถไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานรถคันหรูจอดลงที่หน้าบ้าน ทุกคนลงจากรถ จ้อนทำหน้าที่ประคองพยัคฆ์ให้ขึ้นไปข้างบนบ้าน แต่เขายังคงสะบัดเนื้อตัวไปมา เดินตัวเอียงๆ ขึ้นบันได มณีที่ยังคงนั่งอยู่บนรถวีลแชร์ส่งยิ้มให้ด้วยความดีใจ เมื่อรู้ว่าสามีกลับบ้านโดยปลอดภัย
“พี่พยัคฆ์ หิวไหมจ๊ะ ฉันจะเอาน้ำให้นะ”
“อย่าเลย เธอเองก็เคลื่อนไหวไม่สะดวก มณีจำเอาไว้ว่าถึงเธอจะเป็นอย่างไร ฉันจะดูแลเธอเอง”
ร่างผอมไหล่ลู่เดินเข้าไปหามณีที่ยังคงนั่งอยู่บนรถวีลแชร์ มองพยัคฆ์ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรัก น้ำตาคลอเมื่อลำแขนไร้กล้ามเนื้อรั้งศีรษะเข้าไปหา มณีร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ
สิงหามองภาพนั้นด้วยความประทับใจ รับรู้ถึงความผูกพันของคนทั้งสอง แม้ว่าพยัคฆ์เคยทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้ แต่มณีให้อภัยเพราะความรักกับคำว่าสามี
“นายเสือกับป้ามณีรักกันจริงๆ นะคะ แม้ว่าความจำของนายเสือจะเลอะเลือนไปบ้างและป้ามณีนั่งอยู่บนรถเข็น แต่เขาก็ไม่เคยทิ้งกัน”
เสียงหวานๆ จากหญิงงามเอ่ยขึ้น สิงหามองเรือนร่างสูงสมส่วนในเดรสยาวสีฟ้าด้วยความรัก รั้งเอวคอดเข้ามาใกล้ๆ สวมกอดแนบแน่น
“น้ำฝนก็รู้นี่ว่าป้ามณีเป็นอย่างนี้เพราะใคร ถ้าไม่ใช่ป๋า พี่ยังจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ดี”
“บางเรื่องที่ไม่ดี เราไม่ควรจดจำ”
“สำหรับพี่คงลืมไม่ได้หรอกที่รัก แต่พี่ดีใจในช่วงชีวิตที่ย่ำแย่เป็นไอ้ขยะในสายตาคนอื่น มีน้ำฝนคนเดียวเท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง ขอบคุณที่ช่วยให้พี่เป็นผู้เป็นคนขึ้นมา”
“น้ำฝนรักพี่สิงห์ไงคะ”
คำๆ นี้เรียกรอยยิ้มสดชื่นจากริมฝีปากรูปกระจับของชายหนุ่มให้เกิดขึ้น ปลายจมูกโด่งยื่นมาประทับที่แก้มขาวนวลเบาๆ และคลายแขนออกจากร่างงามแล้วไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใบหนา น้ำฝนรู้ว่าสิงหาต้องการความเป็นส่วนตัวจึงเลี่ยงออกไป