Ep 5 รสชาติที่คุ้นเคย
คำแรกที่ลิ้นสัมผัส คนตัวโตถึงกับหยุดเคี้ยว ก็จู่ๆ เรื่องราวในอดีตที่โผเข้ามา นี่เขาเกือบลืมไปแล้วว่า ในชีวิตยังมีความทรงจำดีๆ กับคนคนหนึ่ง ช่วงนั้นเขารู้ได้ว่าคนตัวน้อยแอบมีใจให้เขา แต่ด้วยอายุเพียงแค่นั้นของเธอ และเขาเองก็มีลลิน อยู่แล้ว มันทำให้ความสัมพันธ์ในครั้งนี้ต้องมีพื้นที่ว่าง
จู่ๆ ทำไมตอนนี้เขากลับนึกถึงเธอเสียได้ล่ะ หรือเพียงเพราะลลินไม่สนใจใยดีเขาแล้วอย่างนั้นหรือ? มือหนาค่อยๆ บรรจงตักอาหารเข้าปากอย่างช้าๆ รสชาติข้าวพันผักนี่อีก
มันคุ้นเสียจน นี่เขาไม่ทานเมนูนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ทำไมจู่ๆ เรื่องราวอย่างว่าถึงผุดขึ้นมาปุดๆ อย่างกับดอกเห็ดซะอย่างนี้
นี่คงเป็นเพราะพยาบาลสาวคนโปรดของแม่แน่ๆ เชียว ไหนเจ้าหล่อนจะมาจากเชียงรายอีก ตอนนี้เขาตามองไม่เห็น ถ้าจะถามชื่อไป เขาก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเด็กนั่นชื่ออะไร เห็นแต่คนในท้องถิ่นเรียกตัวเล็กๆ เขาจึงได้เรียกชื่อเธอว่าตัวเล็กตาม
ตู้ด... ตู้ด...
(เสียงโทรศัพท์ที่คุณนายฉวีโทรหาศรีนวล)
“สวัสดีค่ะคุณฉวี”
ทันทีที่รู้ว่าคนที่โทรมาคือใคร นวลก็รับสายอย่างคนตื่นเต้น
“สวัสดีจ้ะนวล สบายดีไหม?”
“สบายดีค่ะ แล้วคุณฉวีล่ะคะ?”
“ฉันสบายดี นี่เรียกซะห่างเหินเชียว”
นวลเลี่ยงที่จะไม่ตอบแต่กลับถามพูดคุยสาระทุกข์สุกดิบกันไป คนเป็นแม่อย่างศรีนวลต่างก็ดีใจที่คนในบ้านใหญ่รักใคร่เมตตาลูกสาวของตน
“คือฉันอยากจะขอนวลเรื่องหนึ่งได้ไหม?”
คนเป็นแม่ก็เริ่มจะแปลกใจแล้วว่า จู่ๆ ที่ฉวีโทรมาก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไร หรือว่ายัยตาไปทำอะไรไม่ถูกใจคนบ้านนั้นกันแน่นะ หรือเพราะเรื่องอะไร ก่อนที่ผู้เป็นแม่อย่างนวลจะถามกลับปลายสายออกไป
“คุณฉวีอยากจะขออะไรนวลคะ ถ้านวลให้ได้ นวลเต็มใจอย่างที่สุดค่ะ”
คราวนี้ทำเอาคุณนายฉวียิ้มหน้าบานเมื่อได้ฟังคำตอบจากนวลออกมาแบบนั้น
“คือเอาตรงๆ เลยนะ ฉันชอบหนูตามาก และอยากได้เธอมาเป็นลูกสาวของฉันอีกคน”
“คุณฉวี!!”
ศรีนวลเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก นอกจากการตอบรับแทนคุณ ศรีนวลไม่เคยคิดฝันไปไกลหรือหวังสูงอะไรขนาดนั้น แค่มีคนมารักและเอ็นดูลูกสาวของเธอ มันก็ดีมากมายแค่ไหนแล้ว
“คุณจะรับยัยตาไปเป็นลูกบุญธรรมหรอกหรือคะ?”
เธอยังคงงง และก็อดที่จะถามฉวีออกไปไม่ได้ ก่อนที่จะได้รับคำตอบที่ทำเอาคนเป็นแม่อย่างศรีนวลถึงกับอ้าปากตาค้าง ด้วยตอบไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะตอบคนปลายสายยังไงดี
“ที่ฉันขอ นวลโอเคหรือเปล่า หรือว่าหนูตามีแฟนแล้วงั้นหรือจ้ะ?”
“ปะ... ปล่าวค่ะคุณฉวี แต่ว่า นวลเกรงว่า...”
“ไม่ต้องกังวลนะ ฉันแค่มาขอมาแจ้งนวลไว้ แต่ถ้าเด็กทั้งคู่ไม่ได้ชอบพอกัน ฉันจะไปห้ามจิตใจใครได้หรือ ใช่ไหมล่ะ?”
มันก็จริงอย่างที่คุณหญิงฉวีพูด ถ้าลูกสาวของเธอไม่ได้รักชอบพอกับลูกชายของหล่อน ใครจะไปบังคับขู่เข็ญได้ แต่ถึงกระนั้น ฉวีก็ยังอยากจะขออนุญาตกับนวลก่อนเป็นกรายๆ เพราะคนเป็นแม่อย่างฉวีก็ชักจะเริ่มผิดสังเกตที่คนทั้งคู่แสดงออกต่อกัน นี่หนูตาก็มาทำงานได้จะครึ่งเดือนแล้ว
อีกทั้งฤทธิ์เดชของไอ้เจ้าลูกชายร่างยักษ์ของเธอ ดูเหมือนว่าจากทอนาโด ตอนนี้จะกลายมาเป็นแค่เพียงพายุขนาดย่อมๆ นึกแล้วมันก็น่าแปลกใจที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะเริ่มเชื่อฟังคนตัวเล็กอย่างว่าง่าย
“ฉันก็แค่มาบอกนวลไว้ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอวางสายก่อนนะ ถ้านวลมีอะไร โทรหาฉันได้ทุกเมื่อ”
“ได้ค่ะ คุณฉวี สวัสดีค่ะ”
ตอนนี้คนตัวโตกับคนตัวเล็กหารู้ไม่ว่า ผู้เป็นแม่ของตนเองคิดจะทำอะไรกันอยู่
ร่างบางที่เดินขึ้นมาเก็บถาด ก็ยิ้มกริ่มอย่างดีใจ
คือไม่ต้องมาคอยดูเวลาเขาทานแล้วก็ได้ว่าว่าอร่อยขนาดไหน นี่เล่นซัดซะเกลี้ยง ก่อนที่ถาดเปล่าจะถูกถือลงไป และนั่นเองฉวีก็ได้เดินผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ในรอบหลายเดือนมานี้ ที่เขาเห็นจานอาหารที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาซัดมันซะเกลี้ยง
“คุณป้า”
ร่างบางเอ่ยทักพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“สงสัยป้าคงต้องรบกวนหนูตาทุกมื้อซะแล้วล่ะ?”
รมิตาที่รับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าจะสื่ออะไร เธอจึงยิ้มกว้างสวยตอบอย่างเต็มใจ
“ไม่รบกวนเลยค่ะ ตาเต็มใจค่ะ อีกอย่างช่วงเวลาเข้าครัว ตาก็ว่างพอดี”
“งั้นป้ารบกวนหนูตาแล้วนะจ้ะ เอ่อ และก็นี่จะยาหลังอาหาร เดี๋ยวต่อไปหนูตาก็ทำหน้าที่ให้ครบเลยนะจ๊ะ”
ว่าแล้วฉวีก็ยื่นยาหลังอาหารให้รมิตา ซึ่งทุกวันหน้าที่
หาอาหารกับยา นอกจากจะเป็นมารดากับปราณีแล้ว เขาไม่รับของหรือทานอะไรจากมือใคร
ว่าแล้วคุณนายฉวีก็เรียกให้สาวใช้มารับถาดจากรมิตาไปเก็บ และแม่อย่างเธอก็เดินออกไป ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนูตา ให้เธอได้จัดการเจ้าร่างยักษ์ให้อยู่หมัด
“ได้เวลาทานยาแล้วนะคะ”
“ทำไมเป็นเธอ?”
“ก็ตาเป็นพยาบาลพิเศษของคุณนี่คะ หน้าที่แบบนี้ก็ต้องเป็นของตาอยู่แล้ว”
“งั้นต่อไป ก็อยู่ทำให้มันครบๆ ไม่ว่าจะช่วยฉันอาบน้ำ หรือว่าอะไรก็ตามแต่”
สิ้นเสียงพูดของคนปากหนา ก็ทำเอารมิตาถึงกับหน้าแดงร้อนผ่าว ดีนะที่ว่าคนตรงหน้ามองไม่เห็น จริงๆ แล้วหน้าที่ตรงนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นหน้าที่ของเธอทั้งหมดนั่นแหละ มีแต่คนตัวโตที่ไม่อนุญาตในเมื่อก่อน อีกอย่างคนที่มาคอยช่วยคอยพยุงก็เป็นสาวใช้ในบ้านคนเก่าคนแก่ ไหนจะเจ้าศรที่มือหนักอย่างกับยักษ์ที่ช่วยพยุงเขาแต่ละที ไหนจะไอ้เจ้าบุรุษพยาบาลร่างเบิ้มที่จ้างมาอีกนั่น ไม่มีใครทำถูกใจเขาเลยสักราย แต่คนตัวโตก็ทนมาได้เพียงเพราะไม่ไว้ใจใคร
อีกอย่างตอนนี้เขาก็อยากเข้าใกล้ร่างนุ่มนิ่มนี่ซะเหลือเกิน แต่ก็ไม่มีข้ออ้างอะไรที่จะทำให้เขาเข้าใกล้ได้เลย
ทางด้านคุณนายฉวีและปราณี พอได้ทราบเรื่อง ก็พากันยิ้มกรุ้มกริ่มดีใจ ดีใจมากซะยิ่งกว่าถูกหวยเสียอีก
“นี่ลูกแน่ใจนะว่าจะไม่ทำให้น้องบาดเจ็บอีก?”
เสียงมารดาเอ่ยถามทั้งๆ ที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว ว่าไอ้เจ้าลูกชายคงไม่ทำอะไรน้องอีก แต่ก็ยังอยากจะถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
“ครับ”
ทีนี้ร่างสูงตอบกลับมาแค่เพียงสั้นๆ ดังนั้นแล้ว คนตัวเล็กที่ว่าต้องหอบข้าวของมาพักข้างๆ ห้องของไอ้เจ้าลูกชาย เพราะการดูแลคนป่วยอย่างเต็มระบบ มันก็แทบจะกินเวลาไปทั้งวันอยู่แล้ว ไหนจะเดินเข้าๆ ออกๆ จากตึกนั้นมาตึกนี้ ใช่มันใกล้ๆ กันซะที่ไหน อีกอย่างมันก็เป็นแผนของฉวีกับปราณีนั่นด้วย
สองคนนี้ลุ้นจับคู่ยิ่งกว่าลุ้นเสียอีก คราวนี้ที่เป็นคนตัวเล็กเองที่หน้าแดงก่ำออกมาจนผู้หญิงวัยกลางคนทั้งสองจับสังเกตได้ นี่เจ้าหล่อนเป็นบ้าอะไรไปนะ ปฐมพยาบาลคนมาก็มากโข แต่พอเป็นเขาเท่านั้นแหละ บทจะใบหน้าร้อนผ่าวก็เป็นขึ้นมาเอาเสียง่ายๆ
บ้าจริงยัยตา! คิดอะไรของเธอนี่ น่าเกลียดจริงเชียว แค่เธอนึกถึงเรื่องที่จะได้ใกล้ชิดกับเขา ไหนเรื่องทุกอย่างกลับกลายมาเป็นเธอที่ต้องคอยทำให้ จะว่าเกี่ยงหน้าที่มันก็ไม่ใช่แล้วไหม แต่นี่เขา... คนที่เธอแอบชอบตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว นี่เธอจะเก็บอาการของตัวเองยังไงดีนะ ที่จะไม่ให้แสดงออกถึงความประหม่านี่ เพียงแค่อยู่ใกล้คนร่างยักษ์เท่านั้น เธอก็แทบหายใจหายคอไม่ค่อยจะออกอยู่แล้ว นี่ยังต้องถึงเนื้อถึงตัว คราวนี้ตายแน่ๆ ยัยตา
18:00 น.
เวลาทานมื้อค่ำของคนตัวโต
ร่างบางที่ถือถาดขึ้นมาอย่างคุ้นชินกับสถานที่ตรงนี้บ้างแล้ว เขามีทำเจ้าหล่อนเจ็บตัวก็แค่วันแรกที่เจอหน้า ดีนะที่เขาไม่ใจร้ายกับเธออีก เพราะถ้าหากผู้ป่วยดื้อ การดูแลรักษามันจะเป็นไปได้ยาก และวันนี้นี่เองหลังจากที่เธอคอยดูแลเขามาหลายวัน ทางกายภาพบำบัดช่วงหลังมื้อค่ำก่อนอาบน้ำ นี่ก็จะเป็นวันแรกด้วยเช่นกัน ที่เขาอนุญาตให้เธอลงมือทำเองกับมือ
ที่ผ่านมาเธอป็นเพียงผู้ช่วยอีกคนของนักกายภาพเพียงเท่านั้น เขาให้ใครแตะซะที่ไหนกันเล่า เมื่อถาดอาหารถูกวางลงเรียบร้อย คนที่เอาแต่นั่งเหม่อลอยตรงเก้าอี้วีลแชร์ก็เอาแต่นั่งนิ่งๆ ไม่ขยับ นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ
สำหรับเขาแล้วนอกจากเรื่องงานก็ไม่อยากจะคิดเรื่อง
อะไรให้มันปวดหัว แม้จะมีบ้างที่เรื่องของลลินเข้ามากวนใจ เขาป่วยมาจะ 3 เดือนแล้ว เธอเพิ่งมาเยี่ยมแค่ครั้งสองครั้งเห็นจะได้ ร่างโตที่เอาแต่ใจลอยคิดนู่นปะปนนี่ไปมาอย่างสะเปะสะปะ และแล้วความคิดนั่นก็ต้องจบลงด้วยเสียงหวานใสของใครคนหนึ่ง
เสียงนี้เขาเริ่มจะคุ้นชินกับมัน ร่างหนาที่เอาแต่ลอบถอนหายใจอยู่เนืองๆ เพราะหงุดหงิดตัวเองกับสิ่งที่เริ่มรู้สึกในตอนนี้
เขาไม่รู้หรอกว่าพยาบาลตรงหน้าจะหน้าตายังไง แต่ก็พอจะรู้ได้ว่าเธอคงสวยไม่เบา ก็เล่นเอาซะยัยเด็กถุงแป้งเรียกแต่พี่คนสวย เขาแทบจะลืมไปเสียด้วยซ้ำว่าเธอชื่อรมิตา ส่วนรูปร่างเขาก็พอจะรู้ ก็วันแรกที่เจอยังไงล่ะ
เล่นดึงกระชากร่างบางมานั่งตักซะขนาดนั้น ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็แทบจะไม่ให้เธอเข้าใกล้อีกเลย มันเพราะอะไรน่ะหรือ ตัวเขาเองก็ยังคงตอบไม่ได้เช่นกัน
ก่อนหน้าเขาก็ว่าเธอไปสารพัด แต่ด้วยความนิ่งเงียบ
ไม่โต้ตอบของเธอ มันทำให้เขาหมดสนุก และไม่คิดจะว่าเธออีกเลยตั้งแต่นั้น ก็ด้วยนิสัยของเขาจริงๆ แล้ว เป็นผู้ชายที่อบอุ่นและดูสุภาพ การที่จะมาทำร้ายๆ กับใคร มันก็ดูฝืนตัวเองไปซะหมด
“คุณภาคินคะ ได้เวลามื้อค่ำแล้วค่ะ”
เสียงหวานใสได้เอ่ยแจ้งเขาขึ้น