Ep 4 ประหม่า
“ขอโทษนะคะ”
คนตัวเล็กเอ่ยขอโทษแทนคำขออนุญาต เพราะตอนนี้มือเล็กก็ได้จับคางหนาของคนร่างสูงเพื่อให้เงยหน้าขึ้นกว่าเดิม ก็เจ้าหล่อนบอกเขาเป็นรอบที่สี่สิบห้าก็ว่าได้ เขาก็เอาแต่ก้มๆ เงยๆ ลุกลิกๆ อย่างกับเด็กไม่อยู่นิ่ง จนเจ้าหล่อนต้องลงมือจัดการเองเสียนี่
“ลืมตานะคะ เดี๋ยวจะหยอดตานะคะ”
ปากเล็กที่เอ่ยแจ้งเขาเป็นระยะๆ ทำเอาลมอุ่นร้อนที่ออกจากปากเล็กมาปะทะเข้ากับใบหน้าคมของเขาเข้า ซึ่งตอนนี้นั่นเอง เขาช่างอยากจะทำอะไรกับเจ้าหล่อนอย่างประหลาด ความคิดที่ว่ามันก็ผุดขึ้น ก่อนที่ร่างโตจะลอบถอนหายใจหนักๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของตนเองลง ส่วนคนตัวเล็กที่อยู่ใกล้เขาชนิดที่ว่าบางจังหวะเธอยังเกือบลืมหายใจ
เขามันก็มนุษย์ผู้ชาย เมื่อใกล้ผู้หญิงมันก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาไหมล่ะ แต่มันกลับไม่ธรรมดาตรงที่เขาใช่ว่าจะรู้สึกแบบนี้กับทุกคน และมันใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครง่ายๆ ขนาดลลินยั่วยวนเขาจะตาย บางทีเขาก็ยังคงตายด้าน จะว่าไปคิดจะโทษแต่ลลินเธอก็ไม่ถูก เป็นใครล่ะจะทน คบกับลลินมาจะเข้าปีที่ 6 เขาก็แทบไม่มีอะไรกันกับเธอเสียด้วยซ้ำ
ก่อนที่ร่างหนาจะฟึดฟัดเสียดื้อๆ
“เสร็จรึยัง? เสร็จแล้วก็รีบออกไป!”
“ค่ะ แต่บ่ายโมงคุณต้องทำกายภาพนะคะ”
เขาเงียบไม่ตอบอีกตามเคย ส่วนคนตัวเล็กที่ดูเวลานี่ก็
11 โมงกว่าๆ แล้ว อีกเดี๋ยวคงถึงมื้อกลางวันของเขา ช่วงนี้เธออยู่ว่างๆ จึงผุดไอเดียขึ้นมาได้ว่าตัวเองอยากทำอะไรให้คนตัวโตทานสักหน่อย ว่าแล้วเท้าเรียวก็ก้าวฉับๆ ลงบันไดไปหาปราณีอย่างรวดเร็ว
“ป้าณีคะ มีอะไรให้ตาช่วยไหมคะ?”
เสียงหวานใสเอ่ยถามปราณีขึ้น รมิตาที่เดินมายังบริเวณห้องครัว ซึ่งมันเป็นห้องครัวที่กว้างและหรูมาก ซ้ำยังสะอาดมากด้วยเช่นกัน ตู้เย็นบานใหญ่ที่ถูกบิวท์อินให้เข้ากับผนังห้องสีชา กับการดีไซน์เก๋ๆ กับหินอ่อนลายแร่ถ่านหิน นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นห้องครัวเจ้าหล่อนยังแทบไม่เชื่อ มันดูเหมือนห้องอะไรสักอย่างที่ไม่เหมือนห้องครัวเลยด้วยซ้ำ
“คุณหนูตา ทำไมถึงลงมาล่ะคะ คงไม่ได้...”
ปราณีคงอยากจะถามว่าคงไม่ถูกคนใจร้ายไล่ตะเพิดมา ก่อนที่รมิตาจะบอกกับปราณีว่า เธอลงมาเอง เพราะตอนนี้ก็อยู่ว่างๆ
“ให้ตาช่วยนะคะ ตาจะบอกว่าตาทำกับข้าวอร่อยมากเลยนะคะ”
ปราณียิ้มให้กับความขี้เล่นและเป็นกันเองของเธอ
“งั้นคุณตาช่วยป้าล้างผักนะคะ พอดีจะทำเป็นผักแอ้ม น้ำพริกอ่องให้คุณภาคินค่ะ”
เธอยิ้มและพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นี่เขาชื่อภาคินอย่างนั้นหรอ คุณป้าก็ไม่ได้บอกเธอ ด้วยเพราะคิดว่าแม่ของรมิตาน่าจะบอกเรื่องเขาคร่าวๆ ของลูกชายให้เธอฟังบ้าง อีกทั้งฉวีก็ยังไม่ได้แนะนำลูกชายของหล่อนอย่างเป็นทางการ ไหนจะวันนั้น ก็มัวแต่วุ่นกับคนร่างบางที่ถูกพี่เล่นงานจนหัวแตก
มิน่าล่ะ ผ้าเช็ดหน้าสัญลักษณ์เกียร์ถึงปักชื่อตัวพี ตอนแรกนึกว่ามีสาวเอามาฝากซะอีก ล้างผักไปก็แอบยิ้มกรุ้มกริ่มไป ทำเอาปราณีอดแปลกใจอยู่ไม่น้อย นี่คนตัวเล็กยิ้มอะไรกัน ปกติคนอื่นเขาขวัญหนีดีฝ่อกันหมดแล้ว ด้วยวัยที่ผ่านประสบการณ์มาบ้าง ปราณีก็พอจะดูออกว่าคนตัวน้อยคิดกับนายยังไง ถ้าหล่อนดูไม่ผิด ขอให้เป็นคุณคนนี้ คุณรมิตาคนนี้ทีเถอะ ณีจะเชียร์เป็นไหนๆ อย่างสุดใจเลยทีเดียว
“พอดีคุณภาคินเขาชอบกินน้ำพริกอ่องค่ะคุณตา คุณเขาชอบตั้งแต่...”
ปราณีทำท่าครุ่นคิด ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่นะ แต่ก็จำไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยต่ออีกว่า
“คุณเขาชอบมาน่าจะ 4-5 ปีได้แล้วค่ะ ไม่รู้ไปติดใจมาจากที่ไหนนะคะ”
และคำพูดของปราณีนั้นเอง มันยิ่งตอกย้ำว่าเขาน่าจะพึ่งชอบหลังจากที่ได้ทานฝีมือของเธอเป็นแน่ ครั้งนั้นเขาบอกเธอว่าพึ่งเคยทานเป็นครั้งแรก ก็คงจะใช่ เขาน่าจะเริ่มชอบน้ำพริกอ่องก็ตอนนั้นนั่นแหละ ร่างเล็กที่เอาแต่อมยิ้ม แววตาเป็นประกาย ก็ล้างผักเตรียมทำข้าวพันผักเพิ่มอีกเมนู
นี่เธอก็กะว่าจะมาทำเมนูนี้อยู่พอดี ทำไมถึงได้ใจตรงกันแบบนี้ไปเสียได้นะ
“ได้อะไรทานกันจ๊ะณี? กลิ่นหอมฟุ้งไปถึงหน้าบ้านเชียว”
เสียงหวานของคุณนายฉวีก็โพล่งขึ้น เธอเดินเข้ามาในครัว ก็เพราะกลิ่นหอมของน้ำพริกนี่ล่ะ ทำเอาเจ้าของบ้านถึงกับต้องเดินเข้ามาดู
“อ้าว หนูตา นี่มาช่วยเข้าครัวด้วยหรือจ๊ะนี่?”
“ค่ะคุณป้า พอดีตาอยู่ว่างๆ ค่ะ ก็เลยมาช่วยป้าณีกับถุงแป้งสักหน่อย”
มือสวยยังคงหยิบนั่นจับนี่ในขณะที่หันหน้ามายิ้มตอบก่อนจะหันกลับไปหั่นผักตามเดิม
“หนูตาลงมือทำน้ำพริกอ่องเองเลยหรอจ๊ะ?”
“ใช่ค่ะคุณป้า”
“ก็ดีเหมือนกันนะ เจ้าถิ่นทำ ต้องอร่อยเป็นไหนๆ”
ปกติคนทำก็คือปราณีกับสาวใช้อีก 2-3 คน แต่ณีเป็นคนอีสาน อาจจะทำเมนูนี้สู้คนท้องถิ่นไม่ได้ ส่วนถุงแป้งรายนั้นนะเมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยก็เอาแต่นั่งเขี่ยโทรศัพท์ ไถติ๊กตอกไปมา
“ถุงแป้ง มีคนมาช่วยหน่อย นั่งสบายเลยนะเรา หือ เดี๋ยวฉันจะหักค่าขนมซะหน่อย!”
คุณนายฉวีพูดทีเล่นทีจริง ทำเอาถุงแป้งถึงกับรีบลุกขึ้นเด้งดึ๋งด้วยกลัวว่าจะถูกหักค่าขนม ก่อนที่คนทั้งสามจะอดขำออกมาเสียไม่ได้
“แล้วนี่แผลของหนูดีขึ้นบ้างรึยังจ๊ะ?”
คุณนายฉวียังไม่ลืมที่จะเอ่ยถามอาการของคนร่างเล็กอย่างเป็นห่วง เพราะฝีมือไอ้เจ้าลูกชายตัวดีนั้นแท้ๆ
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ เดี๋ยวตาทานยาแก้อักเสบอีกสัก 2-3 วันก็หายแล้วค่ะ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
“คำก็ป้าสองคำก็ป้า ดูห่างเหินกันจัง แล้วนี่หนูมียาทาแก้รอยแผลเป็นรึยังจ๊ะ?”
คนตัวเล็กอึกอักไม่ตอบ เพราะรู้ดีว่าถ้าตอบออกไป
เดี๋ยวคุณป้าใจดีก็จะจัดแจงเป็นธุระอีก เธอรู้สึกเกรงใจ แต่ก็นั่นแหละ คนอย่างฉวีทำไมจะไม่รู้ทัน ก่อนที่หล่อนจะเอ่ยขึ้นก่อน
“วันนี้ป้ามีธุระออกไปข้างนอก เดี๋ยวจะแวะร้านยาซื้อมาให้”
ร่างสวยสมวัยของฉวีเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มให้รมิตาอย่างรักใคร่เอ็นดู เธอไม่เอ่ยบ่นลูกชายเขาเลยสักคำ
“ขอบคุณนะคะคุณป้า”
ว่าพลางมือสวยก็ยกขึ้นไหว้ขอบคุณ
ปราณีกับคุณนายฉวีที่เอาแต่จ้องตากัน เพราะชื่นชอบในกิริยาของเจ้าหล่อน นี่ถ้านายหญิงของบ้านเป็นคุณรมิตา ปราณีก็จะเอ่ยเรียกด้วยความเต็มใจ ซึ่งก็คงไม่ต่างจากคุณนายฉวีเท่าไหร่หรอก ที่ตอนนี้ดูท่าแล้วจะชอบหนูรมิตาอย่างออกนอกหน้า คิดแล้วคุณนายฉวีก็ปลงไม่ตก ถ้ามันจะหนักก็อยู่ที่คนตัวโตนู่น รายนั้นนอกจากจะเปิดใจให้ใครยาก
ซ้ำยังแม่อย่างคุณนายฉวียังไม่เคยเห็นว่าลูกชายจะรักใครได้อีก นอกจากยัยหนูลลินนั่น ก็ไม่รู้ว่าลูกของตนไปรักไปชอบเธอมากมายถึงขนาดนั้นได้ยังไง ทั้งที่นิสัยก็ออกจะก้าวร้าว ไม่น่ารัก เทียบกับคนตรงหน้าแทบไม่ติดสักนิดเดียว
นี่ก็ได้เวลามื้อเที่ยงแล้ว เมนูน้ำพริกอ่องกับข้าวพันผักที่ รมิตาเสนอทำพิเศษให้นี่ถ้าหากมีเวลาเหลือ เจ้าหล่อนก็อยากจะทำข้าวซอยไก่เพิ่มเสียด้วยซ้ำ ก่อนที่เธอจะรับปากกับถุงแป้งว่าวันหน้าจะทำให้กิน เจ้าเด็กถุงแป้งก็ดีใจใหญ่ ดูเหมือนว่าทุกคนในบ้านต่างก็ชอบรมิตาไม่น้อย
“แป้งอยากให้คุณคนสวยอยู่ที่นี่นานๆ”
จู่ๆ ถุงแป้งก็โพล่งขึ้น
“เรียกพี่ว่าพี่ตาก็ได้จ้ะถุงแป้ง”
น้ำพริกอ่องกับข้าวพันผักที่คนตัวเล็กลงมือปรุงเอง เพราะปราณีเห็นว่า ยังไงคนเจ้าถิ่นน่าจะปรุงได้กลมกล่อมกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่า กลิ่นหอมของมันที่ลอยคละคลุ้งไปเตะจมูกใครบางคนเข้า จากคนที่กินยากก็เริ่มหิวขึ้นมาซะง่ายๆ
น้ำพริกอ่องและข้าวพันผักที่คนตัวเล็กลงมือปรุงเอง กลิ่นหอมที่โชยไปทั่วครัวไม่ได้เป็นเพียงแค่กลิ่นของอาหารเท่านั้น แต่เป็นความทรงจำบางอย่างที่กำลังปลุกปั่นความรู้สึกบางอย่างในหัวใจของใครบางคน คนตัวโตที่เคยนั่งนิ่งๆ อยู่บนวีลแชร์เหมือนกำลังรับรู้บางอย่างที่เขาเองก็ยังอธิบายไม่ได้ กลิ่นนี้ป้าณีทำน้ำพริกอ่องอีกแล้วหรือนี่ แต่ครั้งนี้เหมือนกลิ่นมันจะต่างจากเดิม
“...กลิ่นนี้...”
เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่มือใหญ่จะลูบหน้าอย่างครุ่นคิด แต่แล้วความคิดนั่นก็ต้องลบล้างออกไป เมื่อเสียงฝีเท้าของใครบางคนเริ่มใกล้เข้ามา
เวลาผ่านไปไม่นาน ปราณีก็พารมิตาเดินถือถาดอาหารขึ้นมาเพื่อเตรียมเสิร์ฟมื้อเที่ยงให้กับคนร่างสูง แม้เจ้าหล่อนจะรู้สึกประหม่ากับการที่จะต้องมาเจอเขาในแต่ละวันก็ตาม เธอรู้ว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหักห้ามใจตนเอง เขาจะรู้สึกอย่างไรนะ ถ้ารู้ว่าเธอคือคนตัวน้อยที่เขาชอบเรียกนั่น
ก๊อกๆ
เธอเคาะประตูทั้งๆ ที่ห้องยังเปิดอยู่ นี่ก็เป็นอีกมารยาทของเธอเช่นกัน ที่ทำเอาปราณียิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ก่อนที่ปากอิ่มสวยได้รูปจะเอ่ยขึ้น
“ขออนุญาตค่ะ ตาขอเข้าไปนะคะ”
รมิตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนตามแบบฉบับของเธอเอง จากนั้นเจ้าหล่อนกับปราณีก็จัดวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างๆ เขาอย่างเบามือ
เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่ากับข้าวมื้อนี้ คงไม่ใช่ฝีมือปราณีแน่ๆ และน่าจะดูออกว่าใครลงมือทำ ปากหยักหนาจึงเอ่ยขึ้น
“ทำไมถึงทำแบบนี้… เธอคิดว่าทำอาหารให้ฉันแล้วฉันจะยอมรับเธองั้นหรือ?”
คนตัวเล็กสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ นี่แค่ทำอาหารให้ทานเขายังมาหาเรื่องเธอได้
“ไม่ค่ะ… ตาก็ทำให้ทุกคน และก็ไม่ได้ต้องการจะให้ใครมายอมรับอะไรนั่นด้วย”
คราวนี้คนตัวเล็กจะไม่ทน คำพูดของเธอทำเอาภาคินถึงกับสะอึก เขาคิดจะต่อว่าเธอกลับไป แต่กลับเลือกที่จะเงียบสักพัก ก่อนที่เสียงทุ้มของเขาจะเอ่ยดังขึ้นอีกครั้ง
“น้ำพริกอ่อง… เธอทำเองรึไง?”
“ไม่ใช่ตาคนเดียวค่ะที่ทำ ป้าณีก็ทำ ถุงแป้งก็ช่วยค่ะ”
ก่อนที่ปราณีจะหันมามองเจ้าหล่อนแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินกลับไป ก็ใช่ปราณีทำกันเสียที่ไหนเล่า เดี๋ยวคุณภาคินเธอทาน เดี๋ยวก็รู้ได้เองแหละ รายนี้นะ อะไรแปลกลิ้นผิดหน่อยก็รับรู้ได้ สัมผัสไวเป็นบ้า
“แล้วคิดจะอยู่เฝ้าฉันอีกนานไหม?”
ปากหยักหนาเอ่ย เมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กยังคงไม่ออกไป ก่อนที่ร่างบางจะสะดุ้งเฮือกเล็กน้อย ก็เธออยากดูเวลาเขาทานว่าจะมีสีหน้ายังไงนี่นา จะเหมือนครั้งนั้นไหม ที่อร่อยจนลืมวางช้อน ว่าแล้วก็ต้องหันหลังกลับเดินตามปราณีลงไปอย่างว่าง่าย
ปล่อยให้คนตัวโตทานข้าวของเขาไปโดยมีบุรุษพยาบาลด้านโภชนาการพิเศษคอยดูแลเพิ่มเติม ที่เขาจ้างมาเพราะคนตัวโตแอนตี้ต่อสตรีแทบทุกคน ข้อนี้เธอก็พอจะเข้าใจเขาได้