Ep 6 มื้อค่ำ
เขาต้องสะดุ้งตื่นจากความคิดของตัวเองอีกรอบ เมื่อเสียงหวานใสที่คุ้นเคยดังขึ้นมาอีกรอบ
“คือวันนี้ป้าณีไม่อยู่ค่ะ แกมีธุระไปรับหลานที่ต่างจังหวัด เอ่อ คือว่า...”
คนตัวเล็กที่ทำท่าอึกอัก เพราะวันนี้มารดาของคนหน้าเข้มนี่ก็ไม่อยู่เช่นกัน ปกติแล้วจะต้องมีคนมาคอยตักและจัดอาหารเวลาที่ร่างสูงทานข้าว
“แล้วศรล่ะ?” เขายังมิวายที่จะถามหาคนขับรถ
“คุณลุงศรก็ขับรถพาคุณป้าออกไปค่ะ”
“แล้วยัยแป้ง?”
“น้องแป้งติดติวหนังสือกับเพื่อนค่ะ”
ถุงแป้งก็เตรียมติวเพื่อที่จะสอบเข้ามหาลัย
“คุณจะยังให้ตาเรียกคนในบ้านที่เหลือไหมคะ?”
เจ้าหล่อนรู้ว่าคงจะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่เธอในการมาคอยนั่งข้างสำหรับอาหารในแต่ละมื้อ
“ไม่ต้อง ผมหิวแล้ว คุณก็ทำหน้าที่ไปก็แล้วกัน”
“คุณผู้หญิงคะ นี่เราเล่นออกจากบ้านมาเยอะขนาดนี้ ป่านนี้คุณภาคินไม่โวยวายไปแล้วหรือคะ?”
หนึ่งในป้าแม่บ้านที่คุณนายฉวีพาออกมาทำธุระข้างนอกด้วยเธอก็ได้เอ่ยถามผู้เป็นนายขึ้น ก็ไหงวันนี้มันดูแปลกๆ พิลึก ทั้งๆ ที่แค่ซื้อของ ปกติก็มีพวกนายศร นายจวบมาช่วยถือ นี่คุณนายเล่นเอารถตู้มา แถมยังขนพวกสาวใช้มาซะเกลี้ยงบ้าน มาซื้อเยอะขนาดนั้นเชียว ราวยังกับจะซื้อไปขึ้นบ้านใหม่ก็ไม่ปาน
“สงสัยอะไรเยอะแยะล่ะพิม มาช่วยฉันถือของก็พอแล้ว”
เสียงคุณนายฉวีกล่าวขึ้น ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีแก่ใจว่าตัวเองกำลังคิดจะทำอะไร
ทางด้านคนตัวเล็กที่วันนี้เป็นวันแรกที่ได้มองการทานข้าวของเขา มันดูไม่เลอะเทอะเหมือนที่เธอเคยจินตนาการเอาไว้ นี่ถ้าบอกว่าตาบอดตั้งแต่เกิดเธอก็ยังจะเชื่อ คนอะไรเรียนรู้ในการใช้ชีวิตได้ดี เมนูวันนี้มีปลาด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่คอยแกะก้างจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอ
(ทานเยอะๆ นะคะ ช่วงนี้ตาลงมือทำกับข้าวให้คุณทุกมื้อเลย คุณรู้มั้ย) คิดพลางปากสวยอิ่มได้รูปก็ยกยิ้มอย่างภูมิใจที่คนตรงหน้าทานได้อย่างเอร็ดอร่อย
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ก็มานั่งทานข้าวกับผม มันคงจะไม่สนุกหรอกนะ ที่อีกคนทาน แต่ให้อีกคนมานั่งกลืนน้ำลาย”
เขาพูดราวกับว่าเห็นอย่างนั้นแหละ ก็เธอเผลอกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ๆ ไปตั้งหลายที ก็เขาทานน่าอร่อยนักนี่ แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เขาใช้คำเรียกแทนตัวเองว่าผมอย่างนั้นหรือ ทำเอาคนตัวเล็กยิ่งใจอิ่มฟู ก่อนจะตักอาหารใส่ช้อนที่คนตัวโตกำลังจะขยับมันเข้าปาก
บางจังหวะเขาตักไม่ถูกอาหาร ก็ได้เธอนี่แหละที่คอยช่วย ทำไมเขาถึงจะไม่รู้ล่ะ ก็ระดับของน้ำหนักมือของอาหารที่อยู่บนช้อนมันแตกต่างกันออกไป แล้วยิ่งเขาเป็นผู้ชายที่ช่างสังเกตและพิถีพิถันด้วยแล้ว เขารู้มาได้สักพักแล้วว่า คนที่ทำกับข้าวก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล ก็คงเป็นเจ้าหล่อนนี่แหละ
อาหารของป้าแม่บ้านที่นี่ เขาชิมครบรสมือหมดแล้ว และยังทายถูกด้วยว่าเป็นฝีมือของใคร เป็นเพราะรสชาติอาหารที่ถูกปาก มันเลยทำให้เขาเลือกที่จะมองข้ามเรื่องนี้ไป
ก็ปกติ เขาใช่จะทานฝีมือใครง่ายๆ ที่ไหนกันเล่า ขนาดลลินถึงกับต้องไปเรียนทำอาหารเพื่อมาเอาใจเขาอยู่พักใหญ่ แต่รสชาติกลับไม่ได้เรื่องเอาซะเลย
ทานอาหารเสร็จได้สักพัก ก็ถึงเวลาทานยา และแล้วเวลาผ่านไป 1 ชม. ตอนนี้ได้เวลาสองทุ่ม ก็ถึงเวลากายภาพหนึ่งชั่วโมงก่อนอาบน้ำ คนที่ตื่นเต้นแทนที่จะเป็นเขา กลับกลายเป็นเธอเองเสียอีก ก็จะได้ใกล้ชิดคนที่แอบรักซะขนาดนี้ ทีนี้คนตัวเล็กเองก็เอาแต่เดินไปเดินมา เมื่อเห็นว่าได้เวลาทำกายภาพแล้ว
"เอ่อ คือ... ได้เวลา..."
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะพูดจบ เขาก็ดันตอบ "อืม" สั้นๆ ออกมาซะก่อน ก่อนที่มือหนาจะยกขึ้นหนึ่งข้าง เพื่อเป็นการบอกให้คนตัวน้อยรู้ว่าเขาพร้อมแล้ว
"เดี๋ยวเธอช่วยเข็นฉันไปใกล้ๆ ไอ้ราวนั่นก็แล้วกัน"
เขาบอกเธอ เพราะรู้ดีว่าคนตัวเล็กพยุงไม่ไหวแน่ๆ และไอ้ราวที่ว่ามันก็เป็นแท่งสำหรับยึดเพื่อการทำกายภาพ เขาต้องกายภาพทั้งระบบประสาทและระบบกล้ามเนื้อ เช้า กลางวัน และเย็น เพื่อที่จะได้ฟื้นฟูและฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
คนตัวเล็กที่แทบไม่ต้องออกแรงเข็น เพราะทุกการกระทำย่อมสั่งงานผ่านจอสัมผัสทั้งหมด จากนั้นเธอก็กดสวิตช์ stand เก้าอี้ที่สั่งทำขึ้นพิเศษก็ค่อยๆ ยืดขยาดคนตัวโตให้ยืนขึ้น ตอนนี้นี่เอง กับร่างที่คุ้นเคย เขายังสูงมาก เหมือนจะสูงขึ้นกว่าเดิมซะอีก
“มัวยืนอึ้งอยู่นั่นแหละ จะทำไหม กายภาพน่ะ?”
แหนะ เอาอีกแล้ว เขารู้อีกแล้วว่าเธอกำลังยืนอึ้ง นี่ตาบอดจริงๆ ป่าวเนี่ย ก่อนที่มือเรียวเล็กจะค่อยๆ ยกนิ้วทั้ง 5 ขึ้น แล้วก็โบกสะบัดตรงหน้าของคนตัวโตไปมา
“ก็มองไม่เห็นนี่นะ แล้วเขารู้ได้ยังไง!”
ถ้าจะรู้ทันขนาดนี้มีหวัง เขาได้รู้กันอีกพอดี ว่าเธอคิดยังไง
"รมิตา!!!"
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื่อเธอ แถมก็เรียกซะเต็มยศซะด้วย ทำเอาคนร่างบางถึงกับต้องขำเสียงดังออกมา หึ หึ
“นี่ยังจะขำ ขำอะไร มานี่เลย”
ก่อนที่มือหนาจะมาควานคว้าเอาเอวบาง จริงๆ เขาก็ควานหาไปงั้นแหละ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเธอยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยน้ำหนักของแรงมือที่คว้า ก็ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับเซถลาเข้าสู่อ้อมอกของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้กลิ่นหอมจางๆ ของแชมพู บวกกับแป้งเด็กที่คุ้นเคย เขาชักจะคุ้นชินกับกลิ่นนี้เวลาที่เธออยู่ใกล้ๆ
และนี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วนะ ที่คนอย่างเขาอยากจะเข้าใกล้ผู้หญิง ซึ่งหล่อนเป็นใครก็ยังไม่รู้
“ปะ ปล่อยตาก่อนค่ะ เดี๋ยวตาจะปลดล็อกเข็มขัดให้ แล้วก็...”
ดันเป็นมือหนาซะเองที่ปลดล็อกนิรภัยออก มันเป็นตัวช่วยพยุงเวลาลุก ทำให้รมิตาถึงกับตาถลน เพราะยังไม่ทันได้ตั้งหลัก เธอกลัวว่าคนตัวสูงจะพยุงร่างตัวเองไม่ไหว เดี๋ยวมีล้มหัวร้างข้างแตกกันพอดี
พลึบ...
ร่างเล็กรีบเข้ามาโอบพยุงเอว ตอนนี้ร่างนุ่มนิ่มที่เขาได้สัมผัสอีกครั้ง นี่ตนเองคิดผิดไปเสียจริงๆ ที่ให้เจ้าหล่อนเลื่อนวีลแชร์มาใกล้ๆ น่าจะได้เดินไกลๆ หน่อย จะได้โอบร่างนิ่มนุ่มนี้ไว้นานๆ
“ต่อไปคุณอย่าพลการแบบนี้นะคะ ให้รอตาก่อน”
เขาก็ใช้ความเงียบแทนคำตอบตามเดิม มือนิ่มเอวนุ่มที่เขาได้สัมผัส นี่เวลา 1 ชั่วโมงมันจะเร็วเกินไปไหมนี่ กับการได้รับสัมผัสนี้ อยากจะยื้อขยายเวลาสัก 3-4 ชั่วโมงต่อครั้ง คิดขึ้นมาแล้วก็หัวเสียกับตัวเอง ที่ผ่านมาเขาให้ใครต่อใครก็ไม่รู้มาสัมผัสร่างของตัวเองในการทำกายภาพ เพียงเพราะแอนตี้ที่เธอเป็นเด็กของแม่ ซ้ำยังมาบอกว่าหมั้นหมายคนนี้ไว้แล้ว
จู่ๆ ความคิดที่ว่ามันก็ผุดขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างที่มารดาบอก งั้นว่าที่คู่หมั้น... เขาจะทำอะไรเธอก็คงได้สินะ แต่ก็บ้าเอ้ย มันจะได้ที่ไหนกันล่ะ มีหวังแม่เขาเอาตาย
คนที่ไม่เคยจะแยแสเรื่องผู้หญิงมากนัก จู่ๆ เรื่องของคนตัวน้อยข้างๆ นี่ก็วกวนขึ้นมากวนใจ หรือเป็นเพราะความใกล้ชิดเพียงเท่านั้นกันแน่ ซึ่งใจจริงของเขาแล้ว คงไม่ได้คิดอะไร ต่างจากคนตัวเล็กที่ตอนนี้เอาแต่เหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้างามขึ้นมาปุดๆ ทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในห้องออกจะเย็นสบาย
ก็เพราะความร้อนที่มันเกิดจากอาการร้อนรุ่มเมื่อได้อยู่ใกล้ชายที่ชอบของเธอนั่นเอง มีหลายจังหวะที่เธอหายใจติดขัด ไหนจะตัวสั่นเทิ้มของเธออีก แต่คนร่างโตก็เลือกที่จะเก็บเงียบไม่พูด เขาอายุขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงจะดูไม่ออกกันล่ะ ว่าเธอคงแอบคิดอะไรกับเขาอยู่เป็นแน่
“ค่อยๆ นะคะ”
เมื่อกายภาพเสร็จลง เธอก็ค่อยๆ พยุงร่างหนาไปยังเก้าอี้วีลแชร์ ครั้งนี้เองที่คนตัวโตได้โอกาสแกล้งเธอ ระหว่างที่ปรับออโต้ให้นั่ง เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยจากมือเจ้าหล่อน เมื่อตัวของเขาค่อยๆ โน้มเอียงลง ก็เล่นช้อนเอาคนข้างๆ ไปนั่งบนตัก
คนตัวเล็กที่เอาแต่ตกใจ เธอพยายามจะลุกขึ้นอย่างตะกุกตะกัก เพราะคิดว่านี่คงเป็นเหตุแอกซิเดนอะไรสักอย่าง แต่ใครจะหารู้ล่ะว่าคนสุขุม สุภาพแบบเขาจะแอบมีมุมแบบนี้กับใครเขาด้วย
“เอ่อ ตาขอโทษนะคะ คุณเจ็บไหม?”
ร่างสูงปล่อยมือเรียวเล็กก่อนจะส่ายหน้า เขาแอบยักยิ้มที่มุมปากเบาๆ ถ้าไม่ทันสังเกตก็ไม่สามารถรู้ได้ ก็คนอะไรยังนึกว่าตัวเองซุ่มซ่ามนั่งทับเขาอีก ก่อนที่หน้าเข้มคมจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“เหนียวตัว อยากอาบน้ำแล้ว”
ปากหนาเอ่ยแกลมเป็นคำสั่งอยู่กลายๆ ซึ่งก็นั่นแหละทำเอาคนตัวเล็กรู้หน้าที่ดีว่าจะต้องไปจัดเตรียมอะไร
“เดี๋ยวตาไปจัดเตรียมน้ำก่อนนะคะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เข้ามายังห้องน้ำหรูนี้ มันมีอ่างที่สั่งทำขึ้นเฉพาะเป็นแบบนั่ง และแยกส่วนขาอีกข้างของเขาที่มีแผลเอาไว้สำหรับกางขาแยกออกได้ นี่เธอก็เพิ่งจะเคยเจออ่างลักษณะนี้เหมือนกัน ก่อนจะยิ้มกับการครีเอทีฟของเขา เธอรู้ได้แน่ว่านี่คือฝีมือการออกแบบและสั่งทำตามคำสั่งของเขา
เธอเหลือบสำรวจมองเครื่องปรับอากาศที่ฝังอยู่ในผนัง ถ้าไม่มองดีๆ ก็แทบไม่รู้ ไหนจะจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ นี่มันห้องน้ำหรือห้องรับแขกกันแน่นะ ก่อนที่นิ้วเรียวบางจะซุกซนแอบสำรวจนี่ดูนั่น และแล้วเธอก็ไปเห็นรูปถ่ายของเขาที่ยืนกอดไหล่กับผู้หญิงอีกคน
รูปนี้เขาถ่ายตั้งแต่สมัยเรียนอยู่อเมริกา ลลินเองก็ตามไปเที่ยวหาเขาอยู่บ่อยๆ เพราะอังกฤษกับอเมริกาไม่ได้ไกลกันมากนัก
มือเล็กค่อยๆ วางมันลงลิ้นชักตามเดิมอย่างแผ่วเบา
สายตาของคนตัวเล็กฉายแววผิดหวังอยู่หน่อยๆ ก่อนจะหลุบตาลงต่ำถามคำถามขึ้นกับตัวเอง คนนี้คือแฟนเก่าเขาอย่างนั้นเหรอ? ถ้าหากเป็นแฟนที่ยังคบกัน ทำไมเธอถึงไม่เห็นมาเยี่ยมคนร่างสูงบ้างเลยล่ะ และคนที่บ้านไม่ว่าจะเป็นคุณป้า ปราณี หรือแม้กระทั่งถุงแป้ง ก็ไม่มีใครเคยพูดถึง
คนตัวหนาที่เห็นว่าคนตัวเล็กเข้าไปในห้องน้ำนานเป็นพักแล้ว มัวทำอะไรอยู่ทำไมถึงไม่ออกมานะ ว่าแล้วคนตัวโตที่นึกได้ว่าตัวเองเอารูปของเขากับลลินไปเก็บไว้ในลิ้นชักตู้ตรงห้องน้ำ เพราะเมื่อก่อนมันเคยวางอยู่ข้างๆ หัวเตียง แต่เขาเอามันไปเก็บในห้องน้ำแทนตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง
วีลแชร์ที่วิ่งมายังห้องน้ำ คนตัวเล็กแทบไม่ได้ยินเสียง เพราะเสียงเครื่องยนต์ของมันเงียบมาก ก่อนที่เธอจะต้องสะดุ้งกับเสียงเข้มดุที่จู่ๆ เขาก็ตะคอกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“อย่าไปแตะต้องของๆ ฉัน และก็ออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำ”
ร่างสูงหัวเสีย และคืนนี้เขาจะอาบน้ำเอง จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้เจ้าหล่อนนั่นแหละที่เป็นคนอาบให้ แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
“เอ่อ คือ... ตาไม่ได้ตั้งใจจะเสียมารยาทนะคะ”
พูดไม่ทันจบ เขาก็ไล่ตะคอกให้เธอออกไป นี่ก็เป็นที่แน่ชัดอยู่แล้วว่า คนในรูปคงมีความหมายกับเขามากแค่ไหน ใจเจ้ากรรมมันดันเจ็บแปลบออกมาเสียดื้อๆ เธอเดินกลับห้องซึ่งตอนนี้ห้องของเธอเองก็อยู่ข้างๆ ห้องของคนตัวใหญ่นั่น ขณะที่กำลังคิดอะไรเธอก็ต้องก้มหน้าลงกับความคิดบ้าๆ ที่ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว จู่ๆ น้ำตาใสๆ มันก็ไหลลงมาอาบแก้มเอาซะอย่างงั้น นี่แกเป็นบ้าอะไรไปยัยตา