บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

"วันนี้ทำไข่พะโล้ ไว้กินเย็นก็แล้วกัน ทำหม้อใหญ่ๆ จะได้กินได้สักสองวันเผื่อพรุ่งนี้ด้วย ต้มไว้ตั้งแต่ตอนนี้จะได้เปื่อยๆ อร่อยๆ เช้าก็ผัดผัก ไข่เจียว ยำปลากระป๋อง"

เสียงมารดาร่ายรายการอาหารแจ้วๆ กำไลหยกพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยทวนรายการกับท่าน สมพรสั่งเสร็จแล้วก็ขึ้นไปแต่งตัวต่อ ส่วนลูกสาวคนเล็กของหล่อนก็เข้าครัวอย่างขมีขมัน อาหารเช้าต้องพร้อมที่โต๊ะทั้งของบ้านใหญ่ และของคนงานตอนแปดโมงเช้า เวลาอู่เปิดคือเวลาเก้าโมง การทำอาหารให้คนจำนวนสิบกว่าคนกินไม่ใช่เรื่องง่าย กำไลหยกมีลูกมือคือเด็กนิด ที่เป็นลูกของนายช่างคนหนึ่ง คอยหยิบจับช่วยทำ ส่วนมารดาจะมาชิมรสอีกทีว่าผ่านไหม นางชอบบ่นว่ากำไลหยกทำอาหารจืดไป ต้องมาช่วยเติมให้ นี่ล่ะทำให้เธอฝังใจว่าตัวเองต้องรอมารดามาปรุงไม่กล้าเติมเพิ่มอะไร เพราะคำพูดที่ท่านกรอกหู

อาหารเช้าวันนี้เสร็จเฉียดเวลาแค่นิดหน่อย เพราะกำไลหยกกลับมาสาย สมพรแต่งตัวสวยเช้งลงมาช่วยชิม และเติมนั่นนิดนี่หน่อย ทุกอย่างก็พร้อมตั้งโต๊ะ ทุกคนพร้อมหน้ากินอาหารเช้า ยกเว้น...กำไลหยก ที่ต้องขึ้นไปจัดการเก็บที่นอน ทำความสะอาดบ้าน จัดการเก็บเสื้อผ้าในตะกร้าของคนในครอบครัวไปเข้าเครื่องซัก เธอเอากับราดข้าวมานั่งกินง่ายๆ ตรงโต๊ะหน้าเครื่องซักผ้า พอกินเสร็จก็ได้เวลาไปตลาด เพื่อเตรียมซื้อข้าวของมาทำอาหารมื้อต่อไป

ชีวิตของเธอวนเวียนทำทุกอย่างเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่กำไลหยกก็ไม่ได้บ่น เบื่อหรือรำคาญ เธอทำทุกอย่างเพราะเป็นหน้าที่ และความสุขเล็กๆ ที่ได้ทำงานรับใช้คนในบ้าน ไม่ได้เครียดว่าถูกใช้งานหนักกว่าพี่ๆ เพราะเธอก็เห็นว่าทุกคนก็ต่างทำงานให้กับครอบครัว แม้บางคนจะทำมาก ทำน้อย ก็ถือว่าเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่สำคัญ

"ฝากซื้อสลัดหน่อยสิหมวยเล็ก"

พี่สาวของเธอร้องเรียกไว้ ก่อนที่เธอจะเดินออกไปข้างนอก วันนี้เธอคิดจะโบกรถสองแถวเข้าตลาด เพราะดูแล้วนายบูรณ์ ช่างเก่าแก่มีงานล้นมือ ปรกติแล้วเขาจะทำหน้าที่ไปช่วยรับส่งเธอเวลาออกไปซื้อของข้างนอก แต่วันนี้กำไลหยกไม่ได้เรียก เพราะเห็นว่าเขากำลังทำงานติดพัน

"จ้ะ"

กำไลหยกเดินเข้าไปรับเงินจากสร้อยเพชร ที่แอบมองน้องสาวแบบหัวจรดเท้า ก่อนจะยิ้มเชิดๆ น้องสาวของเธอดูเฉิ่มเชยตามเคย ซึ่งก็ดี ดีมากๆ หางตาของเธอปรายไปยัง 'ช่างใหม่' ที่กำลังสาละวนกับการปะยางรถ โดยมีผู้หญิงสามคนรุมล้อมอยู่ ก็เบ้ปาก แล้วแกล้งพูดดังๆ เพื่อจะให้พวกหล่อนได้ยิน

"โอ๊ย...นี่ว่าจะให้พ่อรับงดปะยางมอเตอร์ไซค์ ได้ทีล่ะห้าสิบสามสิบไม่คุ้ม ใช้งานช่างเราหนักมาก"

"เอาไว้ก็ดีนะพี่เพชร แถวนี้ไม่มีร้านมีอู่ที่ไหน เผื่อคนรถเสียเดือดร้อน จะทำยังไงล่ะพี่"

เสียงใสเอ่ยค้านขึ้น สร้อยเพชรเลยถลึงตาใส่น้องสาว แล้วดึงตัวคนตัวเล็กกว่ามากระซิบ

"เงียบๆ ไว้นะแกไม่รู้อะไรก็ นังพวกนี้อะ มายุ่งวุ่นวายแกล้งเจาะยาง มาปะรัวๆ ที่อู่เราตั้งแต่เมื่อวานแล้วย่ะ"

"หืม ทำไมเค้าจะต้องทำยังงั้นกันด้วย"

"แหม...นังพวกบ้าผู้ชาย ไม่น่าให้มาซ่อมรถหรอกเดือดร้อนไม่จริง"

สร้อยเพชรว่า แล้วเอามือจิ้มหน้าผากน้องสาวเบาๆ เหมือนจะหยอก

"แกก็เหอะ เห็นช่างคนใหม่แล้วอย่าคันริกๆ เหมือนนังพวกนี้ละกัน ฉันจะต้องจัดการกับอีพวกมาปะยางหวังผลนี่สักหน่อย ไปคุยกับเฮียก่อน"

ปะยางหวังผล?

งงๆ นิดๆ ว่าเขาหวังผลอะไรกัน ตาใสๆ มองไปยังช่างคนใหม่ ที่กำลังทำหน้าเฉย แต่มือทำงานของตัวไปอย่างคล่องแคล่ว เขาทำเป็นไม่ได้ยินว่าลูกค้าถามอะไรบ้าง

ตาคมดุกวาดมามองสบกับตาใสแป๋วของกำไลหยกโดยบังเอิญ เล่นเอากำไลหยกรีบหลบตา แล้วรีบเดินไปโบกรถสองแถว เธอ...ตกใจกับนัยน์ตาดุคมปลาบยังกับเหยี่ยวนั่น

โอย...คนอะไรตาดุมาก หนวดเคราก็รกขนาดนั้น ตัวเขาโตมาก ผมยาวรวบไว้เป็นจุกง่ายๆ เปิดอวดเครื่องหน้าคมคาย แบบชายไทยแท้ ยิ่งมองก็ยิ่ง...

ไม่มองดีกว่า

หญิงสาวคิดในใจ เขาเหมือนกับนักรบโบราณ กล้ามโต ถือดาบ ในจินตนาการของเธอ น่ากลัวมากกว่าน่าคลั่งไคล้ กำไลหยกสั่นหน้านิดๆ เพื่อไล่ภาพของนายช่างคนใหม่ออกไปเสียจากสมองของเธอ

.........................................................................................................................

วิชญ์มองสบตาโดยบังเอิญ กับสาวหมวยคนเดิมกับเมื่อเช้า ที่ไปเรียกเขามาทำงานปะยางให้กับลูกค้า เขาไม่เห็นหล่อนตอนมื้อเช้า ที่จะมีโต๊ะของช่างทำงาน และโต๊ะของเจ้านายแยกกัน แต่ก็อยู่ใกล้ๆ กัน ด้วยความที่เขาเป็นเพื่อนของทองแท่ง เลยโดนลากตัวไปกินข้าวร่วมวงกับเจ้านาย เจ๊กฮวดชวนเขาคุยจ้ออย่างถูกชะตา เนื่องจากวันแรกของการทำงาน วิชญ์ก็แสดงฝีมือแก้รถให้กับลูกค้าได้ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง ทั้งที่ช่างที่เก่งที่สุดของทางร้าน งมมาเป็นวันยังไม่รู้สาเหตุ ที่เขาแก้ได้เร็วเพราะเป็นรถยี่ห้อหรู ที่นานๆ จะมีมาให้ช่างแถวนี้ได้ลองมือ แต่ที่เขาถนัดก็เพราะว่าที่บ้านรับแต่รถยี่ห้อนี้เป็นหลักเสียด้วย ค่าแรงเรียกได้ราคาพอสมควร เล่นเอาเจ๊กฮวดหน้าบานเลย เมื่อลูกค้าบอกว่าจะมาใช้บริการประจำ ไม่อยากไปไกล คนซ่อมรถยี่ห้อนี้ได้หาได้ยาก...แถมยังต้องถ่อเข้าไปไกลถึงกรุงเทพฯ บางที สำหรับอู่ที่ได้มาตรฐานดีๆ และซ่อมให้ได้

หล่อนเป็นใครกันนะ?

บังเกิดความสงสัย และอยากถามเพื่อน เขาได้ยินมาว่าทองแท่งมีน้องสาวอีกสองคน คนแรกคือสร้อยเพชร แต่ถ้าคนเมื่อครู่เป็นน้องคนสุดท้องล่ะก็...หน้าตาของเจ้าหล่อนเรียกได้ว่าไม่ค่อยคล้ายพี่น้องสักเท่าไหร่เลย เพราะทั้งทองแท่งและสร้อยเพชรจัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีมาก

หล่อนมีหน้าตาธรรมดา ไม่มีอะไรเด่นมากนัก แต่ดูรวมๆ แล้วก็สบายตาดี เหมือนดอกไม้สีขาว...ไม่ฉูดฉาด

เขาก้มหน้าทำงานของตนเองต่อ เลิกสนใจหล่อนไปชั่วคราว จะอย่างไรอยู่กันแค่นี้ เดี๋ยวเขาก็รู้เองว่าหล่อนเป็นใคร

"ไอ้วิชญ์ มาทางนี้"

เสียงของทองแท่งเรียกขณะที่เขากำลังจะทำงานปะยางต่อ เขาลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อน นายช่างอีกคนประจำการทำงานแทนเขา เล่นเอาสองสาวที่ยืนรออยู่ถึงกับทำหน้างอ แล้วชะเง้อคอมองตามช่างใหม่

"อะแฮ่ม ถึงจะไม่หล่อคมเท่าช่างใหม่ แต่พี่ก็เร้าใจและปะยางให้น้องได้นะจ๊ะ น้องเหมย ทำไมขยันรถยางแตกจังน้อ"

"แหม..."

สาวหน้าแดงเมื่อถูกรู้ทัน เธอแอบกระซิบแล้วก็ยัดเงินใส่มือเขา

"เหมยให้ร้อยหนึ่ง พี่โต้งมีเบอร์พี่เค้าไหม อิอิ"

"โว๊ะ ไม่กล้าให้ ไปขอกันเองสิ"

"ขอแล้วไม่ได้น่ะสิ เล่นตัวมาก เร้าใจมาก หล่อมาก"

ว่าแล้วก็ทำหน้าเคลิ้ม เลยโดนคนข้างๆ สะกิดแล้วถลึงตาใส่

"เบาๆ อีเหมย ของกู"

"ของประชาชนย่ะ ตราบใดที่พี่เค้ายังไม่มีเมีย ใครก็มีสิทธิ์ อิอิ"

"เดี๋ยวนี้เค้าฮิตทรงนี้กันเรอะ พี่จะได้ไปไว้หนวดมั่ง"

โต้งเอ่ยแทรกขึ้นอย่างหมั่นไส้ความเสน่ห์แรงของช่างใหม่ สองสาวมองหน้าเขาแล้วหัวเราะคิก ก่อนจะสั่นหน้า

"คนไว้หนวดไม่ได้หล่อเข้มทุกคนนะพี่โต้ง อย่าหาทำ...แล้วพี่อะ สู้พี่วิชญ์ไม่ได้"

"ใช่ ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง"

ฟังสาวพูดแล้วก็หน้างอ และยิ่งหมั่นไส้ช่างใหม่หนักขึ้นไปอีก ได้แต่ข่มไว้ในใจ แล้วแสร้งยิ้มทำหน้าเศร้าออดสาวต่อ เขาแอบมองช่างใหม่ที่อาเฮียทองกอดคออย่างสนิทสนม

"ดูเหมือนมึงจะสร้างเรื่องให้อู่กูนะนี่ ไอ้วิชญ์"

ทองแท่งว่าหยอกๆ เพื่อนของเขาขมวดคิ้ว ก่อนจะถามเสียงทุ้มดุตามสไตล์

"อะไรวะ กูทำเรื่องอะไร?"

"ก็สาวๆ น่ะสิ หาเรื่องยางแตก ยางรั่ว มาเรียกกวักแต่มึงไปทำ พ่อกูไม่ให้มึงมาปะยางล่ะ จะให้คนอื่นประจำการหน้าที่แทน หึๆ หรือถ้าจะเรียกมึงไปปะ ก็ร้อยหนึ่ง ถ้าปะยางแถมแลกไลน์ช่างก็ห้าร้อย"

"เฮ้ย" วิชญ์ทำตาวาว แล้วสั่นหน้า

"ไม่แถมโว้ย ไม่เอา วุ่นวายตายห่า เออ...ก็ดีเหมือนกันกูจะได้ไม่ต้องยุ่งใจ เพราะพ่อมึงไม่ให้กูทำงานตรงนี้แล้ว ไม่งั้นจุกจิกทั้งวัน...กูไม่อยากตอบคำถามพวกลูกค้าของมึง บางคนเวียนมาวันล่ะสองสามหน"

"หึๆ มึงเป็นอะไรกับผู้หญิงวะไอ้วิชญ์ ไม่ชอบแล้ว? เปลี่ยนแนวแล้วเหรอ เป็นกูนะ อื้อหือ ฟินว่ะถ้ามีสาวมากรี๊ดขนาดนี้ หัวโด่นั่งคุมอู่อยู่มาตั้งหลายปี ยังไม่มีคนมากรี๊ด อยากได้กูเท่ากับมึงมาทำงานเป็นช่างสามสี่วันเลย"

ทองแท่งว่าขำๆ จริงๆ เขาก็พูดเกินเรื่องไปนิดจริงๆ เขาไม่ใช่คนขี้ริ้ว หน้าตาดีมากเลยด้วยซ้ำ แค่ช่วงนี้ลงพุงนิดหน่อย และไม่ค่อยสนอะไรนอกจากความบันเทิงในวงเหล้ายามเย็น สาวๆ ก็ยังไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับใครเป็นตัวเป็นตน พักนี้ซื้อกินเอาดีกว่าง่ายๆ เพราะไม่มีเวลากำลังยุ่งกับงานที่อู่ อีกอย่างคนละแวกนี้เห็นทองแท่งจนชินล่ะ อ่อยกันมาจนเบื่อ ลูกชายเจ้าของอู่ดูจะรักเหล้าสนเหล้ามากกว่าสาว ก็เลยซาลามือกันไปเอง

"ไม่ได้เปลี่ยน ก็ยังเหมือนเดิม แต่บางทีกูก็รำคาญไง"

เขาว่าหลุบตาลงบังประกายตาบางอย่างเสีย ก็เพราะเรื่องผู้หญิงนี่ล่ะ ทำให้เขาต้องระเห็จออกมาจากบ้านนี่...

เขาขอพักใจก่อน ผู้หญิงบางทีก็เป็นอันตรายต่อชีวิตจนเกินไป

วิชญ์คิดอย่างเพลียๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel