บทที่ 2
มองตามหลังไปแล้วก็กลุ้มใจแทนหลานสาว
สมเพียรพอจะดูออกว่าน้องสาวรักลูกคนไหนมากกว่ากัน ไอ้คำที่ว่าพ่อแม่รักลูกเท่ากัน บางทีก็ไม่มีอยู่จริง สมเพียรดูจากครอบครัวของน้องสาว นางเคยมีสามีแต่สามีตาย สุดจะเบื่อระอากับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผัว ก็เลยครองตัวเป็นหม้ายแบบชิวๆ ไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับใครอีกเลย บั้นปลายตั้งใจจะฝากไว้กับบ้านพักคนชรา แต่แม่หลานสาวคนเล็กมักจะบอกเสมอว่าจะพานางไปอยู่ด้วย เพราะป้าเพียรไม่มีใคร อาจจะเพราะสมเพียรค่อนข้างสนิทกับกำไลหยก ได้อุ้มชูดูแลกันอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะแยกออกมามีสามี นางจึงค่อนข้างห่วงและรู้ความเป็นไปในครอบครัวของเจ๊กฮวดเป็นอย่างดี
น้องสาวของนางมีลูกสามคนคือ ทองแท่ง ความที่เป็นลูกชายคนโต แน่นอนว่าครอบครัวคนจีนมักจะรักมาก และฝากฝังความหวัง กิจการไว้กับเขา ทองแท่งคือลูกสุดที่รักของพ่อ เขาก็ค่อนข้างจะเอาการเอางานพอพึ่งพาได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีมาก แต่ก็ยังพอเชิดหน้าชูตาได้บ้าง ว่าไม่เกเร ช่วยพ่อทำงานอย่างขันแข็ง
คนต่อมาคือสร้อยเพชร ลูกสาวคนสวย ที่หน้าตาผิวพรรณเรียกได้ว่าสวยระดับนางงามจังหวัด แน่ล่ะสร้อยเพชรถูกขอไปประกวดความงาม เพราะความเฉิดฉายของหล่อน ผิวของหล่อนขาวอมชมพูผ่อง ตากลมโตเหมือนแม่ จมูกโด่งสวยที่เปลี่ยนมาสองหนให้ยิ่งปังกว่าเดิม ริมฝีปากรูปกระจับ หน้าเรียว ผมยาวตรงทิ้งตัวสวยถึงเอว รูปร่างอวบอัดแบบแม่ให้มาเยอะ สัดส่วนที่ 35-25-36 สูง 165 เดินมาที ก็ราวกับจะแผ่รังสีเสน่ห์ให้หนุ่มๆ เคลิ้มมองตามหล่อน ซึ่งสร้อยเพชรก็รู้ว่าตนเองสวย หน้าตาดี หล่อนจึงทะนงในความงดงามนั้น และใช้มันค่อนข้างเปลือง (แบบที่แม่และพ่อไม่รู้ แต่คนรู้ทั้งตลาด) หล่อนคือลูกรักของมารดา เพราะความสวย น่ารัก ช่างฉอเลาะ ออดอ้อน เอาอกเอาใจ แต่สมเพียรกลับมองว่า หลานสาวฉันทำไมตอแหลจังหว่า เฮ้อ...
กำไลหยกจึงกลายเป็นเหมือนลูกหลง ที่หล่อนมาในเวลาที่บิดามารดามีงานล้นมือ และมีลูกที่ตนต่างยึดปลื้มว่าเป็นลูกรักอยู่แล้ว จริงๆ สมพรทำหมันแล้วด้วยซ้ำ แต่กำไลหยกมาได้ยังไงก็ไม่รู้ หล่อนแหกหมันมาเกิด บิดาหยอกว่าแบบนั้น ส่วนสมเพียรมองว่าลูกสาวคนนี้เป็นลูกสาวที่เทพประทานมาให้ต่างหาก แต่พ่อกับแม่ดันไม่ค่อยเห็นความสำคัญ
กำไลหยกไม่ได้สวยจัดแบบพี่สาว หล่อนตัวเล็ก แม่ให้มาน้อย สัดส่วนของหล่อนเทียบสร้อยเพชรไม่ได้เลย 33-23-34 คือสัดส่วนของหล่อน สูงแค่ 152 เพราะความที่พี่สาวกรอกหูบ่อยๆ ว่าหล่อนขี้เหร่ จืดชืด แถมกระจกก็มีให้ส่องเวลาสะท้อนหล่อนกับพี่สาว กำไลหยกก็ไม่ได้น้อยเนื้อต่ำใจอะไรที่หล่อนสวยสู้สร้อยเพชรไม่ได้ หล่อนแค่ยิ้มๆ พอใจในสิ่งที่ตนมี พ่อก็โอ๋พี่ชาย แม่ก็โอ๋พี่สาว หล่อนเลยไปกอดป้าเพียรที่รักหล่อนมากราวกับลูกแท้ๆ จะว่าน้อยใจไหม ก็น้อยใจจนชินแล้ว จนกลายเป็นเฉย ป้าเพียรชอบเรียกหล่อนว่านางเฉย ให้หัดมีปากมีเสียงในบ้านเสียบ้าง อย่าทำตัวเป็นเงาไม่มีบทบาทความสำคัญอะไร ทั้งที่งานบ้านงานเรือนทุกอย่าง หล่อนเป็นคนทำเป็นคนดูแล กำไลหยกต้องทำอาหารให้คนในอู่รับประทาน ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้าของทุกคนในบ้าน ช่วยบิดาขายของหน้าร้าน ส่วนพี่สาวเพราะหัวดีกว่า เลยได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ส่วนกำไลหยกนั้นเรียนจบแค่ปวช.หล่อนก็ขอหยุดไม่ไปต่อเพราะบอกว่าเปลืองเงินป๊ากับม้า ขอช่วยงานทางบ้านดีกว่า เพราะเรียนไปก็หัวไม่ดี มาช่วยงานที่บ้านจะได้ไม่ต้องจ้างคน
ดูเอาเถอะแม่คุณ น่ารักขนาดนี้ เสียสละขนาดนี้ แต่นางเฉยของป้าเพียรก็ถูกมองข้าม แถมตอนนี้กำลังจะถูกขับไล่ไส่ส่งไปมีผัวอีกต่างหาก
เฮ้อ...
สมเพียรได้แต่ถอนใจอีกรอบ แล้วนั่งรับประทานอาหารที่หลานสาวทำให้ เจ้าหล่อนถ่อมตัวว่าทำอาหารไม่เก่ง ก็แค่รสอ่อนไปนิดก็เท่านั้น แต่อะไรที่จี๊ดจ๊าดหวานมันเค็มไป ก็ไม่ดีต่อสุขภาพ สมเพียรคิดแล้วก็หัวเราะหึๆ อยู่คนเดียว ว่าขนาดรสชาติอาหาร กำไลหยกยังทำเหมือนกับตัวหล่อน คือรสกลางๆ จืดบ้างบางอย่าง
แต่อาหารจืดๆ ก็ดีต่อสุขภาพนะ
เหมือนกับหลานสาวของหล่อน ที่เป็นคนเจือจางไม่ค่อยมีบทบาทอะไร แต่แน่ล่ะ กำไลหยกเป็นลูกที่ดีที่สุดของเจ๊กฮวดกับสมพรนั่นล่ะ