8 ก็ได้แค่ชอบ
กันต์ธีร์เดินมาสูบบุหรี่ที่ระเบียงห้องนอน มองเงินในบัญชีแล้วก็ยิ้ม ถึงแม้เขาจะทำงานและมีเงินเดือนแล้วแต่เพราะช่วงนี้ชายหนุ่มมักพารุ่นพี่ไปทานอาหารตามร้านหรู อยู่บ่อยๆ เงินจึงขาดมือไปบ้าง แม้ว่าอรณิชายินดีจะเป็นคนจ่ายแต่เขาก็ไม่อยากให้เธอมองว่าเขากำลังเอาเปรียบเธอ
ชายหนุ่มคิดไปไกลกว่านั้น ช่วงนี้เขาจึงเป็นฝ่ายลงทุนก่อนเพราะมองเห็นอนาคตว่าตนเองจะสุขสบายแค่ไหน
พรุ่งนี้หลังเลิกงานแล้วเขาคิดว่าจะพาอรณิชาไปเที่ยวหัวหินและค้างที่นั่นสักคืน ไม่ใช่เพราะอยากไปเที่ยวแต่กลัวว่าพาลินจะมาหาที่คอนโด
กันต์ธีร์ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่มีใครบ้างที่ไม่เป็นแบบนี้ ทุกคนก็รักตัวเองกันทั้งนั้น
เขามองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง ถ้าหากยังคบกับหนุ่มรุ่นน้องอยู่แม้ที่ผ่านมาจะมีความสุข แต่มันเป็นความสุขของเขาเพียงคนเดียว เพราะทางบ้านของเขายังไม่รู้เรื่องนี้และกันต์ธีร์ก็คิดว่าคงไม่มีใครรับได้
ครอบครัวของเขาค่อนข้างหัวโบราณและมักจะพูดเสมอว่าเขาเป็นลูกผู้ชายคนเดียวในบ้าน เป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลและอยากให้เขาหาผู้หญิงที่เหมาะสมเพื่อสร้างครอบครัว รวมถึงอยากให้เขามีลูกชายไว้สืบสกุล
ชายหนุ่มบล็อกเบอร์โทรของพาลิน เขาไม่อยากรับสายของแฟนหนุ่มในช่วงที่เขาอยู่กับผู้หญิงอีกคน เรื่องความสัมพันธ์ในอดีตกันต์ธีร์จะให้อรณิชาหรือใครอื่นในบริษัทรู้ไม่ได้
เช้านี้พาลินตื่นเช้ากว่าทุกวัน เขาโทรหากันต์ธีร์จะถามว่าเรื่องรถเป็นยังไงบ้างเรียบร้อยดีไหม แต่ก็ติดต่อไม่ได้ แล้วก็โล่งใจเมื่อเห็นเขาส่งอีเมลมาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีและกำลังเดินทางไปไซต์งานและอาจจะติดต่อไปได้อีกพักใหญ่เพราะที่นั่นค่อนข้างอับสัญญาณ ถ้าพาลินอยากติดต่อก็ให้ใช้การส่งอีเมลแทน
หลังจากจัดการตัวเองแล้วพาลินก็ไปทำงานอย่างเคย วันนี้รุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันเอาบัตรเข้างานมอเตอร์โชว์มาให้พาลินตามที่ชายหนุ่มเคยพูดไว้
“อยากไปไม่ใช่เหรอ”
“ครับพี่มิริน”
“เหมือนไม่ดีใจเลยนะพาลิน”
“ผมไม่แน่ใจว่าคนที่อยากไปด้วยจะกลับมาทันไหม งานเริ่มสัปดาห์หน้าใช่ไหมครับ”
“จ้า ถ้าคนที่อยากไปด้วยเขาไม่ว่างก็ไปกับคนอื่นสิ ไม่เห็นเป็นไรเลย ไปกับเจมส์ไหมล่ะ พี่ได้ยินว่าเขาก็อยากไปอยู่เหมือนกันนะ”
“ไม่ดีกว่าครับ” พาลินไม่กล้าไปกับหุ้นส่วนโรงเรียนอย่างแน่นอน เขาคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆ
ชายหนุ่มเก็บบัตรสองในลงกระเป๋าโดยสอดไว้กับสมุดโน้ตเล่มเล็กที่ด้านในเป็นแผนการสอนที่เขาเตรียมให้กับเบจิง
พอถึงเวลาเลิกงานเขาก็มายังบ้านของเบจิง วันนี้เด็กชายไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่
“เบจิงครับ ทำไมวันนี้ไม่ดีใจเลยที่พี่ลินมา ไม่อยากเรียนด้วยกันแล้วเหรอครับ หรือพี่ลินสอนไม่สนุก”
“พี่ลินสอนสนุกค้าบ”
“แล้วเป็นอะไรล่ะครับ บอกพี่ได้นะ”
“เบจิงไม่อยากไปโรงเรียนใหม่”
“ทำไมล่ะครับพี่ได้ยินมาว่าที่โรงเรียนใหม่ มีเพื่อนเยอะเลย มีของเล่นชิ้นใหญ่ ขนมก็อร่อยมากๆ ด้วยนะครับ”
“มีขนมด้วยเหรอครับ” เด็กชายดีใจเพราะอยู่โรงเรียนเดิมไม่ค่อยทานขนมส่วนใหญ่อาหารว่างเป็นผลไม้เสียมากกว่า
“ครับ พี่ลินได้ยินมาแบบนั้น แต่ไม่รู้จริงไหม อันที่จริงก็อยากเข้าไปเรียนโรงเรียนแบบนั้นเหมือนกันครับ”
“พี่ลินไปเรียนกับเบจิงไหมครับ เบจิงจะบอกคุณแม่ให้” พอได้ยินว่าคุณครูจะไปเรียนด้วยเด็กน้อยก็ดีใจจนหน้าบาน
“ไม่ได้หรอกครับ พี่ลินโตแล้วโรงเรียนเขาไม่ให้คนโตไปเรียนครับ เขาให้แต่เด็กๆ ไปเรียนครับ พี่เลยอยากให้เบจิงไปเรียนแล้วก็กลับมาเล่าให้พี่ลินฟังว่าเป็นยังไงบ้าง เบจิงทำได้ใช่ไหมครับ”
“ทำได้ครับ เบจิงจะไปโรงเรียนใหม่ แล้วจะกลับมาเล่าให้พี่ลินฟังนะครับ”
“ดีมากครับ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราไปเรียนกันดีกว่า เตรียมตัวสำหรับโรงเรียนใหม่เพื่อนใหม่ เบจิงว่าดีไหมครับ”
“ดีครับ เบจิงไปเรียนแล้วนะครับคุณแม่”
แพรรดาเห็นลูกชายร่าเริงก็เบาใจ วันนี้เธอเลิกงานเร็วกว่าทุกวัน เลยมีเวลาให้กับลูกชาย แต่ไม่คิดว่าการบอกเรื่องโรงเรียนใหม่จะทำให้เด็กชายต่อต้าน
เธอกำลังคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงเบจิงถึงยอม แต่ไม่คิดว่าพาลินพูดแค่ไม่กี่คำเด็กชายก็ยอมแต่โดยดี
ตั้งแต่พาลินมาช่วยสอนเบจิงถึงวันนี้ก็เกือบจะสองเดือนแล้ว นับว่าเป็นคุณครูที่อยู่กับลูกชายของเธอนานกว่าคนไหน ที่ผ่านมาเธอเปลี่ยนครูมาแล้วก็หลายคน
ไม่มีใครทนความแสบของลูกชายเธอได้นานเท่ากับพาลินเลย ถ้าหากพาลินเรียนจบและเขาได้ทำงานประจำเธอก็ยังมองไม่ออกแล้วว่าจะหาใครที่เข้าใจและรักเบจิงได้เหมือนกับพาลิน
“พี่แพร วันนี้กลับบ้านเร็วนะครับ” เสียงทักทายของน้องชายดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้านั่งลงข้างๆ พี่สาว
“จ้ะ วันนี้งานไม่ยุ่งเท่าไหร่ แล้วเราล่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่า มาบ้านพี่สามวันติดๆ แล้วนะ” แพรรดาพอเดาออกว่าน้องชายของตนเองกำลังสนใจคุณครูของเบจิงอยู่
“ไม่มีธุระมาไม่ได้เหรอครับ”
“มาได้สิ แต่พักนี้มันแปลก พี่รู้นะว่าคิดอะไรอยู่”
“ผมไม่ได้คิดอะไรเลย”
“เอาความจริงสิโดม ชอบเหรอ”
“ครับ แต่ก็ได้แค่ชอบครับ เขามีแฟนแล้ว”
“รู้ว่าเขามีแฟนแล้วจะมาทำไมบ่อยๆ” แพรรดาไม่อยากให้น้องชายของตนเองเป็นมือที่สามของใคร
“พี่แพรครับ ผมไม่ได้คิดจะแย่งคนรักของใครเลยผมก็แค่อยากคุยกับเขา อยากไปส่งเขาก็แค่นั้นเอง”
“แล้วเขารู้ไหมว่าเราชอบเขา”
“ไม่หรอกครับเด็กนั่นซื่อบื้อจะตาย”
“ไปว่าเขาอย่างนั้นได้ยังไง”
“ก็จริงนี่ครับ ทั้งซื่อบื้อทั้งซุ่มซ่ามเมื่อวานผมแค่บีบแตรเรียกตกใจจนล้มไปในพุ่มดอกเข็มที่เลยครับ” ดลธรรมนึกภาพเมื่อวานแล้วก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ตายจริง แล้วเจ็บมากไหม”
“ไม่หรอกครับแค่แผลถลอก ผมสงสารเลยขับรถไปส่ง หอเขาอยู่ใกล้ๆ คอนโดครับ”
“พี่ไม่รู้เลยว่าพาลินต้องเดินออกไปขึ้นรถที่หน้าปากซอย”
“แต่ก่อนแฟนเขาคงมารับครับ แต่ช่วงนี้เขาบอกว่าแฟนไม่ว่าง”
“อย่าคิดจะเข้ามาแทรกกลางเชียวนะ พี่ยังอยากให้พาลินสอนเบจิงต่อ”
“ผมไม่ใช่คนร้ายกาจแบบนั้นนะครับพี่ ผมกับเขาก็แค่พี่ชายน้องชาย”
“เขาไม่รู้เหรอว่าโดมชอบผู้ชาย”
“คิดว่าไม่รู้ครับ ผมก็ตีเนียนไปก่อน”
“พี่ชักไม่ไว้ใจแล้วสิ”
“โธ่พี่ครับ เชื่อใจผมเถอะ ถ้าเขาไม่เลิกกับแฟนผมก็ไม่มีทางเข้าไปยุ่งหรอกครับ”
“ขอให้มันแน่เถอะ พี่เห็นสายตาเราแล้วไม่ไว้ใจเลย”
ทำไมแพรรดาจะดูไม่ออกว่าน้องชายสนใจพาลินตั้งแต่วันแรกที่เจอ ถ้าได้พาลินมาเป็นคนในครอบครัวก็คงดีเพราะเธอเองก็อยากเห็นดลธรรมมีความสุข ไม่ใช่ลอยไปลอยมาแบบนี้ แต่ถ้าต้องไปแย่งของคนอื่นหรือทำให้คนรักต้องผิดใจกันเธอก็คงไม่เห็นด้วย