15 คนในอดีต
ดลธรรมรีบวิ่งมายังลานจอดรถ ก่อนจะรีบขับตรงไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งด้วยความร้อนใจ
มาถึงก็ตรงไปยังแผนกฉุกเฉินทันที
“คุณคะ เข้าไปไม่ได้นะคะ” พยาบาลวัยกลางคนรีบเดินมาห้ามเมื่อดลธรรมจะเดินเข้าไปด้านใน
“ผมมาหาเพื่อนครับ เขาอยู่ในนั้น”
“เพื่อนคุณชื่ออะไรคะ ฉันจะช่วยเข้าไปดูให้”
“ปณิชญาครับ เพื่อนผมชื่อปณิชญา”
คุณพยาบาลเดินเข้าไปในห้องไม่นานก็กลับออกมาบอกเขาว่าคนที่เขากำลังตามหานั้นตอนนี้ไปนั่งรอรับยาอยู่ที่หน้าห้องจ่ายยาแล้ว
“ขอบคุณครับ” ดลธรรมเดินไปที่หน้าห้องจ่ายยาก็เห็นว่าคนที่เขารีบร้อนมาหานั้นไม่ได้เป็นอะไรมากเลยสักนิด
“พี่โดม” ปณิชญาหรือโอปอดีใจที่เห็นดลธรรมรีบมาหา
“ไหนว่าเจ็บหนัก” เขาถามคนที่มีผ้าก็อซปิดแค่ปลายคางอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ถ้าโอปอบอกว่าเป็นแค่นี้พี่จะมาหาเหรอคะ”
“ทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“ไปหาที่นั่งคุยกันหน่อยได้ไหมครับ ที่คอนโดพี่ก็ได้”
“ร้านกาแฟตรงนั้นก็น่าจะได้ จะคุยไหม ถ้าจะคุยก็ตามมา” เขาเดินตรงไปยังร้านกาแฟของโรงพยาบาลที่ตอนนี้มีคนนั่งอยู่ในร้านแค่สองคน
ปณิชญารับยาแล้วก็เดินตามเขามาด้วยรอยยิ้ม นานแล้วที่ไม่ได้เจอกับดลธรรม นานแล้วที่เขาไม่เห็นหน้าหล่อเหล่าของอดีตคนรัก และตอนนี้เธอก็กำลังคิดว่าจากนี้จะต้องให้ดลธรรมไม่ใช่แค่อดีตอีกต่อไป
“มีอะไรจะคุยกับพี่ ว่ามาสิ”
“โอปอกำลังจะเลิกกับเขาแล้วนะคะ” เธอเพิ่งทะเลาะกับสามีและคิดว่าครั้งนี้คงจะเลิกกันจริงๆ หลังจากทะเลาะกันมาหลายครั้งแล้ว
“แล้วมาบอกพี่ทำไม”
“โอปออยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม” ปณิชญาไม่อยากอ้อมค้อม
“แต่พี่ไม่อยาก” ครั้งหนึ่งเคยรักมาก เคยอยากให้ชีวิตด้วยแต่ตอนนี้เขากลับไปเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว
“พี่โดมอย่าทำเป็นใจแข็ง โอปอรู้นะตั้งแต่เลิกกันพี่ก็ไม่มีคนอื่นเลย พี่รอโอปออยู่ใช่ไหมคะ”
“พี่ไม่มีคนอื่นก็จริง แต่ไม่ใช่เพราะพี่รอโอปอหรอกนะ”
“แล้วเพราะอะไรล่ะคะ”
“เพราะพี่มีความสุขที่อยู่คนเดียวไงล่ะ”
“พี่โดมมีความสุขแน่เหรอ พี่ลืมเรื่องของเราได้จริงๆ เหรอคะ”
“แล้วที่เห็นอยู่ตอนนี้พี่มีความสุขไหมล่ะ”
“ใครจะรู้ว่าที่พี่ยิ้มก็แค่ปิดความเศร้า” หญิงสาวพูดเข้าข้างตัวเอง เพราะตอนที่เลิกกันเธอจำได้ว่าดลธรรมเสียใจมากแค่ไหน
“พี่จะทำอย่างนั้นทำไม”
“พี่โกรธโอปอเหรอที่เลือกคบกับเขาเลือกแต่งงานกับเขา”
“ตอนแรกโกรธ ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้ว”
“แต่พี่ก็รีบมาหาโอปอ ตอนที่โทรบอกว่าเจ็บหนัก”
“ก็เพราะพี่ยังเห็นว่าเราเป็นน้องไงล่ะ อีกอย่างก็เห็นแก่พี่ปรานต์”
“แค่น้องเหรอ พี่คิดแค่นั้นจริงๆ ใช่ไหมคะ”
“อือ คิดแค่นั้น มันจบไปนานแล้วโอปอ อย่าคิดจะกลับมายังไงมันก็เป็นไปไม่ได้” ดลธรรมได้บอกว่าตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
“โอปอจะทำให้พี่เปลี่ยนใจ”
“อย่าเลย มันจะเสียเวลาเปล่า พี่ไปก่อนนะเจ็บแค่นี้คงดูแลตัวเองได้” อีกเหตุผลหนึ่งที่ดลธรรมรีบมาโรงพยาบาลก็เพราะเห็นแก่ปรานต์พี่เขยของเขาเนื่องจากเธอเป็นน้องสาวของพี่ปรานต์ เขาจึงเห็นว่าปณิชญาเป็นญาติอีกคน
“ไปส่งโอปอหน่อยได้ไหมคะ” ปญิชญาทำเสียงอ้อนอย่างที่เคยทำ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ดลธรรมจะไม่ได้ใจอ่อนอย่างเคย
“เรียกแท็กซี่ก็ได้มั้ง”
“โอปอไม่มีเงิน”
ดลธรรมวางธนบัตรสีเทาลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปโดยไม่คิดจะหันมามอง เขาเลยไม่รู้ว่าตอนนี้ปณิชญามองตามหลังด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเสียดายมากแค่ไหน
ดลธรรมเดินกลับมาที่รถ เขาก็เห็นปณิชญาออกมาเรียกแท็กซี่จากนั้นก็ขึ้นรถออกไปจากหน้าโรงพยาบาล
เขากับหญิงสาวเลิกกันได้สองปีแล้ว สาเหตุก็เพราะปณิชญามีคนอื่นและไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทของดลธรรม
ชายหนุ่มยอมรับว่าทั้งโกรธและเสียใจ แต่เวลาผ่านไปก็ทำใจยอมรับได้ อะไรที่มันไม่ใช่ของตัวเองเขาก็ไม่อยากจะรั้งไว้ ถึงตอนนี้เธอก็ไม่มีอิทธิพลกับเขาอีกแล้ว
แต่คนที่กำลังเข้ามาอิทธิพลกับหัวใจของเขาทีละนิดกลับเป็นพาลิน คุณครูของหลานชายที่ทำให้เขาใจเต้นแรงตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ แม้ตอนนั้นจะรู้ว่าอีกคนนั้นมีแฟนแล้วแต่ความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิม
เขาไม่รู้ว่าพาลินจะกลับถึงหอพักหรือยังเพราะนี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงแล้วที่ดลธรรมออกมาจากศูนย์การค้า เพราะเป็นห่างและรู้สึกผิดที่ปล่อยให้พาลินเดินคนเดียวและกลับคนเดียวเขาจึงรีบโทรหา
“ครับพี่โดม ธุระเรียบร้อยแล้วเหรอครับ” ปลายสายถามอย่างเป็นห่วง
“ครับ โอเคแล้ว กลับถึงหอหรือยัง”
“ยังครับ ผมว่าจะดูหนังแล้วค่อยกลับ”
“ดูกับใคร” เขารีบถาม
“คนเดียวครับ”
“หนังฉายกี่โมง”
“หกโมงครับ”
“จองตั๋วให้หน่อยสิ เดี๋ยวไปดูด้วย”
“อีก 45 นาทีพี่จะมาทันเหรอครับ”
“คิดว่าทันนะ”
พาลินรีบเดินไปจองตั๋วเพิ่มอีกหนึ่งใบ ยังโชคดีที่ไม่มีใครจองที่นั่งข้างเขา