6.1
ฉันยืนหอบหายใจอยู่ใต้การคุ้มครองของเลโอ ตรงที่โดนทุบตีรู้สึกเจ็บแสบไปหมด ฉันผลักเลโอออกห่างหลังจากสถานการณ์กลับสู่ความสงบ
“กระเป๋ากับโทรศัพท์ล่ะ”
“ผมว่าไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
“เอาโทรศัพท์กับกระเป๋ามา! ฉันเหนื่อยอยากพัก”
“แต่แผล...”
“เลโอ!”
ฉันขึ้นเสียง เลโอเงียบกริบ ตอบรับเสียงแผ่วก่อนจะเดินก้มหน้าไปหยิบของในรถ ฉันมองตามร่างสูงไปอย่างเหนื่อยๆ ก่อนจะเห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนกอดอกอยู่ในความมืดใกล้ๆ กับรถของเลโอ
หัวใจฉันกระตุกวูบอย่างไม่ทราบสาเหตุ รูปร่างแบบนั้นมัน... ไม่นะต้องไม่ใช่เขา ระหว่างที่ฉันกำลังสับสนกับสายตาของตัวเองเขาก็เดินออกมา
คลื่น!? หมอนั่นจริงๆ ด้วย
หัวใจฉันกระตุกวูบ ...เขามาทำอะไรที่นี่
“คุณหนู?”
เสียงเรียกของเลโอทำฉันรู้สึกตัว
“กระเป๋าล่ะ”
“นี่ครับ”
ฉันรับกระเป๋าคืน รีบค้นหาคีย์การ์ด เลโอมองท่าทีรีบร้อนของฉันด้วยสายตาไม่เข้าใจ ยังไม่ทันที่คีย์การ์ดจะถูกอ่านเงาร่างสูงก็ทอดทับลงมาจากด้านหลัง
“มีอะไรให้ช่วยมั้ย”
รอยยิ้มที่ปรากฏบนมุมปากเรียกร้องความสนใจจากเราทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
“คลื่น?”
เลโอทักชื่อคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจ นี่คงเป็นครั้งแรกที่คลื่นกับเลโอเผชิญหน้ากันแบบตรงๆ
“ฉันเป็นหมอ ถ้าไม่อยากไปโรงพยาบาลฉันดูให้ได้”
รอยยิ้มคนดีของคลื่นเหมือนหนามยอกใจ ฉันกัดฟันแน่น จ้องตอบด้วยสายตาอาฆาตแค้นกำลังจะปฏิเสธเสียงเลโอก็โพล่งสวนขึ้นมาทันควัน
“ก็ดีนะครับคุณหนู”
“มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลในรถ รอแป๊บหนึ่ง”
ว่าแล้วหมอนั่นก็เดินกลับไปเอาของที่รถ ระหว่างนั้นฉันหันมาส่งสายตาเขียวปัดให้เลโอ
“นี่นายทำอะไรลงไปรู้ตัวมั้ย”
“ทำไมล่ะครับคุณหนู หมอนั่นเรียนแพทย์ไม่ใช่เหรอ ผมจำได้ตอนที่มันมาหาคะนิ้งที่คณะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นนะ แต่ว่ามัน”
“มัน?”
“ช่างเถอะ”
คลื่นเดินมาถึงพอดี ฉันเบือนสายตาไปทางอื่น ลีลาอยู่หน้าประตูไม่ยอมสแกนคีย์การ์ด
“ไปหรือยัง”
“คุณหนู?”
“ฉันจะไปโรงพยาบาล!” ฉันเดินผ่านร่างสูงของผู้ชายสองคนนั้นออกมา เลโอมองตามอย่างงุนงงก่อนจะรีบวิ่งตามหลังฉันมา
“ไหนตอนแรกบอกไม่อยากไปไง”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถ้านายไม่อยากขับรถก็เอากุญแจมา ฉันจะขับเอง”
“ผมขับให้ดีกว่าครับ”
เลโอรีบอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ ฉันเหลือบมองไปยังร่างสูงของคลื่นที่ยืนมองเราอยู่ที่เดิม ฉันยอมนั่งรถไปโรงพยาบาลดีกว่าให้หมอนั่นขึ้นไปบนห้อง!
“เออ แล้วคลื่นมันมาทำอะไรแถวนี้”
เลโอเอ่ยขึ้นระหว่างทางเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“จะไปรู้เหรอ”
“เรื่องไอ้แทน ผมว่าคุณหนูเลิกยุ่งกับมันดีกว่ามั้ยครับ”
“ฉันรู้น่าว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ต้องพูดได้มั้ยขี้เกียจฟัง”
“ผมพูดเพราะหวังดีกับคุณหนูนะครับ”
“ถ้ายังไม่หุบปากฉันจะลงจากรถเดี๋ยวนี้ล่ะ”
โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ขับรถสิบนาทีก็ถึง แล้วยิ่งเป็นเอกชนบริการยิ่งเร็ว หน้าฉันมีรอยแตกสองสามที่ แตะยานิดหน่อยก็เสร็จ
เลโอกลับมาส่งฉันที่หอพัก ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่าง ฉันเพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้หลับนอนก็ตอนนี้เนี่ยแหละ
“จอดตรงนี้แหละ นายรีบกลับไปทำงานเถอะ”
“ตอนนี้ผมก็ทำงานอยู่”
“นี่ไม่เถียงสักครั้งจะได้มั้ย”
เลโอไม่พูดต่อ เขาจอดรถตามที่ฉันบอก
“ขอบใจนะ ขับรถดีๆ ล่ะ”
“ครับ”
ฉันเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้ามาในซอยทันที ที่ใช้อารมณ์กับเลโอแบบนั้นบางทีฉันก็รู้สึกผิดเหมือนกัน
หมับ!
“คลื่น!?”
ฉันกำลังจะสแกนคีย์การ์ดสะดุ้งเฮือก มองมือที่กุมแขนอย่างแตกตื่น ก่อนสบสายตาเข้ากับร่างสูงตรงหน้า
“นะนาย.... ยังไม่กลับไปอีกเหรอ!”
“ฉันตั้งใจมาหาเธอจะให้กลับไปไหน”
“อึก! ปล่อย! ไปเลยนะ! ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
“ไม่ให้ยุ่งกับเธอแล้วจะให้ฉันไปยุ่งกับใคร”
คลื่นเอื้อมมือมาเขี่ยปอยผมที่ข้างแก้มฉันออก น่ารำคาญ! ฉันเบือนหน้าหลบจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาขวางจัด
“บอกว่าไปให้พ้นไง!”
ฉันผลักอกคลื่นออกห่างรีบผลักประตูเข้ามาข้างในแต่หมอนั่นกลับดันประตูจากด้านหลังฉันแล้วผลักเข้ามาข้างในด้วยกำลังที่เหนือกว่า
“นี่นาย!”
ฉันหันขวับมาจ้องเขาด้วยสายตาเดือดจัด
“ฉันมีเรียนตอนเก้าโมง แค่อยากหาที่นอนงีบสักนิด ถ้าเธอไม่อยากให้นอนจะทำอย่างอื่นก็ไม่เป็นไร” ไอ้บ้านั่นแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัย
ฮึ่ม!
“อยากงีบก็ไปงีบที่อื่นสิ ทำไมต้องห้องฉัน”
ฉันสบถเสียงฉุน เดินมากดลิฟต์โดยมีเงาของคลื่นประกบอยู่ด้านหลัง ไอ้บ้านี่! ฉันไม่รู้จะขับไล่ไสส่งเขายังไงดี สุดท้ายคลื่นก็เข้ามาในห้องฉันจนได้
“นายมันหน้าด้าน!”
“หึ”
เขากระตุกยิ้มมุมปากเหมือนชอบใจ ให้ตายสิ
“ห้องเล็กชะมัด” คลื่นกวาดตามองรอบๆ วิจารณ์ห้องฉันเสร็จก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“นั่นมันเตียงฉันนะ”
“แล้วไง”
“ถ้านายนอนบนนั้นแล้วฉันจะนอนไหน”
“อ้าว ถ้าไม่อยากนอนบนเตียงก็พื้น”
“คลื่น!”
“เงียบจะนอน” หมอนั่นเสียงดังอย่างฉุนๆ พลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้ฉัน กรี๊ด! มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
มีดอยู่ในครัวมีนะ เอามาแทงให้ไส้ไหลเลยดีมั้ย!
ฮึ่ย ฉันมองร่างสูงอย่างอารมณ์เสีย หันหลังขวับ เดินจ้ำอ้าวเข้าห้องน้ำก่อนที่อารมณ์จะพลุ่งพล่านไปมากกว่านี้
“คลื่น...”
ฉันนุ่งผ้าเช็ดตัวพันอกออกมาจากห้องน้ำ เมื่อกี้ฉุนเฉียวไปหน่อยเลยลืมหยิบเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนข้างใน เห็นหมอนั่นนอนนิ่งๆ เลยลองเรียกดู แต่เขาไม่ขยับเขยื้อนสงสัยหลับแล้วจริงๆ
ค่อยยังชั่วหน่อย ฉันเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนสบายๆ มาสวม ด้านนอกเช้าแล้วแต่ทำไงได้ฉันง่วงนี่นา วันนี้ตั้งใจจะนอนทั้งวันเลย ส่วนเรื่องเรียนไว้ค่อยถามเลโอทีหลัง
ฉันดึงที่นอนปิ๊กนิกออกมาปูพื้น มองเตียงที่โดนยึดไปแล้วอย่างถวิลหา ...นี่เราต้องนอนพื้นจริงเหรอ ฉันเพลียนะแล้วก็ง่วงมากด้วย อยากนอนสบายๆ อะ แต่ว่าจะให้ไปนอนข้างๆ ผู้ชายที่ข่มเหงเรามันรู้สึกขยาดแขยงยังไงไม่รู้
นอนพื้นก็ได้เหอะ ชิ!
รู้ตัวอีกทีก็ตอนพลิกตัวอยู่บนพื้นนุ่มๆ อ๊ะ? ฉันกวาดสายตามึนงงไปทั่วห้อง กี่โมงแล้วเนี่ย...แล้วนี่ฉันขึ้นมานอนบนเตียงได้ยังไง
คลื่นล่ะ!? ฉันไม่เห็นหมอนั่นอยู่ในห้อง ควานหาโทรศัพท์มาดูเวลา
บ่ายสองแล้ว!
คลื่นบอกมีเรียนตอนเก้าโมงเช้า... ออกไปตอนฉันหลับงั้นเหรอ
ฉันหลุบตามองที่นอนปิ๊กนิกที่ยังปูอยู่ที่เดิม มีรอยยับย่นพอประมาณ ปกติฉันไม่เคยนอนละเมอนะ... หรือว่าคลื่นจะเป็นคนอุ้มฉันขึ้นมา หมอนั่นเนี่ยนะ? ไม่อยากจะเชื่อแต่เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้ไอ้สารเลวอย่างเขาเปลี่ยนเป็นคนดีได้หรอก
ฉันส่ายหน้าอย่างรู้สึกขยะแขยง รีบถอดผ้าปูเตียงรวมถึงปลอกหมอนทุกอย่างออกแล้วเอามาทิ้งถังขยะอย่างไม่เสียดาย เสร็จแล้วก็อาบน้ำอาบท่า ลงไปหาอะไรกินข้างล่าง