5.2
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
“ช้าชะมัด”
ร่างสูงชะลูดอย่างนางแบบสวมแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้าถอดแว่นกันแดดราคาแพงออก ถลึงดวงตากลมสวยใส่ชายหนุ่มตรงหน้า
“แท็กซี่ก็มี ถ้าขี้เกียจรอทำไมไม่นั่งกลับ”
“ก็ฉันอยากให้นายมารับ นี่...จะช่วยถือกระเป๋าหน่อยไม่ได้หรือไง”
ปีใหม่ลากเท้าตามร่างสูงที่เดินออกไปอย่างปุบปับแบบตั้งตัวไม่ทัน ตะโกนโวยวายเสียงแว้ดๆ ด้านหลังของคลื่น
คลื่นหันกลับไปมองด้วยสายตาเบื่อหน่าย มองกระเป๋าที่อีกฝ่ายกำลังลากอยู่ก่อนสบถลมหายใจออกมา เดินเข้าไปฉวยกระเป๋าในมือเธอมาถือแล้วลากออกไปทันที
หนึ่งชั่วโมงต่อมา....
“ถึงแล้วลงไปสิ”
คลื่นไล่สาวสวยที่เบาะข้างๆ อย่างเย็นชา รถยนต์คันหรูจอดชะลอหน้าประตูบ้านหลังใหญ่ที่แค่มองประเมินด้วยสายตาแล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท
“นี่นายหงุดหงิดอะไรฉันหรือเปล่าเนี่ย” ปีใหม่มองใบหน้าบึ้งตึงด้านข้างของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ตลอดทางบนรถเขาไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ มีแต่เธอที่บ้าพูดอยู่คนเดียว
คลื่นยังคงเงียบ สายตาเขาเพ่งมองไปด้านหน้าเหมือนว่าเธอไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ปีใหม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังรอให้เธอลงจากรถอย่างใจจดใจจ่อ ยังเคืองเรื่องเมื่อตอนนั้นอยู่สินะ
เป็นเด็กน้อยไม่รู้จักโตหรือไง เธอมองใบหน้าคู่หมั้นอย่างพินิจพิเคราะห์แบบจริงจังเป็นครั้งแรก คลื่นเปลี่ยนไปมากเธอยอมรับ เมื่อก่อนเขาเป็นหัวกะทิของห้อง สวมแว่น เป็นผู้ชายที่มองแล้วมีบุคลิกน่ารักน่าค้นหา แต่ดูตอนนี้สิ แว่นที่เคยบดบังสายตาทรงเสน่ห์นั่นหายไปแล้ว เรียวหน้าที่คมคายขึ้นและท่าทางดุดันหนักแน่นนั่นทำหัวใจหญิงสาวสั่นระรัวเมื่อจินตนาการถึงฉากเร่าร้อนบนเตียง คงจะเร้าใจน่าดูชมเลยล่ะ
ไม่ยอมพูดกับเธอใช่มั้ย ได้.... เดี๋ยวจะช่วยรำลึกความหลังเอง
ร่างบางยืดตัวข้ามคอนโซลไปจับใบหน้าตั้งตรงของคลื่นให้หันมาหาตนแล้วประกบริมฝีปากจูบเขาทันที
“....!!!”
คลื่นเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ร่างสูงชะงักงันไปชั่วขณะ เรียวปากนุ่มนิ่มของปีใหม่ทำเขาเคลิ้มได้เหมือนกันแต่มันก็แค่นั้น ต่อให้เธอจูบเก่งหรือช่ำชองมากแค่ไหนมันก็ไม่ช่วยให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาเลย
“โทษที ฉันไม่มีอารมณ์”
เขาผลักไหล่บางออกห่าง
“อะไรกัน” ปีใหม่มองคลื่นด้วยสีหน้าขัดใจ รู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่โดนชายหนุ่มปฏิเสธซึ่งๆ หน้า ทั้งที่ตอนอยู่ต่างประเทศเธอทั้งฮอตและแซ่บเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ ทั้งเมือง แต่กลับมาโดนคู่หมั้นที่อยู่เมืองไทยบอกปัดอย่างไม่แยแส ฮึ่ย! นึกแล้วก็แทบปี๊ดแต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน สีหน้าที่เหมือนกำลังจะพ่นไฟกลับแต้มรอยยิ้มยียวนขึ้นมาแทน
“หรือว่านายประหม่า”
“ฉันจะประหม่าทำไม”
“ก็เพราะว่าฉันเป็นครั้งแรกของนายไง ตอนนั้นที่ฉันจูบนาย นายก็บ่ายเบี่ยงแบบนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วตอนที่เรานอนด้วยกันนายก็เอาแต่นอนเกร็งเป็นฉันที่ทำให้ซะส่วนใหญ่ อยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้เวลาอยู่บนเตียงนายยังนิ่งเหมือนเดิมหรือเปล่า”
เรียวนิ้วยาวจิ้มที่กลางอกกว้างกดลากลงไปถึงหัวกางเกงอย่างเย้ายวน
คลื่นมองตามนิ้วนั่นลงไปด้วยสายตาเรียบสนิท ไม่มีอารมณ์ใดๆ ฉายอยู่บนใบหน้า ปีใหม่เห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกหมดสนุกขึ้นมาทันที
“นายเกลียดฉันมากหรือไง”
“ลงไปได้แล้ว ฉันมีธุระต่อ”
“จิ๊!”
ปีใหม่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขากลับไล่เธออย่างไม่ไว้หน้า เธอเองก็เหน็ดเหนื่อยจากการนั่งเครื่องมาจึงไม่มีพลังจะโต้เถียง ทำเสียงฮึดฮัดขัดใจในลำคอก่อนเปิดประตูลงจากรถ สะพายกระเป๋าใบเล็กเดินเข้าบ้านไปด้วยท่าทางเหวี่ยงๆ ปล่อยให้คนรับใช้ลากกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของอย่างอื่นตามหลังไป
คลื่นถอยรถออกจากบ้านคู่หมั้นทันทีที่หมดเรื่องหมดราว
เขายกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัวระหว่างกำลังขับรถ จูบของปีใหม่... เขาพยายามนึกถึงความรู้สึกหอมหวานที่เคยสัมผัส ความตื่นเต้น และความสุขที่ได้แตะต้องเธอเมื่อก่อน ตอนนี้เขาสัมผัสถึงมันไม่ได้เลย
ทุกอย่างกลายเป็นอดีตไปแล้วจริงๆ
เช้านี้คลื่นมีเรียน เขาขี้เกียจขับรถกลับคอนโด เสื้อนักศึกษากับหนังสือเรียนก็อยู่หลังรถหมดแล้ว ตั้งใจว่าจะมาของีบกับเพื่อนที่อยู่หอใกล้ๆ มหาวิทยาลัยสักหน่อย แล้วจู่ๆ เขาก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา
เหมย....
ว่าแล้วก็รีบหักรถเลี้ยวเข้าไปในซอยทันที
ช่วงเวลาตีสี่กว่าๆ อากาศนอกรถเย็นสบาย คลื่นจอดรถใกล้กับหอพัก เปิดประตูลงไปพร้อมๆ กับที่ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายดังขึ้น
: เหมย :
ก่อนหน้านั้นไม่นาน....
“ที่นี่ยุงเยอะเนอะ”
พี่แทนตบแขนตัวเองเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วฉันก็จำไม่ได้ เขายอมเสียสละเสื้อคลุมให้ฉันใส่เพื่อที่ยุงจะได้ไม่กัดฉัน น่ารักจริงจัง
“เหมยว่าพี่แทนกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
“พี่เป็นห่วง จะปล่อยเหมยไว้คนเดียวได้ยังไง นี่ก็ยืนรอมาตั้งยี่สิบนาทีแล้วยังไม่มีใครผ่านมาเลย”
ที่เขาว่ามามันก็จริง ยืนรอจนขาแข็งแล้วเนี่ย ระหว่างรอฉันยืมโทรศัพท์พี่แทนโทรหาเลโอด้วย โชคดีที่หมอนั่นรับสายสักที โชคดีอีกชั้นที่เขาเก็บกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ของฉันเอาไว้และกำลังขับรถเอาของมาให้ฉันที่นี่ บอกพี่แทนเรื่องเลโอแล้วแต่เขาก็ยังยืนกรานจะอยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่าฉันจะขึ้นห้องอย่างปลอดภัย
โอ๊ย ใจดีไปอีก แต่ท่าทางวันนี้โชคร้ายของฉันจะยังไม่หมด
ตลอดเวลาที่อยู่กับพี่แทน ฉันไม่สังเกตเลยว่าที่ระเบียงหอพักตึกตรงข้ามมีใครสักคนกำลังจับตามองเราทั้งคู่อยู่
ฉันกับพี่แทนยืนคุยกันอยู่ดีๆ ร่างพี่แทนก็ถูกกระชากไปด้านหลังพร้อมกับเสียงตวาดลั่น
“พี่แทน!”
“น้ำอิง!”
ใบหน้าหล่อเข้มฉายแววตื่นตระหนกเมื่อสบสายตาเข้ากับสีหน้า เกรี้ยวกราดของยัยนั่น
หัวใจฉันกระตุกไหว มองการปรากฏตัวของแฟนพี่แทนอย่างคาดไม่ถึง
“น้ำอิง...” ยัยนั่นรู้ได้ยังไงว่าพี่แทนอยู่ที่นี่กับฉัน ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไร ดวงตาอาฆาตแค้นของน้ำอิงก็ตวัดมามอง ยอมรับว่าฉันเผลอกลั้นหายใจไปแวบหนึ่ง
“พี่หนีอิงมาอยู่กับนังนี่เหรอพี่แทนพี่ทำแบบนี้ได้ยังไง!”
“ไม่อิงฟังพี่ก่อน”
“ฟังอะไรล่ะคะ ถ้าเพื่อนอิงไม่โทรมาบอกอิงก็คงจะโง่เป็นควายเชื่อทุกคำพูดที่พี่บอก พี่โกหกอิง! แกนังหน้าด้านรู้ทั้งรู้ว่าพี่แทนเป็นของฉันก็ยังจะมายุ่งอีก”
“เฮ้อิง! หยุดนะอิง”
ยัยน้ำอิงถลาเข้ามากระชากแขนฉันอย่างโมโห นี่ถ้าพี่แทนไม่รั้งตัวยัยนั่นเอาไว้ป่านนี้คงได้ลงไม้ลงมือกันแล้ว ฉันสะบัดแขนหลุดจากมือยัยนั่นแทบจะทันที ถอยห่างออกมาสองสามก้าว แล้วก็เหลือบไปเห็นเพื่อนยัยน้ำอิงสองคนวิ่งออกมาจากตึกฝั่งตรงข้าม พวกเธอเองสินะ เพิ่งรู้เหมือนกันว่ายัยนี่มีเพื่อนอยู่แถวนี้
“พี่แทนปล่อยอิง! อิงจะตบหน้าหนาๆ ของมัน มันจะได้รู้สึกตัวว่าไม่ควรมายุ่งกับของของคนอื่น”
“เอาเลยมั้ยอิง พวกฉันช่วย” แขนฉันโดนยัยสองตัวนั่นล็อกเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้! พวกเธอทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ”
ฉันสะบัดสุดแรงแต่ยัยสองตัวนั่นก็ไม่ยอมหลุด ยัยน้ำอิงตรงเข้ามาเหวี่ยงฝ่ามือใส่หน้าฉันเต็มๆ
เพียะ!
แก้มฉันหันขวับ รู้สึกชาไปทั้งแถบ มึนๆ งงๆ อย่างบอกไม่ถูกแต่รู้ว่าโดนตบไปแล้ว กว่าฉันจะได้สติและหันกลับมาจ้องหน้ายัยนั่นเส้นผมก็โดนกระชากอย่างรุนแรง
น้ำอิงจ้องฉันด้วยสายตาเลือดเย็น
“พี่แทนเป็นของฉันจำไว้ แรดๆ อย่างเธอมันก็เป็นได้แค่ของเล่นคลายเหงาของเขาเท่านั้นแหละ”
ของเล่นคลายเหงาเหรอ ก็อาจจะใช่... ฉันแค่นยิ้มหยัน
“ถ้าของจริงมันสนุกพี่แทนก็คงไม่สนใจของเล่นหรอก วันนี้พี่แทนอาจจะเลือกเธอแต่ต่อไปเขาอาจจะเลือกฉันก็ได้ใครจะรู้”
“กรี๊ดยัยเหมย! นังสารเลว อีร่าน แกคิดจะแย่งพี่แทนไปจากฉันใช่มั้ย”
เพียะ! พลั่ก! ตุบ!
ยัยน้ำอิงสติหลุด เหวี่ยงมือเหวี่ยงไม้ใส่ฉันรัวๆ เสียงดังตุบตับ ฉันทั้งเจ็บทั้งแสบได้ยินเสียงพี่แทนร้องห้ามแต่น้ำอิงไม่ยอมฟัง ฉันพยายามขัดขืน ดิ้นแรงๆ เพื่อให้หลุดจากการจับกุมแต่แขนกลับโดนล็อกแน่น ยัยพวกนั้นบิดแขนฉันด้วย เจ็บเหมือนแขนจะหัก ให้ตายสิ นี่ถ้าไม่รู้ว่าน้ำอิงท้องฉันจะถีบให้แรงๆ เลย
“คุณหนู! หยุดนะ พวกเธอทำบ้าอะไรกัน!”
เลโอพรวดพราดเข้ามากันฉันออกจากน้ำอิงก่อนที่ฉันจะเละไปมากกว่านี้ หมอนั่นรั้งร่างฉันเข้าไปกอดไว้แนบอก พร้อมกับผลักยัยสองตัวนั่นจนกระเด็นไปหลายก้าว จ้องมองทุกคนด้วยสายตาเย็นยะเยือก
“แทน!”
เลโอเอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกมา พี่แทนล็อกแขนยัยน้ำอิงเอาไว้แน่น ยัยนั่นยังฟึดฟัดแยกเขี้ยวขู่ใส่ฉันฟ่อๆ
“ปล่อยอิงนะพี่แทน!”
“พอได้แล้วอิง! แค่นี้เหมยก็เจ็บมากแล้วนะ”
“อิงจะตบมัน ปล่อย!!”
“ฉันว่านายรีบพาผู้หญิงของนายกลับไปดีกว่าแทน”
“เลโอ”
“แกไอ้ลิ่วล้อไม่ต้องมายุ่ง!” น้ำอิงขึ้นเสียงใส่เลโออย่างไม่เกรงกลัว
“แทน!” เลโอชำเลืองมองท่าทางอันธพาลของน้ำอิงก่อนหันไปส่งสายตากดดันพี่แทน
“เหมยพี่ขอโทษนะ พี่ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย น้ำอิงกลับ!”
“ไม่! โอ๊ยนี่อิงเจ็บนะ แล้วพี่จะไปขอโทษมันทำไม มันสมควรโดนยิ่งกว่านี้อีก” พี่แทนขอโทษฉันอย่างรู้สึกผิดก่อนจะลากยัยน้ำอิงออกไป
“ใครอยากมีเรื่องอีก ต่อให้เป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ละเว้น”
เลโอกวาดสายตาเลือดเย็นไปทางยัยสองคนนั่นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม พวกนั้นสะดุ้งเฮือกรีบหนีไปทันที