บท
ตั้งค่า

5.1

“โจ๊กได้แล้วค่ะ”

ถ้วยโจ๊กร้อนๆ ถูกยกมาเสิร์ฟ ฉันนั่งอยู่ในร้านโจ๊กรอบดึกกับพี่แทน ตอนนี้เป็นเวลาตีสองกว่าๆ ลูกค้าภายในร้านส่วนใหญ่ก็เป็นวัยรุ่นที่กลับจากเที่ยวผับทั้งนั้น แต่ดีที่คนไม่แน่น

“ขอบคุณนะคะพี่แทนที่มารับเหมย”

ฉันมองชามโจ๊กร้อนกรุ่นตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนเหลือบมองหน้าพี่แทนอย่างเกรงใจ พี่แทนมีผิวสีแทนสมชื่อ ใบหน้าหล่อคมเข้มแบบไทยๆ แต่ก็ดูอินเตอร์สุดๆ มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ยิ่งรู้จักก็ยิ่งหลง เป็นแบบที่ฉันชอบทุกอย่างทั้งหน้าตาและนิสัย แต่เสียดายเขาไม่เลือกฉัน...

“ก็เหมยเดือดร้อนไม่ใช่เหรอ พี่ก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ทำยังไงถึงไปลืมกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ไว้ที่ผับได้ล่ะ”

“ก็มันชุลมุนน่ะค่ะ ช่วงนั้นในผับมีเรื่องด้วย แล้วเพื่อนอีกคนก็ลากเหมยขึ้นรถออกมาแต่คิดว่าน่าจะมีคนเก็บไว้ให้ พรุ่งนี้เหมยจะลองโทรไปเช็กดูอีกที”

“อืม ขอให้ได้คืนนะ”

“ค่ะ แล้วนี่พี่แทนออกมาแบบนี้น้ำอิงรู้มั้ย?”

พี่แทนส่ายหน้า ใบหน้าเข้มๆ ซีดลงนิดหน่อย เขาสั่งเบียร์มานั่งกินเป็นเพื่อนฉัน ท่าทางเหมือนคนอยากเมายังไงยังงั้น

“พี่แทนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า บอกเหมยได้นะ”

“เหมย....” จู่ๆ พี่แทนก็เรียกชื่อฉันหลังจากนั่งทำหน้าขรึมอยู่นาน ฉันกำลังจะตักโจ๊กเข้าปากชะงัก จ้องสีหน้าเคร่งเครียดของเขาอย่างรอฟัง

“พี่ควรทำยังไงดีวะ”

“อะไรพี่แทน”

น้ำเสียงนั่นทำเอาฉันเครียดตามไปด้วย ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อ๊ะ...หรือว่าทะเลาะกับนังน้ำอิงมา ถ้าใช่ละก็นี่อาจจะเป็นโอกาสของฉันก็ได้

“น้ำอิงท้อง”

เพล้ง!

ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแก้วแตกในหัว ความฝันเมื่อครู่พังทลายลงกับตา

“พี่... ล้อเล่นใช่มั้ย”

“พี่ก็อยากให้มันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเหมือนกัน พี่ยังไม่พร้อมเหมย น้ำอิงเพิ่งบอกพี่เมื่อเช้า...พี่ควรทำยังไง”

ฉันมองท่าทางร้อนรนของพี่แทนด้วยสายตาสั่นไหว ไม่รู้จะโกรธหรือสงสารดี แต่ที่แน่ๆ ฉันเสียดายเขามาก รุ่นพี่ที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่มัธยมแต่กลับโดนผู้หญิงจากต่างโรงเรียนซิวไปต่อหน้าต่อตา ถ้าตอนนั้นฉันบอกรักพี่แทนเร็วกว่านี้ก็คงไม่ต้องมานั่งกล้ำกลืนแบบนี้

“เหมยไม่รู้ค่ะ พี่แทน....พี่แทนก็รู้ว่าเหมยคิดยังไงกับพี่ เหมยไม่ใช่คนใจกว้างพอที่จะโน้มน้าวให้พี่รับผิดชอบน้ำอิงแต่เหมยก็ไม่กล้ายุให้พี่เลิกกับเขา เหมยแนะนำอะไรไม่ได้แต่เหมยอยากให้พี่รู้ ไม่ว่าพี่จะตัดสินใจยังไงเหมยเคารพการตัดสินใจของพี่และเป็นกำลังใจให้เสมอ”

“ขอบใจนะเหมย”

พี่แทนมาส่งฉันที่ห้องเกือบตีสี่ เรานั่งคุยกันหลายเรื่อง ทั้งที่ร้านโจ๊กรอบดึกและบนรถจนถึงหอพัก เหมือนว่าพี่แทนยังไม่อยากกลับ ท่าทางเขามีอะไรในใจมากมายที่อยากระบายให้ฉันฟัง ก็เราไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย น้ำอิงขี้หึงจะตาย ในรอบหนึ่งเดือนฉันกับพี่แทนเจอกันนับครั้งได้ทั้งที่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน

“เหมยไปก่อนนะคะ”

“ครับ”

ฉันยิ้มให้พี่แทน หันมาเปิดประตูลงจากรถ แต่คงเพราะความอ่อนเพลียทำให้เดินยังไม่ทันถึงประตูก็ซวนเซเหมือนจะล้ม ฉันรีบเอามือยันกับผนังตึกใกล้ๆ ทันที

“เหมย!?”

พี่แทนรีบเปิดประตูลงจากรถวิ่งมาดูด้วยท่าทางเป็นห่วงเป็นใย

“ไหวมั้ยมาพี่ช่วย”

“ขอบคุณค่ะ”

“คีย์การ์ดล่ะ”

ฉันส่ายหน้า เพิ่งนึกได้ว่ามันอยู่ในกระเป๋า

“อ้าวไม่มีคีย์การ์ดแล้วจะเข้ายังไง”

“เดี๋ยวเหมยยืนรอคนในตึกมาเปิดประตูก็ได้”

“จะมีคนมามั้ยล่ะ ดีไม่ดีอาจต้องรอยันเช้าแล้วกุญแจห้องล่ะเหมย”

“เหมยซ่อนกุญแจสำรองไว้ที่กระถางต้นไม้หน้าห้อง”

พี่แทนถอนหายใจอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดฉัน “พี่ว่าเหมยไปพักห้องพี่ก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยกลับมาดีมั้ย”

“แต่...” โอกาสที่ได้รับฉันเกือบจะดีใจอยู่แล้วถ้าไม่ได้ยินเรื่องที่แฟนพี่แทนท้อง ถึงฉันจะชอบเขามากแต่ไม่อยากเพิ่มภาระให้เขา ฉันรู้พี่แทนหวั่นไหวทุกครั้งที่เราอยู่ใกล้กัน และฉันก็ไม่เคยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะแย่งเขามาจากน้ำอิง ฉันไม่อยากเล่นบทนางร้าย รอให้พี่แทนเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง แต่ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาพี่แทนก็ไม่มีท่าทีว่าจะทิ้งน้ำอิงมาหาฉัน ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนเราทั้งคู่กำลังเลี้ยงไข้กันอยู่

“ไปเถอะ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก หรือว่าเหมยไม่ไว้ใจพี่”

“เปล่านะคะ เหมยไม่ไว้ใจตัวเองมากกว่า ถ้าเหมยปล้ำพี่ขึ้นมาจะทำยังไงกลับไปเถอะค่ะ เหมยอยู่คนเดียวได้”

“ก็ได้ ถ้าเหมยไม่อยากไปกับพี่งั้นพี่จะอยู่เป็นเพื่อนเหมย”

สีหน้าพี่แทนจริงจังจนฉันพูดอะไรไม่ออก เขาทำให้หัวใจที่กำลังห่อเหี่ยวพองโตขึ้นมาอีกครั้ง ฉันยิ้มน้อยๆ ให้ผู้ชายตรงหน้า ยืนคอยคนที่หอผ่านมา จะได้ฉวยโอกาสตอนพวกนั้นสแกนคีย์การ์ดผ่านประตูเข้าไป

◇ ◆◇ ◆◇ ◆

Line! ~

คริส : มึงทำอะไรอยู่วะ

เสียงเตือนในกระเป๋ากางเกงทำให้เรียวขาที่กำลังจะก้าวไปจัดการกับยัยตัวแสบที่กล้าชี้มีดใส่หน้าเขาชะงักกึก คลื่นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู คิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อพี่ชาย

คลื่น : อยู่ห้อง

คริส : มึงไม่อ่านไลน์ปีใหม่หรือไง เธอมาถึงสนามบินแล้ว มึงต้องไปรับ

คลื่น : ให้คนอื่นไปรับสิ ผมไม่ว่าง

คริส : มึงต้องไป! นั่นคู่หมั้นมึง

คลื่น : ยัยนั่นไม่ใช่คู่หมั้นผม พี่ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอทำอะไรเอาไว้บ้าง

คริส : แล้วไงวะ ที่กูให้มึงไปรับเธอก็เพราะไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหากัน ไปรับปีใหม่ซะ

คลื่นกัดฟันกรอด มองหน้าจอที่ไม่เคลื่อนไหวแล้วเตะลมเตะแล้งอย่างหงุดหงิด

เรื่องปีใหม่ผ่านมาหลายปีแล้วแต่คลื่นก็ยังไม่ลืม เขาเคยคิดว่ารักปีใหม่แต่เธอกลับทำลายความรักที่แสนบริสุทธิ์ของเขาอย่างไม่มีชิ้นดี นับตั้งแต่นั้นมาคลื่นก็ไม่เคยเชื่อผู้หญิงคนไหนอีกเลย จนรู้จักกับคะนิ้ง

ผู้หญิงที่เขาหมายตาว่าจะใช้เป็นเครื่องมือชำระแค้นริกกี้ แต่ไม่ว่าจะรุกหน้าไปเท่าไหร่ก็เหมือนริกกี้จะนำเขาไปก้าวหนึ่งเสมอ นั่นยิ่งทำให้คลื่นหัวเสียขึ้นไปอีก พลางสมเพชตัวเองที่ไม่เคยทำอะไรเหนือกว่าริกกี้สักครั้ง

ความรู้สึกเหมือนถูกอีกฝ่ายเหยียบให้จมดินมันฝังแน่นอยู่ในหัว ไม่ว่าจะทำอะไร หรือไปที่ไหนเขาจะเกิดข้อเปรียบเทียบขึ้นในใจเสมอ นั่นทำให้คลื่นไม่เคยคิดที่จะหยุดแข่งกับริกกี้ เป็นเหตุให้เจอกันทีไรต้องคอยหาเรื่องอีกฝ่ายอยู่ร่ำไป

ร่างสูงเดินเข้ามาอาบน้ำอาบท่าอย่างไม่รีบร้อน เขาต้องการให้หัวเย็นลงสักหน่อย หลังจากเปิดศึกกับยัยหมวยนั่นก็เล่นเอาหัวร้อนไปหมด แถมยังพลาดปล่อยให้หนีไปได้อีกรู้สึกเสียเชิงชะมัด

เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ด้านนอกดังขึ้น แต่คลื่นไม่สนใจ เขายังคงอาบน้ำอย่างใจเย็น เสร็จแล้วก็หาเสื้อผ้าเปลี่ยน ราวๆ หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถสปอร์ตสีดำก็แล่นออกจากคอนโดหรูมุ่งหน้าไปที่สนามบิน จิตใจจดจ่ออยู่กับคนที่กำลังรอเขาอยู่ลืมยัยหมวยที่เกือบจะแทงเขาไปชั่วขณะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel