บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

จากตอนแรกตั้งใจว่าจะหลบหน้าเมธวี โดยการไปที่ไร่ของพี่เขยและพี่สาวในตอนบ่ายคล้อยก่อนที่เมธวีจะเลิกงาน แต่ด้วยเกรงว่าเมธวีจะกินเวลาราชการออกมาจากที่ทำงานก่อนเวลาเลิกงาน จึงเปลี่ยนใจไปที่ไร่ของพี่เขยในตอนเที่ยง กะว่าไปฝากท้องกินมื้อเที่ยงกับพี่สาวเลย

ด้วยอาณาเขตของไร่กาแฟที่อยู่ติดกัน มีแค่เพียงเสาปูนปักลงบนพื้นดิน ไม่มีลวดหนามขึงตึงไว้ พ่อเลี้ยงคิวากรจึงเดินลัดจากท้ายไร่เข้าไปที่ไร่ของพี่เขยได้เลย ระหว่างทางเดินเข้าไปถึงตัวบ้าน ก็ทักทายบรรดาคนงานในไร่ชิดารัณที่คุ้นเคยสนิทสนมกันเป็นอย่างดี พอเดินมาถึงบ้านพักหลังใหญ่ของพี่เขย ก็เห็นพี่สาวของตนเองกำลังช่วยเด็กรับใช้ลำเลียงอาหารมื้อเที่ยงมาตั้งโต๊ะตรงระเบียงด้านหน้าบ้านพัก

“โอ้โห! มาทันมื้อเที่ยงพอดีเลยแฮะ ลาภปากอีกแล้วเรา”

พ่อเลี้ยงคิวากรแกล้งเอ่ยเสียงดัง จากนั้นก็ก้าวเท้าขึ้นบันไดเตี้ยๆ หน้าบ้านพักทีละสองก้าว เข้าไปโอบกอดร่างอวบอิ่มของพี่สาวไว้แนบแน่น

“ว้าว! หลานของคินโตวันโตคืนเลยนะครับ ไม่ได้กอดพี่รัณแค่สองสามวันเอง ตอนนี้คินโอบแขนแทบจะไม่มิดตัวพี่รัณแล้ว”

พ่อเลี้ยงคิวากรแซวยิ้มๆ หลังจากผละกายออกจากร่างของพี่สาว ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนเศษแล้ว พ่อเลี้ยงหนุ่มทอดมองพี่สาวด้วยแววตาแห่งความสุข ดีใจที่พี่สาวของตนเองได้พานพบรักแท้กับบุรุษหนุ่มที่แสนดีอย่างสิงหนาท วรสรณ์ ซึ่งยอมมอบหัวใจทั้งสี่ห้องให้กับพี่สาวของเขาแต่เพียงผู้เดียว

ว่าที่คุณแม่คนใหม่คลี่ยิ้มหวานให้กับน้องชาย พลางก้มลงมองหน้าท้องของตนเอง ซึ่งนูนเด่นขึ้นมามากแล้วตามอายุครรภ์ ก่อนจะเอ่ยสัพยอกกลับด้วยน้ำเสียงสดใสไม่แพ้กัน

“แหม! พี่ยังไม่ตัวใหญ่ขนาดนั้นหรอกคิน ตอนนี้ยังพอกอดได้รอบตัวอยู่นะ แต่ถ้าอีกสองสามเดือนข้างหน้าท้องคงโตกว่านี้ ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นพี่สิงห์หรือคินก็คงกอดพี่ไม่ได้รอบตัวแน่ๆ ”

“หลานของคินต้องตัวใหญ่แน่ๆ เลย คินแทบทนรอเวลาที่จะได้เห็นหน้าหลานไม่ไหวแล้วนะครับ”

ขณะพูด พ่อเลี้ยงคิวากรก็ยกมือใหญ่ไปลูบไล้ทั่วหน้าท้องที่นูนเด่นของพี่สาว แล้วจู่ๆ ก็ต้องเบิกตาโตอ้าปากค้าง เพราะความตกใจระคนแปลกใจ เมื่อสัมผัสได้ถึงอาการเต้นตุบๆ ของเจ้าหลานตัวน้อย ที่ดิ้นแรงมาปะทะกับฝ่ามือของเขา

“พี่รัณ! เจ้าตัวเล็กดิ้นโดนมือผมด้วย”

“มหัศจรรย์มากใช่ไหมคิน ตอนที่พี่รู้สึกว่าลูกดิ้น พี่ดีใจจนถึงกับพูดไม่ออกเลยล่ะ”

คราวนี้เป็นน้ำเสียงของสิงหนาทที่เอ่ยพูดอยู่ทางด้านหลังพี่น้องทั้งคู่ พอเดินขึ้นมาบนเรือนแล้ว ก็เข้าไปโอบกอดร่างอวบอิ่มพร้อมกับกดจุมพิตหนักๆ ลงไปบนเรียวปากแดงระเรื่อของภรรยาเฉกเช่นที่เคยทำเป็นประจำ โดยไม่มีอาการเคอะเขินแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่สนใจสายตาของพ่อเลี้ยงคิวากรที่จ้องมองด้วยความอิจฉาตาร้อนผะผ่าว

“อะแฮ่ม! พี่สิงห์ สงสารคนยังไม่มีเมียหน่อยนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่า ไอ้ลูกไฟแห่งความอิจฉามันวิ่งพล่านเต็มดวงตาทั้งคู่ของผมเลยครับ”

พ่อเลี้ยงคิวากรแซวยิ้มๆ พร้อมกันนั้นก็กำหมัดหลวมๆ ยื่นออกไปชนกับหมัดของพี่เขย ก่อนจะสวมกอดกันแน่นกระชับสายสัมพันธ์ของคนในครอบครัวให้แน่นแฟ้น ซึ่งพวกเขามักจะทำเช่นนี้ทุกๆ ครั้งเมื่อพบเจอกัน

พอผละออกจากกันแล้ว สิงหนาทเข้าไปประคองให้ภรรยาคนสวยทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้หนานุ่ม พร้อมกับเอ่ยสัพยอกกลับคืนบ้าง

“ถ้าอิจฉาพี่ก็ต้องรีบหาเมียหน่อยนะพ่อเลี้ยงคิน พี่ได้ข่าวแว่วๆ มาจากในตัวเมืองว่า พ่อเลี้ยงคินสุดหล่อเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งเมือง”

พ่อเลี้ยงคิวากรโบกมือว่อนเอ่ยปฏิเสธทันที ซึ่งน้ำเสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีสดไม่แพ้อิสตรี บ่งบอกถึงอาการเบื่อหน่ายจับใจ

“ไม่เอาหรอกพี่สิงห์ สาวๆ ที่พี่สิงห์กำลังพูดถึงผมของผ่านดีกว่า แต่ละคนเห็นแล้วน่ากลัวทั้งนั้นเลย”

ไม่ได้เอ่ยพูดแต่ปาก ทว่าพ่อเลี้ยงคิวากรยังทำท่าสยดสยองราวกับหวาดกลัวบรรดาสาวๆ ที่กำลังพูดถึงอยู่ จากนั้นก็ลงมือรับประทานมื้อเที่ยงโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะร่วนของพี่เขยกับพี่สาว ที่ต่างก็ประสานเสียงหัวเราะออกมาพร้อมๆ กัน

“พี่รัณครับ อีกนานไหมครับกว่าหลานของผมจะคลอด ว่าแต่หลานเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายครับ ผมจะได้เตรียมของขวัญให้หลานด้วย”

พ่อเลี้ยงคิวากรเป็นฝ่ายเปิดวงการสนทนาเป็นคนแรก ขณะเดียวกันก็ตักอาหารรสเลิศฝีมือป้าตั้ม แม่ครัวหัวเรือใหญ่ของไร่ชิดารัณเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความเอร็ดอร่อย

รัณชิดาคลี่ยิ้มหวานเต็มไปด้วยความสุขใจ ขณะหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของสามี ก่อนจะพยักพเยิดให้ผู้เป็นสามีได้เอ่ยตอบแทนเธอ สิงหนาทแย้มยิ้มกว้าง หยิบฟิล์มผลอัลตร้าซาวด์ ซึ่งเขาได้พารัณชิดาไปพบคุณหมอ และอัลตร้าซาวด์ดูเพศของลูกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาวางตรงหน้าของพ่อเลี้ยงคิวากร และแทนที่จะเอ่ยบอกให้พ่อเลี้ยงหนุ่มรู้ว่ากำลังจะได้หลานผู้หญิงหรือหลานผู้ชาย กลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามพ่อเลี้ยงแห่งไร่กาแฟอาราบิก้าคิงบ้าง

“ดูออกไหมคินว่ากำลังจะได้หลานผู้หญิงหรือหลานผู้ชาย”

พ่อเลี้ยงคิวากรขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง ขณะหยิบแผ่นฟิล์มสีดำๆ ขึ้นมาจ้องมองเขม็ง พ่อเลี้ยงหนุ่มพยายามใช้ความคิด พิจารณาว่า ตนเองจะได้หลานเพศใดกัน แต่เมื่อพิจารณาอยู่นาน และไอ้แผ่นฟิล์มสีดำๆ ที่ถืออยู่ในมือนั้นไม่ได้บอกอะไรตนเองเลย จึงคืนแผ่นฟิล์มให้กับพี่เขย แล้วเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง

“ตกลงผมได้หลานสาวหรือหลานชายครับ ยอมรับตรงๆ ว่ามองฟิล์มพวกนี้แล้วเดาไม่ออกจริงๆ ครับ”

“จากผลการอัลตร้าซาวด์ บอกให้รู้ว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่กับคินต้องไว้หนวดไว้เครา ถือปืนไรเฟิลไว้ขู่พวกหนุ่มๆ ที่จะมาจีบลูกสาวของพี่”

คำตอบของสิงหนาทเรียกรอยยิ้มกว้างได้จากใบหน้าหล่อเหลาของพ่อเลี้ยงคิวากร ซึ่งดีใจหนักหนา เมื่อรู้ว่าตนเองจะได้หลานสาวตามที่ปรารถนา

“ยินดีด้วยนะครับพี่สิงห์”

พ่อเลี้ยงคิวากรยื่นมือไปจับสัมผัสแสดงความยินดีกับพี่เขย จากนั้นก็ผุดลุกขึ้นไปสวมกอดพี่สาวไว้อีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยสัพยอกยิ้มๆ

“หลานสาวของผมโตเป็นสาวเมื่อไร สงสัยหัวกระไดบ้านไม่แห้งแน่”

รัณชิดาแย้มยิ้มหวานด้วยความสุขใจ ยกแขนทั้งสองขึ้นไปโอบกอดร่างใหญ่กำยำของน้องชาย ก่อนจะเอ่ยแซวกลับคืนบ้าง

“พี่สิงห์กับคินต้องไว้หนวดยาวๆ ตีหน้าขรึมๆ หน่อยนะคะ ไม่เช่นนั้นแล้วหนุ่มๆ ไม่มีทางกลัวหรอกค่ะ”

“ได้เลยครับพี่รัณ หนุ่มคนไหนที่จะมาจีบลูกสาวบ้านนี้ต้องผ่านผมเป็นด่านแรก ตามด้วยพี่สิงห์เป็นด่านที่สอง จึงจะสามารถเข้าไปจีบหลานสาวผมได้”

พ่อเลี้ยงคิวากรรับคำเสียงเข้ม ตีสีหน้าจริงจังบ่งบอกให้รู้ว่า หากถึงเวลานั้นจริงๆ เขาก็จะทำตามที่เอ่ยพูดออกมาในวันนี้ เพราะหากหลานสาวของเขาถอดเค้ามาจากผู้เป็นบิดานิด จากผู้เป็นมารดาหน่อย รับรองว่าต้องสวยคมเข้มกระชากใจหนุ่มๆ ตั้งแต่แรกเห็นเป็นแน่

“คิน...พี่อยากให้คุณพ่อคุณแม่อยู่กับพวกเราในวันนี้ พี่อยากให้ท่านทั้งสองมีความสุขไปกับพวกเราด้วย”

รัณชิดาก็พึมพำเสียงสั่นเครือ ตามอารมณ์ของคนที่กำลังจะแม่เป็นคน ซึ่งมักจะอ่อนไหวค่อนข้างง่าย

“พวกท่านไปสบายแล้วนะครับน้องรัณ”

สิงหนาทบีบมือเล็ก พร้อมกับกดจุมพิตเบาๆ ตรงพวงแก้มเป็นการให้กำลังใจภรรยา ซึ่งเขามักจะทำเช่นนี้เสมอ ในยามที่ภรรยาอ่อนล้า กำลังใจถดถอยไปจากร่างกาย เขาก็จะเป็นคนคอยเติมพลังกำลังใจกลับเข้าสู่หัวใจดวงน้อยของภรรยาเช่นเดิม รัณชิดาก็เช่นเดียวกัน หากเขาเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ากับปัญหาที่รุมเร้า หญิงสาวก็จะคอยเติมกำลังใจ คอยอยู่เคียงข้างจนเขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งมวลทั้งปวงไปได้

พ่อเลี้ยงคิวากรเอื้อมไปจับมือเล็กข้างที่ว่างของพี่สาวมากุมไว้ ก่อนจะเอ่ยให้กำลังใจกับพี่สาวบ้าง

“คินเชื่อว่าคุณพ่อกับคุณแม่ท่านกำลังมองพวกเราอยู่นะครับพี่รัณ ท่านคงดีใจที่เราสองคนล้างมือ หลุดพ้นจากเส้นทางอันมืดมนที่พวกเราหลงเดินกันอยู่นานแรมปี และตอนนี้ท่านทั้งสองคงนอนตายตาหลับแล้ว ที่เห็นพี่สิงห์ดูแลมอบความรักให้กับพี่รัณเสมอมา และท่านต้องภูมิใจอย่างแน่นอนที่เห็นคินสามารถดูแลตัวเองได้ สามารถทำมาหากินพลิกฟื้นแผ่นดินอันแห้งแล้งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งสร้างงานสร้างเงินให้กับตัวเองและคนงานในไร่ได้”

“ใช่แล้วน้องรัณ ที่คินพูดมานั้นถูกต้องแล้ว แม้ท่านจะไม่สามารถอยู่ชื่นชมในความสำเร็จของน้องรัณและคินได้ แต่พี่ก็เชื่อว่า ท่านทั้งสองกำลังเฝ้ามองอยู่บนสรวงสวรรค์ และภาคภูมิใจในตัวลูกสาวลูกชายของพวกท่านเป็นอย่างมาก”

สิงหนาทปลอบภรรยาอีกครั้ง พร้อมกับโอบกอดไปรอบร่างอวบอิ่มของภรรยาที่รักไว้แนบแน่น

ก่อนหน้านั้นบุคคลทั้งสาม เคยเป็นอดีตนักฆ่าขององค์กรพยัคฆ์ทมิฬ สิงหนาทเป็นนักฆ่ามือหนึ่งระดับพระกาฬ และได้สมญานามว่าเป็นนักฆ่าเลือดเย็น สิงหนาทอุทิศตัวทำงานอยู่ในองค์กรเพราะอุดมการณ์อันแรงกล้าที่ต้องการกำจัดสวะสังคมให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน ส่วนตัวพ่อเลี้ยงคิวากรและพี่สาวรัณชิดาต้องเดินเข้าสู่เส้นทางมืดเป็นนักฆ่าขององค์กรพยัคฆ์ทมิฬ เพียงเพราะถูกคนในองค์กรต้องการยืมมือฆ่าสิงหนาท และกว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มกับพี่สาวจะรู้ความจริงว่าอะไรเป็นอะไร ก็เกือบต้องฆ่าคนดีๆ อย่างสิงหนาทไปคนหนึ่ง

พ่อเลี้ยงคิวากรคลายอ้อมแขนออกจากบุคคลที่รักทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยแซวยิ้มๆ คลายบรรยากาศที่กำลังเศร้าหมองให้จางหายไปจากใจของพวกเขา

“ผมว่าเราทานข้าวต่อดีไหมครับ พยาธิในกระเพาะของผมเริ่มร้องหาอาหารอีกแล้ว”

“พี่ก็เริ่มหิวเหมือนกันจ้ะ”

รัณชิดาคลี่ยิ้มหวานให้กับน้องชายและสามีผู้เป็นที่รัก จากนั้นทุกคนก็ลงมือรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกันอีกครั้ง หลังจากมีฉากซึ้งๆ เรียกน้ำตามาคั่นเวลาไปชั่วขณะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel