บทที่ 5
พ่อเลี้ยงคิวากรขนลุกซู่ด้วยความสยดสยอง ตอนที่ลูกน้องคนสนิททำตาปริบๆ ชม้ายมองหวานเยิ้ม แถมยังยกมือลูบตรงต้นแขนของเขาด้วย พออดใจไม่ไหวก็มอบบาทาหนักๆ ให้อีกหนึ่งที พร้อมกับแผดเสียงตะโกนด่าดังลั่นด้วยความโมโหเหลือจะกล่าว
ผัวะ!
“นี่แนะ! โชคดี! ขืนแกพูดและทำท่าทางแบบนี้ใส่ข้าอีกนะไอ้ทิม แกได้กินลูกตะกั่วแทนข้าวเย็นแน่”
“ครับพ่อเลี้ยง”
ทิมรับคำเสียงอ่อยๆ ตีสีหน้าสลด เมื่อเจอชุดใหญ่ทั้งถูกเตะทั้งถูกด่าหูชา พอร่างใหญ่กำยำของเจ้านายเดินกระแทกเท้าผ่านหน้าไปแล้ว ก็ยกมือลูบก้นตัวเองพร้อมกับบ่นอุบไม่ได้หยุดปาก
“ตีนหนักชะมัด เตะแค่ทีเดียวไม่หนำใจ ดันมีก๊อกสองซ้ำรอยเดิมอีก สงสัยงานนี้ไอ้ทิมหย่อนก้นลงนั่งไม่ได้หลายวันแน่”
หลังจากผละหนีลูกน้องคนสนิท ที่ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่า อีกฝ่ายเป็นชายแท้หรือเปล่า พ่อเลี้ยงคิวากรก็เดินเข้ามาในห้องรับแขก ซึ่งตอนนี้มีอาคันตุกะสาวสวยแต่งตัวราวกับหลุดออกมาจากแมกกาซีนนั่งรอเขาอยู่แล้ว และพอเมธวีเห็นเขาเข้ามาในห้อง ก็ทำท่าจะผวาเข้ามาหาราวกับเป็นแม่เหล็กต่างขั้วกัน จนเขาต้องรีบบอกให้หญิงสาวนั่งลงที่เดิม เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามาถึงตัวเขาได้
“ไม่ต้องลุกขึ้นก็ได้ครับคุณเมธวี เชิญนั่งตามสบายเลยครับ”
อาคันตุกะสาวที่กะว่าจะโผเข้ามาสวมกอดเจ้าของบ้านผู้หล่อเหลาเพื่อเรียกความชุ่มชื่นให้กับหัวใจของตนเองที่แอบหลงรักชายผู้นี้มาช้านานแล้ว ถึงกับชะงักกึกตีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อรู้ทันว่า พ่อเลี้ยงคิวากรไม่ต้องการให้เธอเข้าไปใกล้ตัวเขา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพ่อเลี้ยงคิน วีมาขอพบแต่เช้า ไม่ทราบว่ารบกวนพ่อเลี้ยงหรือเปล่าคะ”
‘รบกวนมากเลยครับ’
พ่อเลี้ยงคิวาการอยากตะโกนตอบเช่นที่กำลังนึกคิดอยู่ในใจ ทว่าเมื่อไม่อาจตอบเช่นนั้นได้ และเพื่อเป็นการทำหน้าที่ของเจ้าบ้านที่ดี พ่อเลี้ยงหนุ่มจึงจำต้องแค่นยิ้มให้กับเมธวี พร้อมกับทรุดกายลงนั่งบนโซฟาหรูฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว
“ไม่เป็นไรครับคุณเมธวี ไม่รบกวนเลยครับ” เจ้าของบ้านเอ่ยตอบในประโยคที่ตรงกันข้าม ก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวต่อ “ไม่ทราบคุณเมธวีมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถึงมาหาผมแต่เช้าเลย”
เมธวีแสร้งทำเป็นหูทวนลม ไม่ได้ยินตอนที่พ่อเลี้ยงคิวากรเน้นหนักตรงคำว่าแต่เช้า ริจะรุกฆาตจับผู้ชายคนนี้ให้อยู่หมัด เธอก็ต้องทำหน้าหนาเข้าไว้ โดยการคลี่ยิ้มหวานหยด เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหวานๆ หวังให้น้ำเสียงของตนเองได้ละลายน้ำแข็งที่ตั้งเป็นปราการสำคัญคอยปกป้องหัวใจของชายผู้นี้ให้หันมาสนใจเธอบ้าง
“พอดีวีนำเอกสารราชการมามอบให้พ่อเลี้ยงคินนะคะ”
ไม่ได้บอกปากเปล่า ทว่าหญิงสาวที่มากด้วยร้อยเล่ห์มารยาได้หยิบเอกสารทางราชการ ซึ่งใส่ไว้ในซองสีขาวสะอาดออกมาจากกระเป๋าสะพาย ทำท่าจะลุกขึ้นมานั่งแนบชิดบนโซฟาตัวเดียวกันกับพ่อเลี้ยงคิวากร ขณะยื่นเอกสารให้อีกฝ่าย ทว่าผู้ที่รู้เท่าทันมารยาหญิงอย่างพ่อเลี้ยงคิวากรก็รีบหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับแก้วน้ำส้มเพื่อนำมาเสิร์ฟแขก ให้รับจดหมายมาจากเมธวีด้วย
“ไอ้ทิม รับเอกสารมาจากคุณเมธวีด้วย”
“ครับพ่อเลี้ยง”
ทิมรับคำ หลังจากวางแก้วน้ำส้มตรงหน้าหญิงสาวที่ตนเองหลงชื่นชมแล้วก็รับซองเอกสารมาจากเมธวี ซึ่งยื่นให้ด้วยกิริยากระแทกกระทั้น บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง ที่ดันมีบุคคลที่สามเข้ามานั่งฟังอยู่ด้วย ทิมหยิบเอกสารที่พับอยู่ข้างในซองสีขาวออกมาคลี่ให้คลายตัวจากรอยพับ โดยไม่ได้เหลือบมองข้อความที่ถูกพิมพ์ไว้บนกระดาษแผ่นบาง จากนั้นก็ยื่นเอกสารให้ผู้เป็นนายรับไปอ่าน
“ได้แล้วครับพ่อเลี้ยง”
พ่อเลี้ยงคิวากรเหลือบสายตามองเมธวีนิดหนึ่ง ก่อนจะอ่านเนื้อหาของเอกสารทางราชการที่ถูกนำมาส่งให้เขา ข้อความที่พิมพ์มาเป็นการเชิญให้นำผลิตภัณฑ์ในไร่ไปออกร้านในเทศกาลประจำปีของตำบลแม่สลองนอกนั่นก็คือเทศกาลชิมชา ซากุระบาน อาหารชนเผ่า ดอยแม่สลอง ซึ่งจะมีการจัดช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมของทุกๆ ปี พ่อเลี้ยงหนุ่มกวาดสายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พับเอกสารตามรอยเดิม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยถามเมธวีด้วยความสงสัย
“ทำไมคุณเมธวีถึงได้เอาเอกสารมาส่งเองล่ะครับ ปกติแล้วจะมีเจ้าหน้าที่คอยส่งเอกสารโดยเฉพาะไม่ใช่หรือครับ”
“เอ่อ...” เมธวีอ้ำอึ้งไปนิดหนึ่ง พยายามหาทางออกให้กับตัวเอง นาทีต่อมาก็เอ่ยตอบออกมาด้วยประโยคที่ดูดีที่สุด
“พอดีวีอยากช่วยแบ่งเบาภาระให้กับเจ้าหน้าที่เดินเอกสารนะคะ อีกอย่างวีก็ต้องผ่านไร่ของพ่อเลี้ยงทุกวันอยู่แล้ว วีก็เลยอาสาเอาเอกสารมาให้พ่อเลี้ยงเอง”
‘ขยันอาสาเหลือเกินนะครับ’
พ่อเลี้ยงคิวากรต่อว่าเมธวีอยู่ในใจ จากนั้นก็ลั่นวาจาไล่ต้อนให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าต้องจนมุมอีกครั้ง
“แล้วไม่ทราบว่า คุณเมธวีส่งเอกสารให้พี่สิงห์หรือยังครับ”
ไร่กาแฟอาราบิก้าคิงของเขากับไร่ชิดารัณของสิงหนาทมีอาณาบริเวณติดกัน จะมีก็แค่เพียงเสาปูนที่ปักหลักกับพื้นดิน เพื่อกั้นเขตแดนระหว่างไร่ทั้งสองเท่านั้น ทว่าเสาปูนเหล่านี้เป็นเสาเปล่าไม่มีเส้นลวดขึงตรึงไว้แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นหากเมธวีบอกว่าเป็นทางผ่าน เธอก็ต้องนำเอกสารมาส่งให้กับสิงหนาทพี่เขยของเขาด้วย
“ของคุณสิงหนาท วีจะให้เจ้าหน้าที่ส่งเอกสารนำมาส่งให้คุณสิงหนาทอีกทีค่ะ”
เมธวีเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังหลงกลของพ่อเลี้ยงหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ให้แล้ว จวบจนกระทั่งมีเสียงหัวเราะเบาๆ หลุดลอยมาจากริมฝีปากสีสดของพ่อเลี้ยงคิวากร รวมทั้งน้ำคำที่พ่อเลี้ยงเหน็บแนมออกมาเบาๆ หญิงสาวก็ถึงกับหน้าม้านด้วยความอาย
“ไหนๆ ก็เอาเอกสารมาให้ผมแล้ว คุณเมธวีน่าจะหยิบของพี่สิงห์มาด้วยนะครับ จะได้ลดจำนวนการส่งเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ส่งเอกสารไปอีกหนึ่งคน”
พ่อเลี้ยงคิวากรรู้ว่าเมธวีหน้าเสียมาก แต่เขาก็ไม่คิดใส่ใจ ก็ตัวเขาไม่ใช่เทพบุตรที่แสนดีสักเท่าไร หากเกิดอาการหงุดหงิดหรือโมโหขึ้นมา ก็เล่นงานแบบไม่เลือกหน้าเช่นเดียวกัน