3.วังวนความแค้น ep3
เขายิ้มอยู่ในทีหากแต่สายตายังคงกวาดมองเครื่องหน้าที่หมดจดงดงามและเรือนร่างอรชรที่เย้ายวนของเธอนิ่งทำให้เธอรีบหันข้างให้เขาแล้วยกมือกอดอกทันที
“ฉันต้องการได้ที่ดินกลับคืน..เพราะมันเป็นสมบัติที่พ่อฉันรักมากที่สุด..”
“เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยภายในวันนี้และเดี๋ยวนี้ ผมบอกไปแล้ว แต่ดูเหมือนความจำของคุณจะไม่ค่อยดี ป่วยหรือครับ..”
“คุณ..”
เธอจ้องหน้าเขานิ่ง
“จบปริญญาโทด้านบริหารมานี่นะ เอาอย่างนี้ มาทำงานกับผม ผมจะให้เงินเดือน เป็นค่าอาหารของคนในบ้านก็แล้วกัน ส่วนค่าน้ำค่าไฟ ก็เป็นเงินเดือนในส่วนที่ผมจะจ่ายให้พี่ชายของคุณ..”
“แก..ไอ้ ไอ้..”
“พูดให้ดีนะ พูดให้เพราะด้วย..”
เธอกำมือแน่น
“ตามใจนะ หากไม่รับก็ตามใจ ผมจะถือว่าผมเปิดโอกาสให้แล้ว ในฐานะที่อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนร่วมโลกและที่สำคัญ ..”
เขาสยายยิ้มเมื่อกวาดมองเรือนร่างบางของเธอ
“คุณยังทำให้ผมพึงพอใจในระดับหนึ่งอีกด้วย ..”
“แก..”
เธอมองหน้าเขาด้วยสายตาที่ชิงชังอย่างเห็นได้ชัด
“แต่พอจะมีอีกวิธี หากอยากจะได้เงินเยอะและเร็วก็ไปตรวจเลือด เอาทุกโรค โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเพศ หากผลออกมาว่าคุณสะอาด ก็มาหาผม ผมจะให้เงินครั้งละ..”
..เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ..
เพียงแค่เขาพูดจบฝ่ามือบางก็ตวัดซัดใส่หน้าเขาอีกสามครั้ง และเตรียมจะซัดเป็นครั้งที่สี่แต่เขารีบรวบมือบางของเธอไว้ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาแล้วฝังปลายจมูกลงที่พวงแก้มนุ่ม ๆ ของเธอเสียฟอดใหญ่
“นี่ถือเป็นค่าปรับที่คุณตบผม..”
“แก..ฉันเกลียดแก เกลียด เกลียด..”
เธอตะโกนก้องพร้อมกับดึงมือออกมาจากมือเขาแล้วเตรียมยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าเขาที่ยื่นหน้ามาพร้อมกับหลับตานิ่งราวกับยินดีที่จะให้เธอตบ
“เอาสิ จะตบอีกกี่ครั้งก็เชิญ แต่ถ้าหยุดตบเมื่อไหร่ ผมจะเอาคืน..”
ฝ่ามือบางค่อย ๆ กำเข้าหากันแล้วทิ้งลงข้างลำตัว
“คิดดูนะครับมาทำงานกับผม ผมจะให้ค่าตอบแทน..ตอนนี้ผมกำลังวางแผนจะแปลงที่ดินจากพืชไร่ที่ราคาตกเป็นสวนส้มโชกุนกับฟาร์มเห็ดหอมที่ราคาดี แล้วยังจะทำสวนดอกไม้อีกด้วย ผมอยากให้คุณมาช่วย หากทำงานดีเงินเดือนจะเพิ่มขึ้น หรืออาจจะทำงานพิเศษหลังเลิกงานก็ยินดีแต่ต้องมีใบรับรองแพทย์มาก่อน..”
เธอหลับตานิ่งด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบกับคำพูดของเขา เธอเดินออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วด้วยความความรู้สึกที่อับอายแทบจะแทรกแผ่นดินหนีหรือไม่ ก็อยากจะหันหลังกลับแล้วฆ่าเขาให้ตายไปเดี๋ยวนี้
โภคาธรมองตามร่างบางออกมาก่อนจะยกมือแตะที่ใบหน้าของเขาซึ่งรู้สึกเจ็บจนชา แต่เขากลับพึงพอใจกับสิ่งที่ได้รับ ความหอมหวานของเธอเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้สัมผัสจากผู้หญิงคนไหนมาก่อน เธอมีพลังดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างวิเศษ เธอหอมหวานไปทุกสัดส่วนและเย้ายวนอย่างงดงามไปทุกองค์ประกอบ
“ไอ้คนบ้า ไอ้คนเลว..”
เพชรไพลินพยายามใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปาก เช็ดใบหน้าของตัวเอง แต่ความรู้สึกที่เหมือนกับปลายจมูกและริมฝีปากของเขาและโลมเลียยังติดผิวกายอยู่
“แกเห็นฉันเป็นอะไร ทุเรศที่สุด ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่าสักหน่อย ไอ้คนเลว แกคิดได้ยังไง..”
เธอรู้สึกแค้นเคืองอยู่ในใจ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พยายามปรับสีหน้าให้ดีขึ้น
“ลินอยากรู้เรื่องทั้งหมดค่ะพ่อ เล่าให้ลินฟังได้ไหม..มันเกิดอะไรกับครอบครัวของเรา แค่ไม่กี่ปีเอง ลินไปเรียนหนังสือแค่ไม่กี่ปีเอง หากรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ลินจะไม่ไปไหนทั้งนั้น..”
“ไม่ใช่ความผิดของลินหรอก เป็นความผิดของพี่เอง..”
ดนัยเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“เรื่องมันเกิดเพราะว่า..”
นายอรรถพงษ์ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ท่ามกลางสายตาของทุกคน
“นายคณิน กิติอุณกาญจน์..มันยัดข้อหาให้คุณปู่ของลูก หาว่ายักยอกทรัพย์ของตระกูล ในฐานะที่คุณปู่เป็นทนายความมาช้านาน ย่อมรู้ดีว่าทรัพย์สมบัติของกิติอุณกาญจน์มหาศาลมากแค่ไหน..”
โชษิตานั่งก้มหน้านิ่งด้วยหัวใจที่ร้าวราน เมื่อรู้ว่าชายที่ตนรักแล้วเป็นสามีเพียงคนเดียวทำอย่างไรกับอรรถพงษ์ ผู้ชายที่ยอมเสียสละความสุขแล้วยอมตกระกำลำบากกับหล่อนมาจนถึงทุกวันนี้แล้วยังคอยดูแลปกป้องหล่อนมาอย่างดี
“คุณปู่ถูกข้อหาหนักจนถึงขั้นต้องขึ้นศาลต่อสู่กัน พ่อพยายามหาทางช่วยเหลือ แต่ทุกข้อหามันมีหลักฐานมัดแน่นไปหมด จนพ่อต้องเอาผืนดินแห่งนี้ไปจำนองกับเพื่อนไว้เอาเงินมาช่วย แต่คุณปู่ก็ไม่สามารถหลุดคดีได้ จนในที่สุด ท่านก็เสียชีวิตในคุก..”
เพชรไพลินมองหน้าพ่อของเธอนิ่งความเกรี้ยวกราดแล้วเจ็บแค้นที่ถูกโภคาธรย่ำยีถากถางเลือนรางลงแทบทันที
“คุณปู่ไม่ได้ทำใช่ไหมคะ..คุณปู่ไม่ได้ทำแต่ถูกกลั่นแกล้งใช่ไหมคะพ่อ..ใครคะ..เขาทำแบบนี้ทำไม มีเหตุผลอะไรที่ทำกับคุณปู่แบบนี้”
คำถามของเธอก็ทำให้ดนัยเห็นพร้องเพราะสงสัยเหมือนเธอแต่นายอรรถพงษ์เพียงแค่ชำเลืองสายตามาหาโชษิตาแล้วก็นิ่งเงียบ
“คุณปู่สั่งไว้ก่อนเสียชีวิต ว่าอย่าแค้นเคืองพวกเขา อย่าคิดแก้แค้น มันเป็นทั้งคำสั่งและคำขอร้อง..”
เพชรไพลินกำมือแน่น
“นายคณิน กิติอุณกาญจน์..”
เธอทวนชื่อและนามสกุลของเขาอีกครั้ง
“แล้วสำนักงานทนายความของเรากับบ้านที่กรุงเทพฯล่ะคะพ่อ..”
“เพราะพี่เอง เพราะคุณพ่อต้องการช่วยพี่ จึงต้องขายทั้งบ้านและสำนักงานทนายความเพื่อเอาเงินมาช่วยให้พี่พ้นผิด..”
“อะไรนะคะ!!!ช่วงเวลาที่ลินไปเรียนต่อทำไมเกิดเรื่องมากมายแบบนี้ แล้วทำไมยังให้ลินเรียนต่ออยู่ได้อีก ทำไมไม่บอกลินจะได้รีบกลับมาช่วยกัน ยังต้องแบ่งเงินให้ลินได้เรียนต่ออีกทำไมคะ..”
“ใจเย็น ๆ เถอะลูก เพราะการศึกษามันสำคัญกับหนูมากนะจ๊ะ พ่อกับแม่และพี่ถึงได้ไม่บอกหนู..”
“เล่าให้ลินฟังสิคะพี่ดนัย..”
ดนัยสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
“พี่รับว่าความให้ลูกความรายหนึ่ง ขณะที่พี่กับลูกความกำลังไปที่ศาล ได้มีกลุ่มคนร้ายที่ค้ายาเสพติดกำลังหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกนั้นวิ่งตรงมาที่รถของพี่ที่จอดอยู่หน้าสุดของสี่แยกหนึ่งเป็นช่วงที่สัญญาณไฟเขียวเปิดพอดี พวกเขาใช้ปืนจี้ให้พี่ขับหนีตำรวจ..”
ดนัยยกสองมือปิดหน้าพร้อมกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่อยากจะนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวในวันนั้นที่เขายังจำได้ติดตา แล้วภาพนั้นมันมักจะตามหลอกหลอนเขาเรื่อยมา
“หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดักจับแล้วเกิดการประทะกันขึ้นอย่างรุนแรง พวกมันบังคับให้พี่พาหนี แต่เมื่อเห็นว่าจวนแจพวกมันก็แย่งเงินในกระเป๋ากันแล้วต่างฝ่ายต่างก็คิดจะหนี จนเกิดการต่อสู้กัน พวกมันฆ่ากันตายในรถของพี่ แล้วคนที่เหลือก็ประทะกับตำรวจ ทำให้ลูกปืนทะลุมายังร่างของลูกความพี่จนเสียชีวิต..”
ดนัยหลับตานิ่งเมื่อภาพของคนตายที่อยู่ในรถมันทำให้เขาหวาดกลัวสุดชีวิต
“มันยัดปืนใส่มือพี่พร้อมกับยาเสพติดในกระเป๋า ก่อนจะหลบหนีการจับกุมไปได้หนึ่งคน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บุกเข้ามาจับตัวพี่ ในข้อหาฆ่าคนตายและมียาเสพติดในครอบครอง..”
“ทีแรกพ่อก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ดนัยถึงดิ้นไม่หลุดสักที พ่อพยายามต่อสู้จนถึงที่สุด แม้จะต้องขายบ้านและสำนักงานทนายความ เพื่อช่วยดนัยออกมา..”
“สุดท้ายพี่รู้แล้วว่า ถึงไม่มีเหตุการค้ายาเสพติด พี่ก็อาจจะโดนข้อหาอะไรสักอย่างที่ดิ้นไม่หลุด เพราะว่าลูกความคนนั้น เป็นคนของนายคณิน..”
ชื่อของคณิน ทำให้โชษิตาต้องบีบมือของตัวเองแน่น ใบหน้าเผือดซีด เพราะเรื่องราวทั้งหมดและความสูญเสียทั้งหลาย ล้วนมีเขาเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น แต่แม้เขาจะทำร้ายคนรอบข้างของหล่อนมากแค่ไหน ความรักความคิดถึงก็ยังตราตรึงอยู่ในใจของหล่อนไม่เสื่อมคลาย
“เขาทำเพื่ออะไร มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาทำแบบนั้นคะพ่อ..”
คำถามของเธอทำให้โชษิตาต้องปวดใจนักหนา
“เขาโกรธแค้นกับเรามาตั้งแต่หนไหนกัน..คนเราจะไม่ทำอะไรโดยปราศจากเหตุผลอย่างเด็ดขาด..”
เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับสังเกตสีหน้าและท่าทางของพ่อกับแม่
“แม่คะ แม่เป็นอะไรคะ หน้าซีดมากเลย แม่คะ..”
โชษิตาเงยหน้าขึ้นพลางยิ้มเย็น
“ไม่เป็นหรอกลูก สุขภาพของแม่เป็นแบบนี้มานานมากแล้ว..อย่ากังวลนักเลยนะจ๊ะ..”
“ผมว่าคุณขึ้นไปพักดีกว่านะครับ ผมจะพาไป..”
นายอรรถพงษ์หาทางหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามของลูกด้วยการพาโชษิตาขึ้นไปด้านบน แต่ความกังขาทั้งหลายก็ยังฝังอยู่ในใจของเธอและดนัยเช่นเดิม