4.วังวนความแค้น ep4
สายตาที่เปลี่ยนแปลงลงตามกาลเวลาจนต้องสวมแว่นตาเพื่อช่วยในการมองเห็น ทอดมองโฉนดที่ดินกว่าสามร้อยไร่ของนายอรรถพงษ์และหยิบโฉนดบ้านรวมทั้งสำนักงานทนายความในกรุงเทพฯ ของนายอรรถพงษ์อัศวภักดีขึ้นมาเทียบกันก่อนจะฉีกยิ้มแล้วกลายเป็นเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจ
“ในที่สุด แกก็หมดตัวจนได้อรรถพงษ์ ไอ้ชายชู้..ไอ้ชั่ว ไอ้เพื่อนทรยศ ไอ้ขี้ข้าชั้นเลว กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา เท่านี้มันยังไม่พอกับสิ่งที่แกทำกับฉัน ลูกชาย ลูกสาวของแกจะต้องได้รับบทเรียน..”
คณิน กิติอุณกาญจน์ นายแพทย์วัยใกล้ปลดเกษียณ ครุ่นคิดอยู่ในใจเมื่อมองดูสมบัติที่เคยเป็นของอรรถพงษ์ที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเป็นทนายความที่ทำงานอยู่ในตระกูลกิติอุณกาญจน์
“ขนาดพ่อของแกฉันยังกำจัดได้ นับประสาอะไรกับคนอย่างแก..”
คณินกำมือแน่น
“คุณผู้ชายคะ คุณโภคาธรกลับมาแล้วค่ะ และคุณท่านก็มาถึงแล้วรอทานอาหารอยู่ค่ะ..”
“รู้แล้ว เดี๋ยวฉันตามไป..”
นายคณิน เก็บโฉนดทั้งหมดใส่ลิ้นชักแล้วล็อคกุญแจอย่างเรียบร้อยก่อนจะลงมาด้านล่างที่มีแม่คือคุณอัจฉราหญิงวัยกว่าเจ็ดสิบแต่ยังแข็งแรงและสดใส พร้อมกับกัญญาภัคหญิงวัยเกือบห้าสิบที่สวยพราวซึ่งเป็นภรรยาของเขา กับโภคาธร พาทิศและพิมพ์วิภา ลูกชายและลูกสาวของเขา
“มาแล้วหรือโภคาธร..”
“ครับพ่อ..”
“งานเป็นอย่างไรบ้าง..”
“ผมคิดว่าหากคุณพ่ออนุญาต ผมจะขอเปลี่ยนแปลงพืชไร่ที่มีราคาถูก เป็นสวนส้มโชกุนกับฟาร์มเห็ดหอมครับ ด้านหลังในส่วนที่ติดกับที่ดินของเราซึ่งมันเป็นภูเขามีน้ำตกทอดยาวจนเป็นธารน้ำเข้ามาในเขตที่ของเราแล้วไหลผ่านออกไปสู่แม่น้ำ ผมตั้งใจจะซื้อเพิ่มเพื่อทำรีสอร์ท ไม่ทราบว่าคุณพ่อเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ..”
นายคณินพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะหันไปหามารดาคืออัจฉราที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ
“ผลไม้ผมจะส่งออกนอกแล้วส่งขายในตลาดกลาง หรือไม่ก็ส่งเข้าโรงงานผลิตผลไม้กระป๋องของคุณอาธนายุตที่ตอนนี้กำลังขยายกิจการมาทำน้ำผลไม้และผักรวมด้วย ผมว่าแนวโน้มน่าจะดีกว่าพืชไร่ที่ได้ผลผลิตน้อยแล้วก็ใช้แรงงานมาก..”
“ทำไมจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นด้วย..”
กัญญาภัคเอ่ยแทรกขึ้นมาทันควัน
“ เธอรู้ไหมโภคาธร ว่านายธนายุตเคยเป็นเพื่อนรักของคุณพ่อมา แล้วถีบตัวเองเพื่อจะได้เสมอคุณพ่อด้วยการใช้สุธางค์ลูกสาวคนเดียวของเสี่ยสุเชาว์เป็นบันได ในการขยับฐานะ จากลูกชายของชาวไร่ที่มีที่ดินไม่กี่สิบไร่ จนเป็นเจ้าของกิจการ คนมักใหญ่ใฝ่สูงแบบนี้จะไปคบหาด้วยทำไม..”
“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับแม่ภัคนะคณิน คนพวกนี้เลิกคบได้เป็นดี สันดานก็คงเหมือนกับนายอรรถพงษ์ ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกจ้างที่กินบนเรือนแล้วขี้รดบนหลังคา..”
โภคาธรชำเลืองสายตามองหน้าพ่อของเขานิ่งเหมือนกับกำลังรอคอยคำตอบ
“เห็นควรอย่างไรก็ทำไปเถอะ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวไปเกี่ยวข้องกับเรื่องงาน..”
“คณิน..”
อัจฉราเรียกชื่อลูกชายคนโตของหล่อนเบา ๆ
“ผมรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรครับแม่ มันเป็นเพียงแค่การวางแผนงาน ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างสักหน่อย เราก็อย่าเพิ่งไปวิตกกังวลให้มากจะดีกว่า..”
“นั่นสิคะคุณย่า อย่างน้อยชลลิณีกับพิมพ์ก็เป็นเพื่อนกัน แล้วพิมพ์ก็ไม่เห็นว่าคุณอาธนายุตจะร้ายกาจอะไรเลย..”
กัญญาภัคหันขวับไปจ้องหน้าลูกคนเล็กของหล่อนแทบทันที
“มันเรื่องของผู้ใหญ่ที่พูดคุยกัน แกสอดเข้ามาทำไมกันใยพิมพ์..”
หญิงสาววัยยี่สองสามจำต้องก้มหน้างุด
“ทานข้าวกันเถอะ ย่าหิวแล้ว..”
อัจฉราตัดบทด้วยการลุกเดินไปที่ห้องอาหารโดยมีศรีวิมุต หญิงวัยเดียวกับกัญญาภัคช่วยพยุง
“พ่อครับ..”
โภคาธรเรียกพ่อของเขาเอาไว้เมื่อคล้อยหลังทุกคนที่เดินไปยังห้องอาหาร
“ผมให้ลูกชายของเขามาทำงานเป็นคนงานแล้วตอนนี้กำลังบีบลูกสาวของเขาให้มาทำงานด้วยอีกคน ผมจะทำให้พวกเขารู้สึกต่ำต้อยแล้วไร้ค่า..”
“ดีแล้ว อย่าให้มันฟื้นตัวได้เป็นดี ทำกับมันให้สมกับที่มันทำกับพ่อ..”
“ครับ..”
เขารับปากก่อนจะเดินตามหลังพ่อไปยังห้องอาหารที่ทุกคนรออยู่ก่อนแล้ว
“แม่ศรี..”
กัญญาภัคร้องเรียกศรีวิมุตที่เป็นแม่นมของโภคาธร พาทิศและพิมพ์วิภา และหล่อนยังเป็นอดีตภรรยาของนายอรรถพงษ์อีกด้วย
“คุณผู้หญิงมีอะไรจะใช้อิฉันหรือคะ..”
“นั่งสิ..”
กัญญาภัคบอกก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น
“บัญชีที่ฉันไปเปิดให้แม่ศรีเมื่อปีก่อน ได้ใช้บ้างหรือยังล่ะ..”
“ยังเลยค่ะ..”
“ได้เงินเดือนทุกเดือนจะเก็บไว้ทำไมกับตัว เอาไปเข้าบัญชีเก็บไว้กินยามแก่สิจ๊ะ..”
เจ้าหล่อนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“ช่วยเซ็นชื่อให้ฉันที..”
“อะไรหรือคะ..”
“ฉันจะเอาเงินเข้าบัญชีให้แม่ศรีทุกเดือน เป็นเงินพิเศษที่ช่วยทำงานให้ฉัน..”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณผู้หญิง แค่คุณผู้หญิงเมตตาอิฉันก็เป็นบุญมากแล้วอีกอย่างอิฉันก็ได้รับเงินเดือนจากคุณผู้ชายอยู่ทุกเดือนเหลือใช้แล้วล่ะค่ะ..”
“อย่าเกรงใจเลยฉันอยากจะให้..เอารีบเขียนชื่อมา..ฉันจะให้ทนายไปจัดการ..”
ศรีวิมุตจำต้องเขียนชื่อลงในแผ่นกระดาษที่หล่อนไม่ได้อ่านเลยสักตัวว่าในนั้นเขียนว่าอย่างไร
“เอาล่ะไปได้แล้ว..อ้อ..ช่วยขึ้นไปดูใยพิมพ์ด้วยนะ ถูกฉันเอ็ดเอาเมื่อเย็น เรื่องที่สอดเข้ามากลางครรภ์ที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันดูเหมือนจะซึมไป ไปปลอบใจหน่อยก็แล้วกัน..”
“ค่ะ..”
กัญญาภัคยิ้มเย็นเหยียดก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะเมื่อมองดูลายมือชื่อของศรีวิมุตในแผ่นกระดาษ
“อีโง่ แกมันก็โง่เหมือนผัวแกนั่นแหละ แค่ฉันยืมชื่อแกเป็นเจ้าของเงินมหาศาลหลังจากที่ฉันโยนความผิดให้พ่อผัวน่าโง่ของแกว่ายักยอกมาใส่ไว้ในบัญชีให้แกเป็นแพะ เพียงเท่านั้นฉันก็ได้ครอบครองเงินมหาศาลจำนวนนี้ และมันก็ถึงเวลาที่แกจะต้องคืนมันให้ฉันได้แล้วอีหน้าโง่..”
กัญญาภัคหัวเราะร่าเมื่อนึกถึงเงินจำนวนมากที่หล่อนรวมหัวกับผู้จัดการมรดกของตระกูลยักยอกเงินออกมาแล้วโยนความผิดให้นายเถกิงเกียรติซึ่งเป็นทนายความเก่าแก่และเป็นพ่อของนายอรรถพงษ์ให้เป็นแพะหลังจากนั้นก็ถ่ายโอนเข้าใส่ในบัญชีชื่อของศรีวิมุต เพื่อให้หล่อนเป็นแพะหากความแตก
แต่ความก็ไม่แตกมิหนำซ้ำยังสามารถกำจัดนายเถกิงเกียรติออกไปจากบ้านได้ ทำให้หล่อนสามารถที่จะใช้จ่ายเงินได้อย่างสะดวกไม่มีใครมาคอยตรวจสอบ แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่หล่อนจะครอบครองเงินจำนวนนั้นด้วยตัวเอง โดยถ่ายโอนจากบัญชีของศรีวิมุตที่เซ็นใบมอบฉันทะให้หล่อนอย่างง่ายดาย