บทที่ 3 (2)
“เราไปก่อนน่ะน้ำค้าง คืนนี้ไม่ต้องไปรับ เดี๋ยวเรากลับเอง”
นาราภัทรตะโกนบอกน้องสาวพร้อมกับวิ่งไปขึ้นรถรางก่อนที่รถจะออก ถ้าหากไม่ทันรถรอบนี้เธอก็ต้องนั่งรอถึง 10 นาทีกว่าจะมีรถผ่านมาอีกคัน
“บายน้ำหนาว เจอกันคืนนี้”
น้ำค้างตะโกนตอบแล้วยกมือโบกให้พี่สาวที่วิ่งเร็วปานสายฟ้าไปขึ้นรถรางจนเธอนึกกลัวว่าจะสะดุดหกล้มเอาเข้าสักวัน หญิงสาวรอจนกระทั่งรถรางเคลื่อนที่ออกจากป้ายจอดแล้วจึงได้เดินทอดน่องไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก สายลมเย็นที่โบกพัดผ่าน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นไม้ดอกไม้ที่ปลูกอยู่ริมทางเดิน พระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่กำลังอัสดงในเมืองบอสตันทำให้คิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนจนน้ำตารื้นขอบตา ยิ่งคิดถึงเรื่องพ่อ พี่สาวคนโตและความใฝ่ฝันของตนเองที่พังทะลายลงพร้อมๆ กับรับรู้ข่าวร้ายเรื่องที่แม่ขายบ้านขายโรงแรมและไปอยู่กับชายอื่นทำให้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ในที่สุดก็ปล่อยให้ร่วงพร่างพรูลงมาตามพวงแก้มแดงปลั่งและเอ่ยพึมพำออกมาคนเดียว
“น้ำค้างจะเก็บเงินช่วยพี่น้ำเหนือพี่น้ำหนาวก่อน เมื่อไหร่ที่ครอบครัวเรามีพร้อมทุกอย่างเหมือนดังเดิม น้ำค้างจะขอทำตามความฝันของตนเองบ้าง”
เจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์ นั่งเอกเขนกอยู่ภายในห้องชุดสุดหรูย่านเศรษฐีซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองบอสตัน ในมือหนาร้อนผ่าวมีจดหมายรักซึ่งได้จากหญิงงามแก่นแก้วที่ได้หยิบมาอ่านอีกรอบ ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มพราย นัยน์ตาคมกริบเต้นระริกมันระยับขณะกวาดสายตาตามตัวอักษรภาษาไทยที่ถูกบรรจงเขียนอย่างเป็นระเบียบ ยิ่งคิดถึงเจ้าของจดหมายที่มีใบหน้างามลออแกมแก่นเซี้ยว ดวงตากลมโตที่ชอบจ้องมองเอาเรื่อง ริมฝีปากอิ่มเอิบสีหวานช่างจรรจาเอ่ยแขวะไม่เลือกหน้ายิ่งทำให้คิดถึงโฉมงามมากกว่าเดิม
และเมื่อมันสมองที่ฉลาดเป็นกรดนึกคิดอะไรขึ้นมาได้ เจ้าชายซารีฟร์ก็ดีดตัวนั่งตัวตรงจากนั้นก็ตะโกนเรียกองครักษ์ประจำกายที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก
“ราชิต เข้ามาพบเราหน่อยสิ”
ออกคำสั่งเรียกองครักษ์ไม่ถึงนาทีดีเจ้าชายองค์รองแห่งทะเลทรายก็ได้เห็นเรือนร่างกำยำขององครักษ์เอกในชุดสูทสากลที่เดินมาทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงหน้า
“พระองค์ต้องการสิ่งใดพะยะค่ะ”
ราชิตเอ่ยถามความประสงค์ของเจ้าเหนือหัวออกจะแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่เห็นเจ้าชายหนุ่มสวมอาภรณ์ดูแปลก
ตาไปกว่าเดิมราวกำลังจะออกไปข้างนอกยังไงยังงั้น
“อาดิลกลับเข้ามาหรือยัง”
เจ้าชายซารีฟร์ไม่ตอบคำถามองครักษ์เอกแต่ได้ถามถึงองครักษ์อาดิลซึ่งตนเองได้สั่งให้ไปสืบเสาะหาที่อยู่และสถานที่ทำงานที่น้ำหนาวได้เข้าไปเป็นบาร์เทนดี้
“ตะกี้อาดิลโทรมาบอกว่ากำลังขึ้นลิฟท์มาแล้วพะยะค่ะ พระองค์จะออกไปข้างนอกหรือพะยะค่ะ”
“อืม...ใช่ ให้อาดิลกลับมาก่อน” เจ้าชายซารีฟร์รับคำในลำคอแล้วเอ่ยสั่งราชิตที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตนเอง
“หยิบปากกาให้เราหน่อย”
“ได้แล้วพะยะค่ะ”
ราชิตหยิบปากกาด้ามแพงออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทแล้วยื่นให้เจ้าเหนือหัวจากนั้นก็สงบนิ่งไม่มีทีท่าสอดรู้สอดเห็นว่าเจ้าชายหนุ่มกำลังเขียนข้อความอะไรลงไปบนกระดาษแผ่นเล็ก
“อาดิลมาถึงแล้วให้เข้ามาหาเราในห้องทันที”
เจ้าชายซารีฟร์สั่งเสียงเข้มทั้งๆ ที่กำลังก้มหน้ากำลังจรดปลายปากกาด้ามแพงลงไปบนกระดาษแผ่นเล็กอันเป็นจดหมายรักที่ได้รับจากหญิงงามแก่นแก้ว เจ้าชายหนุ่มแห่งทะเลทรายได้พลิกกระดาษสีขาวแล้วลงมือตวัดปลายปากกาเขียนจดหมายรักเป็นภาษาไทยด้วยตัวหนังสือเป็นระเบียบสวยงามให้กับเจ้าของจดหมายบ้าง
เมื่ออดรนทนไม่ไหวเพราะเห็นเจ้าชายหนุ่มลงมือจรดปลายปากกาพร้อมด้วยใบหน้าคมเข้มที่แย้มยิ้มกว้าง ดวงตาเต้นมันระยับราวกับถูกอกถูกเสียนักหนาองครักษ์ราชิตจึงได้อ้อมแอ้มเอ่ยถามเจ้าเหนือหัวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาระคนอย่างรู้
“เอ่อ...พระองค์ทรงเขียนอะไรอยู่พะยะค่ะถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เช่นนี้”
“ตอบจดหมายรักน้ำหนาว”
เจ้าชายซารีฟร์ตอบยิ้มๆ พลางทอดสายตาไปบนตัวอักษรภาษาไทยที่ตนเองบรรจงร้อยเรียงลงไปบนจดหมายรักแผ่นเล็กจากนั้นก็พับเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตด้วยกริยาทะนุถนอม
“อาดิลมาถึงหรือยัง”
เจ้าชายหนุ่มเอ่ยถามอีกครั้งอย่างใจร้อนเมื่อมองไปยังช่องประตูห้องนอนบานใหญ่แล้วไม่เห็นองครักษ์อีกนายที่ตนเองกำลังรอคอยอยู่
“กระหม่อมมาแล้วพะยะค่ะ”
อาดิลรีบตะโกนตอบเจ้าเหนือมาแต่ไกลเมื่อเปิดประตูห้องชุดเข้ามาแล้วได้ยินถ้อยคำน้ำเสียงที่เจ้าชายหนุ่มได้เรียกหาตน
“ได้เรื่องว่าไงบ้างอาดิล”
เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยถามทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อๆ ขององครักษ์อาดิลโผล่เข้ามาในห้องนอน ไม่ต้องรอให้องครักษ์ได้หายใจหายคอพักเหนื่อยเพราะสิ่งที่ตนอย่างรู้นั้นได้จุกแน่นทั่วกายใจ
อาดิลสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเอ่ยตอบเจ้าเหนือหัว “คุณน้ำหนาวพักอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ ห่างจากมหาวิทยาลัยไม่เท่าไหร่ และวันนี้คุณน้ำหนาวออกไปทำงานที่ผับของคนที่ชื่อพอลแล้ว กระหม่อมได้ที่อยู่มาเรียบร้อยแล้วพะยะค่ะ”
“แล้วเรื่องที่น้ำหนาวกับน้องสาวต้องทำงานหนักหาเงินไปซื้อบ้านกับเรื่องพี่สาวของเธอล่ะ เจ้าหาข้อมูลมาได้หรือเปล่า”
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ถ้าหากเขาได้เอ่ยถามกับท่านพี่ฮารีฟร์คงได้รับคำตอบที่กระจ่างแจ้งทั้งหมดรวมถึงเรื่องของหญิงงามชาวสยามที่ชื่อนีราพรรณหรือน้ำเหนือซึ่งตัวท่านพี่ฮารีฟร์กำลังจะอภิเษกด้วยทันทีที่จัดการปัญหาคาราคาซังภายในอัลนูรีนได้สำเร็จ แต่จู่ๆ จะให้เอ่ยปากถามท่านพี่ตรงๆ เลยก็ดูไม่เหมาะสมเกรงว่าจะเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวมากเกินไป เพราะฉะนั้นการให้เหล่าองครักษ์แอบไปสืบเสาะหาข้อมูลมาจากองครักษ์ของท่านพี่ฮารีฟร์อีกทีเห็นจะเป็นการดีที่สุด
อาดิลค่อยๆ ลำดับเรียงเรื่องราวที่ได้รับมาก่อนจะเอ่ยบอกกับเจ้าเหนือหัวของตน
“เจ้าชายฮารีฟร์ได้เดินทางไปเมืองไทยเพื่อเทคโอเวอร์กิจการโรงแรมของคุณนีราพรรณพี่สาวของคุณน้ำหนาวกับน้ำค้าง นอกจากนั้นเจ้าชายยังได้ซื้อบ้านของพวกเธอไว้ด้วย คุณกมลบิดาของนางฟ้าทั้งสามล้มป่วยด้วยโรคหัวใจและช็อกจนหมดสติเมื่อได้รับคำสั่งจากเอ่อ...เจ้าชายฮารีฟร์เจ้าของบ้านคนใหม่ให้ย้ายออกจากบ้านภายใน 30 วัน”
อาดิลเอ่ยบอกประโยคท้ายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยด้วยเกรงว่าคำพูดของตนจะทำให้เจ้าชายซารีฟร์ผู้เป็นอนุชารู้สึกขัดเคือง
“เออแฮะ!...เพิ่งรู้ว่าท่านพี่เล่นบทโหดก็เป็น”
เจ้าชายองค์รองแห่งอัลนูรีนยิ้มพรายไม่ได้โกรธเคืองกับถ้อยคำขององครักษ์ที่ได้ร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมดให้ตนเองทราบแต่ในทางกลับกันกลับเอ่ยแซวผู้ที่เป็นเชษฐาซึ่งอยู่ห่างไกลกันคนละถิ่นแดน
“เล่าต่อสิอาดิล” เจ้าชายหนุ่มนักรักเอ่ยอนุญาตหลังจากที่ตนเองได้เอ่ยแซวเชษฐาเป็นการขัดจังหวะไปชั่วขณะ
“พะยะค่ะ” องครักษ์อาดิลพยักหน้ารับคำในลำคอเบาๆ ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ “คุณนีราพรรณคงไม่อยากให้บิดาล้มป่วยไปมากกว่านี้จึงได้เข้าไปพบเจ้าชายฮารีฟร์ที่บ้านเพื่อเจรจาขอซื้อบ้านคืนพะยะค่ะ”
“และท่านพี่ก็สร้างเงื่อนไขเพื่อจองจำหญิงอันเป็นที่รักให้ตกอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าแห่งทะเลทราย”
เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยต่อท้ายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ถึงตอนนี้ก็พอเดารูปการณ์ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างหญิงงามชาวสยามกับบุรุษชาติอาหรับซึ่งเป็นเชษฐาของตนเอง ด้วยคุณสมบัติที่เพียบพร้อมทั้งรูปกายที่คมเข้มหล่อเหลา รูปทรัพย์ที่มีมากมายติดอันดับเศรษฐีต้นๆ ของโลก เจ้าชายแห่งทะเลทรายผู้อาจหาญจะหาหญิงสาวมาเคียงข้างกายสักกี่สิบกี่ร้อยก็ได้ แต่เพราะต้องใจรักต้องรสสิเสน่หาเจ้าแห่งทะเลทรายจึงได้สร้างเงื่อนไขเพียงเพื่อหน่วงเหนี่ยวหญิงสาวชาวไทยไว้เคียงข้างกาย
“ท่านพี่คงรักคุณนีราพรรณมากถึงได้ทำเช่นนั้น อ้อ...คุณนีราพรรณชื่อเล่นน้ำเหนือใช่ไหมอาดิล”
“พะยะค่ะคุณนีราพรรณชื่อเล่นชื่อน้ำเหนือ ชื่อไพเราะเป็นไทยๆ ทั้ง 3 นางฟ้าเลยพะยะค่ะ ทั้งอานีสต์และวาอีน์บอกว่าเจ้าชายฮารีฟร์ยกย่องให้คุณน้ำเหนือเป็นราชินีแห่งอัลนูรีนซึ่งราษฎรปวงผองทั่วทั้งประเทศได้ทราบเรื่องนี้ดี”
อาดิลได้เอ่ยบอกเจ้าชายหนุ่มตามข้อมูลที่ตนเองได้รับทราบมาจากองครักษ์อานีสต์และองครักษ์วาอีน์ซึ่งเป็นองครักษ์ของเจ้าชายฮารีฟร์และใช่จะมีแค่เพียงองครักษ์สองนายที่ยืนยันว่าเจ้าแห่งทะเลทรายได้ยกย่องให้หญิงงามชาวสยามเป็นราชินี ราษฎรปวงผองทั่วทั้งอัลนูรีนต่างก็เป็นปลื้มและพร้อมใจยกย่องคุณน้ำเหนือเป็นราชินีเช่นเดียวกัน
“ท่านพี่คงไม่ต้องการบ้านและโรงแรมของนางฟ้าทั้งสามหรอก แต่เพียงเพราะต้องการผูกมัดให้คุณน้ำเหนืออยู่กับตนเองถึงได้ทำเช่นนี้”
เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยอย่างรู้ใจเชษฐาดี ทรัพย์สินเงินทองสายแร่น้ำมันที่มีนับร้อยๆ บ่อทั่วทั้งแผ่นผืนทะเลทรายขุดมาขายชั่วลูกหลานก็ไม่มีหมดแค่เพียงเท่านี้ก็ทำให้ราชวงศ์อัลนูรีนร่ำรวยพออยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปยึดทรัพย์สินของใครมาอีก
“ท่านอานีสต์แจ้งให้ทราบว่าเจ้าชายฮารีฟร์ได้สั่งให้โอนทรัพย์สินทุกอย่างกลับคืนเป็นของคุณน้ำเหนือหมดแล้วพะยะค่ะ”
คราวนี้องครักษ์ราชิตเป็นผู้เอ่ยรายงานเจ้าเหนือหัวของตนบ้าง การทำหน้าที่เป็นองครักษ์อารักขาความปลอดภัยให้กับเจ้าเหนือหัวเป็นเรื่องจำเป็นที่เหล่าองครักษ์ทุกนายต้องเล่าเรียงเรื่องราวทุกอย่างซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เป็นการยุ่งเรื่องของเจ้านายแต่เพื่อสะดวกต่อการคอยอารักขาความปลอดภัยให้กับเจ้าชีวิตของพวกตน
เจ้าชายซารีฟร์พยักหน้ารับรู้สิ่งที่ราชิตได้เอ่ยรายงาน “เราก็คิดว่าต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ท่านพี่ไม่ต้องการทรัพย์สินนอกกายไปมากกว่าหญิงอันเป็นที่รัก ฝาแฝดทั้งสองคงไม่รู้เรื่องนี้ถึงได้พากันโหมทำงานหนักเพื่อหาเงินมาซื้อบ้านซื้อโรงแรมกลับคืน”
“ใช่พะยะค่ะ กระหม่อมแอบซุ่มดูว่าคุณน้ำหนาวกับคุณน้ำค้างกลับจากมหาวิทยาลัยแล้วก็พากันกลับอพาร์ทเม้นท์แล้วสักพักก็ออกไปทำงานต่อ”
การได้รับคำสั่งจากเจ้าชายซารีฟร์ให้สืบเสาะหาประวัติข้อมูลของหญิงงามที่ต้องตาต้องใจจำเป็นต้องรอบคอบหาข้อมูลมาให้ครบถ้วน
“ท่าทางเหนื่อยเอาการกลับจากเรียนไม่ทันได้พักผ่อนก็ไปทำงานต่อแล้ว”
เจ้าชายหนุ่มนักรักพึมพำเสียงแผ่วเบาด้วยความสงสารนางฟ้าทั้งสอง รู้ว่าการเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยชื่อก้องโลกนั้นสาหัสหนักหนาเอาการทั้งเนื้อหาที่เล่าเรียนทั้งเรื่องการสอบที่เรียกว่าหินเอามากๆ ขนาดว่าเรียนแค่เพียงอย่างเดียวอย่างตัวเขายังเหน็ดเหนื่อยแทบพับแล้วนางฟ้าฝาแฝดแสนงามทั้งสองต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยท่าทางจะพับเอาง่ายๆ
“พระองค์จะยื่นมือเข้าไปช่วยคุณน้ำหนาวหรือเปล่าพะยะค่ะ”
ราชิตเอ่ยถามได้ตรงใจเพื่อนรักมาก เพราะอาดิลเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าชายนักรักคาสโนว่าแห่งอัลนูรีนจะทำเช่นไรต่อไป
“เรายิ่งกว่าอยากช่วยอีกน่ะราชิต อาดิล แต่พวกเจ้าคิดว่าคนอย่างน้ำหนาวจะยอมรับการช่วยเหลือจากเราหรือ”
“คิดว่าไม่พะยะค่ะ”
ทั้งราชิตและอาดิลต่างก็เอ่ยตอบพร้อมๆ กันทำเอาเจ้าชายซารีฟร์ต้องถอนหายใจยาวออกมา
“นั่นน่ะสิ ขนาดพวกเจ้ายังดูออกเลยว่าน้ำหนาวเป็นคนเช่นไร เธอไม่มีทางยอมรับการช่วยเหลือของเราเป็นแน่”
เจ้าชายนักรักเอ่ยอย่างปลงๆ พบเจอกันไม่กี่ชั่วคืนวันก็สามารถมองหญิงงามจอมแก่นแก้วได้อย่างทะลุปรุโปร่ง รู้ว่าหญิงสาวที่แสนเย่อหยิ่งอย่างน้ำหนาวไม่ทางยอมรับความช่วยเหลือจากใครง่ายๆ แน่
“อาดิล ตะกี้เจ้าบอกเราว่าวันนี้น้ำหนาวไปทำงานที่ผับแล้วใช่มั้ย”
“พะยะค่ะ กระหม่อมขับรถตามรถรางที่คุณน้ำหนาวขึ้นไป กระหม่อมรอจนคุณน้ำหนาวลงจากรถเข้าไปในผับจึงได้กลับมารายงานพระองค์พะยะค่ะ”
“ดีมาก พวกเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองถอดสูทเก็บไว้สักวัน”
เจ้าชายหนุ่มเอ่ยสั่งชี้นิ้ววนไปยังสูทสากลดูภูมิฐานที่เหล่าองครักษ์สวมใส่อยู่จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างกระปรี้กระเปร่าเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องรับแขกหรูที่อยู่ด้านนอก
“พระองค์จะเสด็จที่ไหนถึงจำเป็นต้องให้พวกกระหม่อมเปลี่ยนชุดพะยะค่ะ”
ราชิตเอ่ยถามด้วยความสงสัยขณะที่ตนเองและอาดิลได้เดินตามเจ้าเหนือหัวออกมายังห้องรับแขก แล้วก็พากันเบรกแทบไม่ทันเพราะจู่ๆ เจ้าชายหนุ่มก็หยุดเดินแล้วหันขวับแย้มยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับเอ่ยตอบคำถาม
“เราจะไปส่งจดหมายรัก พวกเจ้ารีบไปเปลี่ยนชุดเร็วๆ”
“ไปส่งจดหมายรัก?...ที่ไหนพะยะค่ะหรือว่าเป็น...”
อาดิลร้องถามเสียงสูงเลิกคิ้วเข้มหนาขึ้นดวงตาเบิกกว้างเมื่อเริ่มเข้าใจการกระทำของเจ้าเหนือหัวมาบ้างแล้ว
“ใช่แล้วที่ผับที่น้ำหนาวไปทำงาน”
เจ้าชายซารีฟร์ยิ้มกริ่มเอ่ยตอบอาดิลทั้งๆ ที่องครักษ์พูดไม่ทันจบประโยคดี คิดถึงใบหน้างามแก่นแก้ว ดวงตากลมโตเอาเรื่อง ริมฝีปากอวบอิ่มสีหวานแล้วทำให้อยากพบเจอะเจอน้ำหนาวโดยเร็วไว
“เอ่อ...พระองค์กำลังจะจีบคุณน้ำหนาวหรือพะยะค่ะ”
ซุ่มเสียงของราชิตที่ได้หลุดปากเอ่ยถามเจ้าชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยความแปลกใจระคนสงสัยและพอได้ยินคำตอบจากเจ้าเหนือหัวทั้งราชิตและอาดิลก็มีอันต้องอ้าปากกว้างเบิกตาโตด้วยความคาดไม่ถึงว่าเจ้าชายหนุ่มนักรักคาสโนว่าแห่งอัลนูรีนจะรู้สึกชอบพอรักใคร่หญิงสาวที่เพิ่งพบหน้าแค่ไม่กี่วัน
“อืม...ที่พวกเจ้าถามและคิดกันอยู่นั้นถูกแล้ว เรากำลังจะจีบผู้หญิงเป็นครั้งแรกจะลองเป็นฝ่ายรุกสักครั้งหลังจากปล่อยให้บรรดาหญิงสาวทั้งหลายเป็นผู้รุกเข้าหาเราแค่เพียงฝ่ายเดียว”
เจ้าชายซารีฟร์เอื้อนเอ่ยออกมาอย่างทระนง ใช่แล้วเขากำลังจะจีบสาวรุกฆาตเข้าหาผู้หญิงเป็นครั้งแรกในชีวิต การเป็นหนุ่มหล่อรูปงามที่พร้อมด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์และร่ำรวยติดอันดับไม่แพ้ผู้เป็นเชษฐาทำให้ตัวเจ้าชายหนุ่มไม่เคยว่างเว้นจากบรรดาสาวๆ ทั้งไฮโซ นางแบบ ดาราที่ได้แวะเวียนเข้ามาในชีวิต แต่หญิงสาวเหล่านั้นก็เป็นเพียงธุลีละอองเม็ดทรายที่พัดผ่านไม่เคยมีใครสามารถพิชิตใจเจ้าชายหนุ่มนักรักได้แม้แต่คนเดียว คงจะมีแค่เพียงหญิงงามแก่นแก้วชาวสยามเท่านั้นที่สามารถทำให้คาสโนว่าแห่งอัลนูรีนรู้สึกต้องตาต้องใจตั้งแต่แรกด่า!...
เจ้าชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ กับความคิดของตน ใช่! ถูกแล้วเขาชอบน้ำหนาวและอยากครอบครองเรือนกายอรชรอ้อนแอ้น ดวงตาคู่สวยกลมโต เรียวปากอิ่มเอิบสีหวานตั้งแต่ถูกหญิงสาวด่าเป็นประโยคแรก...