บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 แท้ที่จริง

ตอนที่ 7 แท้ที่จริง

ถ้อยคำของผู้เป็นสามีนั้น ช่างเอ่ยวาจาเฉียบขาดราวกับว่าเป็นคมมีดกรีดเข้ามากลางใจ แล้วฟางเจียวเหมยจะเอาชนะใจเขาด้วยความดีได้หรือไม่ หญิงสาวตัดสินใจไปทักทาย ถึงแม้จะรู้สึกไม่ชอบใจนักก็ตามที “ท่านพี่ ธุระสำคัญของท่านคือมาพบกับสาวงามหรือเจ้าคะ”

ฟางเจียวเหมยกล่าววาจากระแทกกระทั้นไปหนึ่งคำรบ ผู้ถูกเอ่ยถามถึงกับนิ่งอึ้ง เมื่อจู่ ๆ ก็พบว่าภรรยาที่เขาไม่ต้องการ กำลังยืนหน้าตาบึ้งตึงไม่พอใจ แต่ทำไมกันเขากลับรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ทุกครานางมักแย้มยิ้มเสมอ แต่วันนี้นางกลับมีสีหน้าเคร่งขรึมช่างดูดุร้ายไม่เบา

“...” ชายหนุ่มไปตอบกลับ พยายามนึกหาเหตุผล คงเพราะเมื่อครู่นางได้ยินสิ่งที่เขาพูดแล้วกระมัง จึงชักสีหน้าใส่เขาเยี่ยงนี้ แม่ทัพหลี่ไม่พูดอันใดให้อีกฝ่ายระคายหูนางอีก

ทว่า...โม่ไป๋หลันกลับเสแสร้งแกล้งทำน้ำเสียงสั่น “พี่หลี่ นางคือฮูหยินของท่านหรือเจ้าคะ” นางปีศาจน้อยกำลังบีบน้ำตาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

จากนั้นจึงรีบลุกพรวดจากเก้าอี้แล้วยอบกายลง แล้วยังแสดงท่าทางราวกับว่านางกลายเป็นผู้ต้องหาเสียอย่างนั้น “พี่สาวข้า...ข้ามิได้คิดอันใดกับพี่หลี่นะเจ้าคะ”

“ปากเจ้าบอกว่าไม่ได้คิด แต่สายตาเจ้า” สตรีนางนี้ช่างเรียกร้องความสนใจได้ดีเยี่ยม ทำให้นางกลายเป็นคนใจร้ายแทนเสียอย่างนั้น หญิงสาวคิดอยากเปิดโปงโฉมหน้านางมาร้ายให้สามีได้รับรู้

“หยุดนะ ฟางเจียวเหมย!” แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มจึงขึ้นเสียงออกโรงปกป้องโม่ไป๋หลันเข้าให้ ฟางเจียวเหมยทั้งเจ็บทั้งอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี

เพราะว่าหลี่ฮั่วไม่พอใจกับถ้อยคำของฟางเจียวเหมยที่ถือดียิ่งนัก เอ่ยต่อว่าโม่ไป๋หลันต่อหน้าเขาเช่นนี้ชายหนุ่มจึงเอ่ยเสียงดุดันขึ้นมา แล้วลุกเดินไปประคองน้องสาวที่เขาเอ็นดู เกรงว่านาจะตื่นตระหนกจนเสียขวัญ

“ข้าหยุดก็ได้ ท่านพี่วันนี้วันสำคัญท่านลืมไปหรือไม่” หญิงสาวทักท้วง เห็นเขาออกโรงปกป้องสตรีอีกนางก็ไม่พอใจนัก จึงข่มความแค้นใจเอาไว้ในอก

แล้วจึงเอ่ยสอบถาม กิจธุระสำคัญของเขาคือการได้อยู่กับคนรักสองต่อสองกระมัง คงเพราะนางมิใช่คนสำคัญแต่นางคือปีศาจที่พรากพวกเขาออกจากกันใช่หรือไม่

เมื่อคิดได้ว่าตนเองก็คือนางปีศาจร้าย ที่แย่งชายคนรักของผู้อื่นมาอย่างหน้าด้าน ๆ เช่นนั้นแล้วฟางเจียวเหมยจึงฝืนยิ้มขึ้นอีกหน ไม่คิดให้เขาไปกับนาง “ข้าผิดเองเจ้าค่ะ เชิญท่านพี่ตามสบาย ข้าขอตัวก่อน”

หญิงสาวตัดสินใจเดินจากลา พร้อมกับความชอกช้ำใจ ส่วนเสี่ยวเถามองสตรีอีกฝ่ายด้วยตาเขียวเข้ม อยากจะฉีกหน้านางผู้นั้นยิ่งนัก

หากมิใช่เพราะต้องการรักษาชื่อเสียงของนายสาวเอาไว้ มิเช่นนั้นเสี่ยวเถาจะทึ้งหัวอีกฝ่ายแล้วยกฝ่ามือตวัดฟาดเข้าทั้งซ้ายและขวา บอกความนัยว่า อย่าได้ริอ่านมาแสดงงิ้วให้นางได้เห็นอีก

มีเพียงแค่...คนตาบอดอย่างแม่ทัพหลี่เท่านั้น ที่มองมารยาหญิงไม่ออก ช่างโง่เขลาเสียจริง เสี่ยวเถาก่นด่าในใจไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งเดินมาถึงรถม้าคันใหญ่โต ด้านหลังมีรถขนหีบอีกสามสี่ใบในนั้นมีของฝากเสิ่นฮูหยินมอบให้นายท่านฟาง

“เสี่ยวเถา อย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้เข้าใจหรือไม่” ก่อนขึ้นรถม้า หญิงสาวกำชับเอาไว้ เสี่ยวเถาก้มหน้าซ่อนความครุ่นคิดมากมายอยู่ในใจ และไม่เข้าใจนักหนา เหตุใดคุณหนูของนางจึงต้องออกหน้าแทนแม่ทัพหลี่ด้วย

ฟางเจียวเหมยเข้ามานั่งในรถม้า สงบสติอารมณ์ จากนั้นเสี่ยวเถาจึงเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นนาย ภายในรถม้าเงียบกริบไม่มีเสียงพูดคุยอันใด สารถีก็ค่อย ๆ เคลื่อนรถม้าเดินทางไปยังจวนสกุลฟาง

เถ้าแก่ฟางเซี่ยเหวิน เป็นพ่อค้าผู้ร่ำรวยมั่งคั่ง ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก เมืองเจียงหยางนั้น เขาเป็นผู้มีหน้ามีตามากนักเชียว ซ้ำยังส่งเงินเข้าท้องพระคลังออกบ่อยครั้ง จ่ายภาษีมากกว่าผู้อื่นเสมอ ชาวไร่ชาวนาหากเดือดร้อนก็ได้เถ้าแก่ฟางช่วยเหลือ

ดังนั้นฟางเซี่ยเหวินจึงค่อนข้างมีแต่ผู้เคารพนบน้อม นับหน้าถือตาด้วยความที่ชายผู้นี้มีเมตตาธรรม ซ้ำยังช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน

เมื่อรถม้าค่อย ๆ หายไปแล้ว โม่ไป๋หลัน ยังยืนเกาะแขนชายหนุ่มเอาไว้แน่น ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอยังหน่วยตาทั้งสองข้าง “พี่หลี่เจ้าคะ นางเข้าใจข้าผิด คิดว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ท่านไม่ได้ไปกับนาง”

“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดหรอก หลันเอ๋อร์วันนี้ที่เจ้ามาพบข้ามีอันใดหรือ” ชายหนุ่มหาได้คิดเยี่ยงนั้น เพราะดูแล้วว่าภรรยาของตนมีเหตุผลไม่น้อย นางต้องคิดให้มาก เพราะหากต้องการเคียงข้างเขา ก็ควรจะตระหนักถึงการวางตัว มิใช่หึงหวงไม่เข้าเรื่อง

“ข้าอยากมอบของขวัญให้กับท่าน แต่ไม่กล้าไปที่จวนเจ้าค่ะ” หญิงสาวอายุน้อยกว่า กล่าวเสแสร้ง เพราะอยากพูดคุยกับเขา และอยากให้ผู้อื่นรับรู้ว่า เขาควงนางออกไปไหนต่อไหน มิใช่ภรรยาที่ถูกบีบบังคับให้แต่งงานด้วย

“ทำไมกันเล่า” ชายหนุ่มแปลกใจจึงเอ่ยถาม

“ก็เพราะท่านแต่งงานแล้ว จะมีสตรีเดินเข้าออกได้อย่างไรกัน” นางตอบกลับน้ำเสียงเศร้า ใบหน้างดงามก้มหน้างุดเล็กน้อย ท่วงท่านั้นแสดงออกว่านางมิกล้าย่างเท้าเข้าไปที่เรือนนั้นอีก หวั่นว่าคู่สามีที่เพิ่งแต่งงานมาจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันเอาได้

“เจ้าคือข้อยกเว้น” ชายหนุ่มยังรักใคร่เอ็นดูนางเฉกเช่นเดิม

“พี่หลี่ใจดีกับข้าเสมอ” ในที่สุดนางก็ได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของชายในดวงใจ จึงผุดยิ้มขึ้นมาจนได้ ยังไม่ลืมจูงมือของชายหนุ่มไปยังรถม้า

ซึ่งจอดอยู่ข้าง ๆ ของโรงน้ำชากุยฮวา สาวใช้ของนางยืนอยู่ที่นั่น พร้อมกับเสื้อคลุมกันหนาว นางจึงสั่งให้ช่างมาตัดให้เขาโดยเฉพาะ ส่วนรูปร่างเขาหรือ นางก็วัดจากท่านลุงของนาง ที่มีขนาดรูปร่างใกล้เคียงกัน และก่อนหน้านั้นนางก็เคยมอบอาภรณ์ให้เขาไปสามสี่ชุด

เมื่อทั้งสองมาถึง สาวใช้ที่ยืนคอยท่าอยู่นานแล้ว เปิดม่านประตู นำกล่องไม้ใบหนึ่ง มอบให้แก่คุณหนู โม่ไป๋หลันรับมาแล้วยิ้มหวานดวงตาสุกสกาวนัก ไม่เหลือความเศร้าอยู่บนดวงตาของนางแล้ว หญิงสาวยื่นให้ชายหนุ่มในดวงใจ

หลี่ฮั่วเอ่ยถามว่า “ในกล่องนี้คืออันใด”

หญิงสาวยิ้มหวานอีกครา เอ่ยเสียงหวานขึ้นว่า “พี่หลี่ ในนี้มีเสื้อคลุมกันหนาวเจ้าค่ะ เป็นขนจิ้งจอกขาว”

“ข้ารับเอาไว้ไม่ได้ เกรงว่า...” เมื่อวานช่วงค่ำ ๆ เสี่ยวเถานำเสื้อคลุมกันหนาวมามอบให้ ยังบอกอีกว่าเป็นฟางเจียวเหมยเย็บเองกับมือ เขาเปิดออกดูก็มองว่ามันช่างงดงามและองอาจนัก เป็นสีที่เขาชื่นชอบมาก “จะรับมันเอาไว้ไม่ได้ ข้ารับแค่น้ำใจเจ้าก็พอ”

เหตุใดจึงคิดถึงสตรีที่ไม่ควรคิดด้วยเล่า จู่ ๆ ภาพใบหน้าอันบูดบึ้งนั้นก็ผุดขึ้นมา ชายหนุ่มไม่เข้าใจนัก อีกทั้งยังผลักกล่องไม้ที่หญิงสาวมอบให้ ซ้ำยังไม่พูดอันใดจึงเลือกที่จะขอตัวกลับจวนเสียก่อน

ทางด้านเสิ่นฮูหยินนั่งจิบน้ำชา คอยบุตรชายตัวดีว่าเมื่อไรจะกลับบ้าน ทันทีที่หลี่ฮั่วก้าวเท้าเข้าจวน พ่อบ้านจางก็สั่งให้สาวใช้มารายงาน จากนั้นชายชราแซ่จางจึงเอ่ยแจ้งแก่นายน้อยว่า ฮูหยินผู้เฒ่าคอยอยู่ที่ห้องรับรองโถงใหญ่ด้านหน้า

หลี่ฮั่วถอนหายใจไม่สะดวกนัก มารดาช่างจู้จี้กับเขาเกินไปหรือไม่ ปีนี้เขายี่สิบห้าแล้ว มิควรให้มารดาชี้สั่ง อีกทั้งเขายังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอีกตั้งมากมาย มิใคร่มีเวลาสนใจสตรีนางนั้น ไม่ต้องบอกว่าเรื่องอะไรกันแน่ หลี่ฮั่วล้วนทราบดี ก็คงไม่พ้นฟางเจียวเหมยอย่างแน่นอน

“อาฮั่ว กลับมาได้เสียที รีบตามเหมยเอ๋อร์ไปบ้านพ่อตาเจ้าสิ อย่าทำให้ขายหน้าตระกูลหลี่ของเราเด็ดขาด” หญิงชรารีบร้อนกล่าวขึ้น บุตรชายยังไม่ทันหย่อนก้นลงนั่งเสียด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเบา ๆ เอ่ยเสียงทุ้มแต่กลับแฝงไปด้วยความเอือมระอาเข้าให้ “ท่านแม่ ข้าเจอกับนางที่ร้านน้ำชา นางก็ไม่ได้ขอร้องให้ข้าตามนางกลับบ้านไปด้วย”

“เจ้าจะต้องรอให้นางขอร้องเจ้าหรือไร อาฮั่วเจ้าคิดอะไรตื้นเขินนัก เถ้าแก่ฟางร่ำรวยเพียงใด จะชี้นกสั่งม้าศึกสักกี่ตัวก็ย่อมได้ แต่เจ้านี่นะ” เสิ่นฮูหยินวางถ้วยชากระแทกลงบนโต๊ะเสียงดัง เอ่ยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด

เพราะบุตรชายของนางล้วนโง่งมนัก ฟางเจียวเหมยเป็นลูกสาวที่เถ้าแก่ฟางทั้งรักและทะนุถนอม ไม่ว่าฟางเจียวเหมยต้องการสิ่งใด เถ้าแก่ฟางล้วนจัดหามาให้ กระทั่งฮูหยินรองก็มิกล้าเหิมเกริมกับฟางเจียวเหมย เท่านี้ก็ต้องทราบแล้วว่า นางมีคุณค่าเพียงใด

“ท่านแม่ ข้ามิใช่ขอทานนะ ไม่ต้องให้ตาแก่นั้นมาช่วยเหลือหรอก ม้าศึกในกองทัพก็มีมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ต้องรบกวนตาแก่นั่นจัดหามาให้” กล่าวจบเขารีบเดินหนีมารดา คร้านต่อปากต่อคำกับนางยิ่งนัก หายใจเข้าออกก็ล้วนต้องการทรัพย์สมบัติ เขามิได้ต้องการนางเพราะหวังผลประโยชน์ หรือให้นางมาใช้ประโยชน์จากเขา

“เจ้าลูกโง่ไม่รักดี” เสิ่นฮูหยินแผดเสียงดังกึกก้อง ที่เห็นลูกชายนั้นอวดดีมากเพียงใด ซ้ำยังยกนิ้วชี้แผ่นหลังที่ค่อย ๆ หายใจ ภายในอกล้วนมีแต่เพลิงโทสะแผดเผาอยู่ไม่หยุดหย่อน

“ข้าหวังดีกับเจ้านะ คอยดูเถิดสักวันเจ้าจะเสียใจกับสิ่งที่กระทำ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel